เมื่อช่วงเช้าของวันที่ 16 พ.ย. 2549 เกิดข่าวช็อกสะเทือนใจของคนในวงการบันเทิง ที่ต้องสูญเสียนักแสดงฝีมือคุณภาพอย่าง อ๊อฟ อภิชาติ พัวพิมล ไปอย่างไม่มีวันกลับ หลังเกิดอาการช็อกหมดสติด้วยโรคประจำตัวหอบหืดและโรคหัวใจตีบกำเริบ ทำให้เสียชีวิตกะทันหันในห้องนอนของตนเองที่บ้านพักย่านสุขาภิบาล 3 ซึ่งในขณะนั้นอ๊อฟอายุ 30 ปี ก่อนหน้าที่จะเสียชีวิต เจ้าตัวมีอาการหอบหืดกำเริบหลายครั้งจนต้องหามส่งโรงพยาบาล

ในวันที่เสียชีวิต อ๊อฟสวมชุดนอนเป็นเสื้อกล้ามสีขาว กางเกงขายาวลายสกอตสีน้ำเงิน นั่งอยู่บนเก้าอี้ หน้าจอคอมพิวเตอร์ ศีรษะพิงกับกำแพงด้านขวาของห้อง จอคอมพิวเตอร์ยังเปิดอยู่ โดยมียาแก้โรคหอบหืดวางอยู่บนโต๊ะ และในวันที่ญาติและครอบครัวเดินทางไปรับศพอ๊อฟที่สถาบันนิติเวชวิทยา โรงพยาบาลตำรวจ ได้เตรียมเสื้อผ้าเป็นชุดลำลอง ประกอบไปด้วย เสื้อยืดคอกลมสีเหลือง เสื้อแจ็กเกตดำ กางเกงยีนส์ รองเท้าผ้าใบสีฟ้าขาว และแว่นกันแดด ไปเปลี่ยนให้ชายหนุ่มสวมใส่เป็นครั้งสุดท้าย

โดยแม่สีดาได้เล่าถึงเหตุการณ์ก่อนที่จะเสียชีวิตของอ๊อฟว่า "แม่เพิ่งจะทราบเมื่อตอนเที่ยง เขาเป็นโรคหอบหืดและโรคหัวใจตีบ เมื่อเช้าเขาก็พูดเหมือนคนนอนหลับ แม่นั่งอยู่ข้างล่างได้ยินเสียงเขาหอบดังมากก็เลยขึ้นไปเคาะห้องถามว่าเป็นอะไรรึเปล่า จะไปโรงพยาบาลมั้ย เขาก็บอกว่าไม่เป็นอะไรครับ สงสัยอ๊อฟละเมอ เราก็ไม่ได้สนใจอะไร ก็ลงมานั่งอ่านหนังสือข้างล่าง พอเที่ยงเห็นเขายังไม่สั่งอะไรทานเลยให้แม่บ้านไปเรียก ซึ่งมันผิดปกติถ้าเขายังไม่ทานเขาจะตะโกนออกมา เราก็เอ๊ะ! ยังไง เลยขึ้นไปข้างบนไปทุบประตูแต่เขาก็เงียบ ก็เลยให้แม่บ้านผู้ใหญ่อีกคนขึ้นไปเขาก็ไม่ตอบ ทุบดังมากเขาก็ไม่ตอบ สุดท้ายเลยตัดสินใจให้ รปภ. ของหมู่บ้านพังประตูเข้าไป ก็เห็นอ๊อฟหมดสติอยู่"

...

"คือเขาเป็นหอบหืดมาตั้งแต่เด็กแล้ว แต่ตอนนี้เขาเป็นเยอะเข้าโรงพยาบาลหลายครั้ง แล้วเขาเป็นหนักมากๆ และตอนนี้ก็เป็นโรคหัวใจตีบด้วย ก่อนหน้านี้ไม่มีวี่แววอะไรเลย (ร้องไห้โฮ) เขาเป็นแบบนี้ของเขามานานแล้ว รู้สึกว่าเขาอยากนอนพัก ก็ให้เขานอนพัก ไม่คิดว่าจะมาเจอสภาพแบบนี้ และไม่คิดว่าจะไปเร็วแบบนี้ ตอนที่เราไปเคาะประตูเรียกเขา เสียงเขาก็เหมือนคนนอนบอกว่า ไม่มีอะไร อ๊อฟไม่ได้เป็นอะไร อ๊อฟฝันไป เขาพูดแบบนี้"

อ๊อฟ อภิชาติ พัวพิมล ได้รับฉายา คีอานู รีฟส์ เมืองไทย หรือ คีนู อ๊อฟ เนื่องจากหน้าตาและรูปร่างมีลักษณะคล้าย คีอานู รีฟส์ พระเอกชื่อดังของฮอลลีวูด ด้านความรัก อ๊อฟ เคยคบหานักแสดงสาวชื่อดังอยู่ 2 คน คือ เจี๊ยบ พิจิตตรา สิริเวชชะพันธ์ และ ต่าย สายธาร นิยมการณ์ สำหรับ ต่าย สายธาร ในปัจจุบันยังได้ออกรายการพูดถึงความผูกพันที่ตนเองและอ๊อฟมีต่อกัน เพราะต่ายกับอ๊อฟหลังจากเลิกกันแล้ว ก็ยังเป็นเพื่อนที่ดีต่อกัน

อ๊อฟ อภิชาติ มีผลงานละครหลายเรื่อง ที่ทิ้งไว้ให้คนได้ระลึกถึง และละครเรื่อง เงื่อนริษยา ที่ออกอากาศเมื่อเดือนมกราคม พ.ศ. 2550 ทางช่อง 7 เป็นละครเรื่องสุดท้ายที่อ๊อฟฝากฝีมือไว้ก่อนที่จะเสียชีวิต

แม้อ๊อฟจะเสียชีวิตไปนานกว่า 11 ปีแล้ว แต่ความผูกพันของอ๊อฟของแม่สีดา พัวพิมล และต่าย สายธาร ก็ยังเป็นที่พูดถึงเสมอ โดยสาวผู้เป็นที่รักของอ๊อฟทั้งสอง เคยกล่าวผ่านรายการ คนอวดผี ซึ่งเทปนี้ได้ออกอากาศไปเมื่อปีที่แล้ว ว่าตลอดระยะเวลา 10 ปีที่ผ่านมา ดวงวิญญาณของอ๊อฟ อภิชาติ ไม่เคยจากไปไหน ทั้งยังคงวนเวียนไปหาแม่สีดาและต่ายอยู่เสมอ

ต่าย สายธาร เล่าว่า ก่อนที่ อ๊อฟ อภิชาติ จะเสียชีวิต อยู่ๆ ก็โทรศัพท์มาหาตน ทั้งๆ ที่ไม่ได้คุยกันมานานถึง 5 ปี ตอนนั้นก็ไม่คิดว่าเป็นลางสังหรณ์อะไร ได้แต่แปลกใจว่า ทำไมเขาโทรมาหาเรา ซึ่งวันนั้นก็คุยกันนานประมาณ 3-4 ชั่วโมง ส่วนเหตุผลที่ทำให้เราไม่ได้ติดต่อกันมานาน อาจเพราะเราทั้งคู่เป็นคนที่อารมณ์ร้อนเหมือนกัน จึงทำให้มีเรื่องไม่เข้าใจอยู่บ่อยๆ จนถึงขั้นมีการลงไม้ลงมือกันครั้งหนึ่ง ซึ่งเราก็รู้ว่าเขาไม่ได้ตั้งใจทำร้ายเรา เพราะจริงๆ เขาไม่ใช่คนที่ชอบใช้กำลังอยู่แล้ว คำพูดสุดท้ายที่ตนบอกกับอ๊อฟคือ เราจะไม่ทิ้งแม่สีดา ซึ่งในเรื่องนี้แม่สีดาก็ยืนยันว่า นับตั้งแต่วันที่อ๊อฟจากไป ต่ายก็ไม่เคยทิ้งตนเลย

แม่สีดา เล่าว่า ก่อนที่บ้านเดิมของตนจะโดนยึดไป ตอนนั้นตนก็อาศัยนอนที่ชั้นล่าง ไม่ได้ขึ้นไปนอนที่ชั้น 2 เพราะตนอยู่คนเดียว ซึ่งทุกคืนตนจะอาศัยแสงไฟจากไฟฉาย เนื่องจากตอนนั้นโดนตัดไฟฟ้าไปแล้ว และมีคืนหนึ่งที่ตนนอนอยู่ รู้สึกกระสับกระส่าย พอลืมตาขึ้นมาก็เห็นว่า อ๊อฟยืนอยู่ที่ปลายเท้า ตนก็เลยถามว่า อ๊อฟมาหาแม่ดาเหรอลูก สภาพที่เราเห็นคือเห็นเขาแค่ท่อนบน โดยที่เขาไม่ได้สวมเสื้อ

...

หลังจากที่ตนถามเขาไป เขาก็ตอบว่า แม่ดาครับ อ๊อฟหนาวเหลือเกิน อ๊อฟไม่มีเสื้อผ้าใส่เลย ตนก็ถามกลับไปว่า ทำไมล่ะลูก ตอนนั้น แม่ตุ๊ก เดือนเต็ม ก็ใส่เสื้อผ้าไปให้ลูกในโลงตั้งหลายชุด ทำไมลูกถึงไม่ได้เสื้อผ้าล่ะ เขาก็ตอบกลับว่า อ๊อฟไม่ได้เลยครับ พอได้ยินเขาตอบแบบนี้ ตนก็ยิ่งสงสารลูก และรับปากเขาว่าแม่ดาจะรีบทำบุญส่งเสื้อผ้าไปให้เขา

พอเช้าวันรุ่งขึ้น ตนก็พยายามคิดหาทางทำบุญให้ลูกชาย เพราะตอนนั้นเงินก็ไม่มีเลยสักบาท แต่ด้วยความรัก ความสงสารลูกไม่อยากให้เขาต้องทนหนาว จึงเอาพระประธานที่บ้านไปปล่อย ก็โดนคนรับซื้อกดราคา ได้เงินมาแค่ 3,000 บาท พอได้เงินมาตนก็รีบเอาเงินไปซื้อรองเท้า ซื้อเสื้อผ้าให้ลูก แล้วรีบไปทำบุญทันที ซึ่งเราก็เชื่อว่าเขาน่าจะได้ของที่เราทำบุญไปให้

"มีอยู่ครั้งหนึ่ง แม่ได้มีโอกาสไปพบแม่ชีท่านหนึ่ง ที่ จ.สุพรรณบุรี ตอนที่เจอกัน แม่ชีท่านบอกว่า ลูกชายมาฝากไว้นะ ขอให้ช่วยดูแลแม่ผมด้วย ตอนนั้นเราก็ไม่เชื่อท่าน ย้อนถามไปว่า ลูกชายใส่เสื้อสีอะไร แม่ชีท่านก็บอกว่า ตอนที่เขาเสียชีวิตใส่เสื้อกล้ามสีขาว กางเกงนอนลายสกอตใช่ไหม พอได้ยินเราก็รู้สึกแปลกใจ เพราะท่านไม่เคยมาที่บ้านเรา จะรู้ได้อย่างไร และถ้าถามว่า อ๊อฟยังอยู่กับเรามั้ย ทุกวันนี้ยังเชื่อว่าเขาไม่เคยไปไหน และคอยช่วยเหลือเราอยู่ตลอด"

และตัวแม่สีดาเองก็ยังเชื่อว่า อ๊อฟยังอยู่บ้านหลังเดิม เพราะน้องสาวก็อยู่บ้านติดกัน และ รปภ. หมู่บ้านมาบอกว่า เห็นผู้ชายหัวโล้นใส่เสื้อกล้ามสีขาวเดินสูบบุหรี่ไปมา

ซึ่งหลังจากที่อ๊อฟเสียชีวิตไป ตนก็ยังได้ยินเสียงขึ้นลงเตียงแบบตึงตังอยู่บ้างบางครั้ง เคยมีครั้งหนึ่งคนงานก่อสร้างเข้ามาทำบ้านหลังเก่าที่อ๊อฟเคยอยู่ บอกว่านอนไม่ค่อยหลับ เพราะได้ยินเสียงตึงตังบนบ้าน เราไม่ได้บอกคนงานว่า เราเป็นอดีตเจ้าของบ้านหลังนี้ เพราะบ้านหลังนี้โดนยึดไปแล้ว ก็เลยบอกคนงานไปว่า ไม่มีอะไรหรอก เจ้าของเก่าเขาอยู่มาตั้งนาน ไม่เคยเจออะไรเลย

...

"คือตอนที่แม่ออกมาจากบ้านเก่า ไม่ได้เชิญเขาออกมาด้วย เราตั้งมั่นว่า เราจะพยายามขวนขวายทำงาน เพื่อเอาบ้านหลังนี้กลับมาให้ได้ และทุกวันนี้ลูกสาวเราก็ยังอยู่บ้านติดบ้านหลังเก่าเราอยู่"

ขณะที่ต่ายบอกว่า ปกติอ๊อฟเป็นคนที่ชอบใส่หมวกอยู่ตลอด และมีอยู่ครั้งหนึ่งหลังจบงานศพ ตอนนั้นตนเองยืนล้างหน้าอยู่ พอเงยหน้าขึ้นมองที่กระจกก็เห็นว่ามีคนใส่หมวกมายืนอยู่ด้านหลัง ก็คิดแค่ว่า ตัวเองอาจจะตาฝาดไป แต่ถ้าถามว่า ทุกวันนี้คิดว่าเขายังวนเวียนอยู่กับเรามั้ยนั้น ต้องบอกเลยว่า โดยส่วนตัวแล้ว เราคิดว่าเขายังไม่ไปไหนนะ และที่ผ่านมา ไม่ว่าตนจะคบกับใคร ก็จะบอกกับคนที่คบว่าเราต้องไปทำบุญให้อ๊อฟนะ

"ทุกวันนี้ยังเก็บภาพถ่ายของอ๊อฟไว้ ซึ่งก็มีบางครั้งที่เราหยิบภาพเขาขึ้นมาดู และอาจด้วยความผูกพันที่เรามีให้กับเขา ทำให้แฟนคนปัจจุบันของตนฝันว่าอ๊อฟมาหา และในฝันแฟนของตนก็รู้สึกกลัวเขามาก แต่ตนเชื่อว่าอ๊อฟไม่ได้มาทำร้าย แต่เพื่อความสบายใจ จึงได้พากันไปทำบุญ หลังจากนั้นตนก็ตัดสินใจนำภาพของเขาไปไว้ที่วัดแทน"

และในขณะที่อ๊อฟยังมีชีวิตอยู่ก็มีข่าวออกมาอีกว่า อ๊อฟได้มีความสัมพันธ์ลึกซึ้งกับช่างแต่งหน้าในกองละคร จนกระทั่งมีลูกสาววัยน่ารักด้วยกัน 1 คน ซึ่งในขณะนั้นอายุได้ 3 ขวบแล้ว เรื่องนี้คนใกล้ชิดอ๊อฟและช่างแต่งหน้าสาวคนนั้น ได้เคยเปิดเผยผ่านสื่อว่า ชีวิตรักของหนุ่มสาวคู่นี้ค่อนข้างอาภัพ แม้จะมีลูกด้วยกัน แต่ก็ไม่ได้อยู่ด้วยกันพร้อมหน้าพร้อมตาเหมือนคนทั่วไป เนื่องจากมีปัญหาที่แก้ไม่ตก ซึ่งเรื่องนี้คงโทษฝ่ายใดฝ่ายหนึ่งไม่ได้ แต่หากมีเวลาว่าง อ๊อฟมักจะแวะไปหาลูกสาวอยู่เสมอ...

...