อุ้ย! ในช่วงเวลานี้ "หนุ่ม กรรชัย กำเนิดพลอย" ผู้ประกาศข่าวและพิธีกรที่กำลังมาแรง ทุกคำพูดของเขากลายเป็นกระแส กลายเป็นมีมในโซเชียลมีเดียอย่างสนุกสนาน Thairath Talk เลยขอย้อนคำสัมภาษณ์ถึงบทบาทหน้าที่ของพี่หนุ่ม กรรชัย ประสบการณ์ช่วงแรกที่สวมบทบาทผู้ประกาศข่าว บาดแผลที่จำฝังใจ คำพูดเสียดแทงที่ไม่มีวันลืม พี่หนุ่มฝากถึงคนพูดด้วยว่า
"กูจะทำให้ดีกว่ามึง!"
เริ่มต้นพี่หนุ่มเล่าที่มาจากพิธีกรรายการบันเทิงสู่ผู้ประกาศข่าวช่อง 3 มันเหมือนถูกรางวัลที่ 1 แต่เมื่อได้มาทำก็ไม่ได้ราบรื่น
“พอมาทำงานวงการข่าวมันก็ไม่ได้เหมือนโรยกลีบกุหลาบ พี่เจอการค่อนแคะจากคนอื่นๆ จากคนข่าวในวงการ บางคนก็บอกว่าไม่ใช่คนข่าว ไม่รู้จะนิยามว่าอะไร บางคนก็บอกว่าไม่มีมารยาท เพราะไม่ใช่คนข่าวถึงได้ไปสัมภาษณ์เขาแบบนั้น”
หนุ่ม กรรชัยเล่าขยายความต่อถึงกรณีน้องแพรวาที่ขับรถชน มีคนเสียชีวิต 9 ศพ
"ตอนนั้นพี่ทำรายการโหนกระแส ซึ่งเป็นรายการ Hard Talk แล้วเรื่องนี้อยู่ในกระแส พี่ก็เลยดึงเรื่องนี้มาคุย แต่พอดีครอบครัวแพรวาเขาติดต่อพี่มาโดยตรง แม่แพรวาเขาโทรหาพี่เองเลย ซึ่งเราไม่เคยรู้จักกันมาก่อน แกก็บอกเลยว่าอยากให้คุณหนุ่มเป็นสะพานให้พูดคุย เจรจาเบื้องต้นกับทางผู้เสียหาย พี่ก็บอกว่าพี่ทำแบบนั้นให้ไม่ได้ จนกว่าที่คุณแม่แพรวา หรือน้องแพรวา จะมีเงินไปซัพพอร์ตพวกเขา เพราะคนพวกนี้กำลังลำบาก ชีวิตเขาเปลี่ยนตั้งแต่วันนั้นจนถึงวันนี้เลย
...
ซึ่งผมโดนดอกแรกเลย มึงเข้าข้างแพรวาทำไม ผมบอกเปล่า สิ่งที่ผมคุยกับแม่แพรวา ครอบครัวแพรวา ผมไม่เคยได้ประโยชน์อะไร คนที่ได้คือผู้เสียหาย เพราะผมกำลังขอเงินจากเขามาให้ผู้เสียหาย"
คำวิจารณ์จากสังคม ณ ตอนนั้น ผู้ประกาศข่าวหนุ่ม กรรชัย ทำเกินหน้าที่หรือไม่ เขาตอบคำถามนี้ชัดเจนว่า
"มีคนบอกพี่ว่าคนเป็นสื่อทำหน้าที่สื่อได้ แต่เป็นคนกลางไม่ได้ สำหรับพี่เป็นได้ คำว่าเป็นสื่อสารมวลชน มันต้องมีจริยธรรม มันไม่ใช่การนำเสนอข่าวอย่างเดียว คือผมไม่รู้หรอก ผมไม่ได้เรียนมาทางนี้ แต่สำหรับผม ผมคิดว่าการเป็นสื่อที่ดี ถ้าคุณสามารถช่วยเหลือใครได้โดยที่มันไม่เหลือบ่ากว่าแรง เราก็ช่วยเขาเถอะ ผมว่ามันเป็นสิ่งที่ทำให้สังคมเราอยู่ร่วมกันได้ ถ้าวันนี้ผมไม่ยื่นมือไปคุยกับครอบครัวแพรวา วันนี้คืออะไรก็ต้องไปบังคับคดีกัน ยึดทรัพย์กัน มันก็ยังไม่จบ
ผมย้อนถามคุณคำนึง การเป็นสื่อ เป็นสื่อกลางได้แต่เป็นคนกลางไม่ได้ แล้วถ้าวันนี้ผมเป็นสถาปนิกไม่ได้เป็นหมอ ผมเดินออกไปเจอรถชนเด็กคนนึง แล้วเด็กล้มฟุบอยู่กับพื้น แล้วผมเดินผ่านไปพร้อมพูดว่า กูไม่ช่วยมึงหรอก เพราะกูไม่ใช่หมอ ผมเป็นสถาปนิก กูต้องทำแค่ออกแบบเท่านั้น แล้วผมก็เดินจากไปเลย จริยธรรมการเป็นมนุษย์อยู่ตรงไหน ต่อให้ผมเป็นอะไร อย่ามองว่าผมเป็นสื่อ อย่ามองว่าผมเป็นดาราและอย่ามองว่าผมเป็นคนบันเทิง เรื่องที่มันต้องช่วยข้างหน้า ถ้าเราช่วยได้ก็ช่วย ถูกหรือเปล่าครับ
ผมค้านสุดตัวนะ ถ้าใครจะบอกว่าสื่อเป็นแค่สื่อกลางได้แต่เป็นคนกลางไม่ได้ ถ้าพูดต่อหน้าผมว่าสื่อเป็นสื่อกลางได้แต่เป็นคนกลางไม่ได้ ผมจะยกนิ้วกลางให้ด้วย"
พี่หนุ่มใส่อารมณ์กับประโยคสุดท้ายมากทีเดียว และเล่าความรู้สึกที่โดนวิพากษ์ตัดสินไปแล้วว่า เขาเป็นสื่อไม่ได้
"เป็นแผลเป็นในใจเราและมันไม่ต่างอะไรกับการที่มีคนมาด่าเราว่า เราเป็นลูกเมียน้อย มันรู้สึกไงครับ มันฝังใจว่าเรา แต่คุณไม่รู้หรอกว่าสิ่งที่คุณพูดแบบนี้ ผมไม่ได้โกรธคุณนะแต่ผมเอาสิ่งเหล่านี้มาเป็นแรงบันดาลใจให้ผมเองว่า
วันหนึ่ง กูจะทำให้ดีกว่ามึง"