ภูมิใจ ตั้งสง่า หรือที่เรารู้จักเขา 'ดีเจภูมิ' ภาพลักษณ์แบดบอย เสือผู้หญิง ใช้ของแพง พูดจาดุดัน แต่หลังจากผ่านบทสัมภาษณ์ Thairath Talk ที่ล้วงลึกตัวตน เราอาจเปลี่ยนมุมมองผู้ชายคนนี้เสียใหม่
"ผมดูเป็นคนเ-ี้ยครับ แต่ผมไม่ใช่คนเลว" เขากล่าวประโยคนี้ด้วยแววตาเศร้าซึม หลังจากความอัดอั้นเก็บกดที่เจอสื่อมวลชนเสนอข่าวให้เขากลายเป็น 'ผู้ร้าย'
"ภาพที่สังคมเห็น มันไม่ใช่ตัวตนที่แท้จริงของผม แล้วก็น้อยคนที่จะรู้จักตัวตนที่แท้จริงของผม ผมก็คือ สินค้าของสื่อ เขาอยากจะให้สังคมเห็นผมในภาพลักษณ์แบบไหน เขาขายผมเป็นแบบนั้น เพราะคนสร้างสื่อ สุดท้ายต้องการอะไร ก็ต้องการยอดวิว ถ้ายอดวิวดี หนังสือพิมพ์ขายดี เรตติ้งรายการดี ก็มีโฆษณาเข้ามาก็มีเงิน เพราะฉะนั้นเขาก็จะขายดาราในแบบที่มันขายได้ หน้าแบบนี้ (ชี้มาที่ตัวเอง) ยังไงก็เป็นโจร
...
ก็เลยกลายเป็นว่าดีเจภูมิเป็นคนเจ้าชู้ คนเลว ชอบทำลายธรรมชาติ ซึ่งจริงๆ แล้วแฟนคลับที่ดูรายการของผม ที่เห็นผมออกรายการมี 200-300 EP เขาจะรู้จักผมดี เพราะผมเป็นตัวตนที่แท้จริง 100% ในงานของผม ผมว่าคนที่เสพข่าวผมมาตลอด 20 ปีในวงการ อาจจะไม่รู้ตัวตนที่แท้จริงของผมหรอก อันนั้นคือภาพที่สื่ออยากให้สังคมเห็นผม"
ผมไม่ใช่คนเลว
เมื่อมีโอกาสได้อธิบายตัวเอง ภูมิก็เริ่มเล่าในสิ่งที่ไม่เคยพูดที่ไหน ออกตัวก่อนว่าเขาไม่ได้ชมตัวเองให้ใครฟัง แค่อยากให้รู้จักเขาและรับรู้สิ่งที่เขาเผชิญมาตลอดเวลาอยู่ในวงการ 20 กว่าปี โดยเฉพาะประเด็นยูทูบเบอร์ที่ฆ่าปลา หรือทำผิดกฎหมายเพื่อเรียกยอดวิว
"ผมเกลียดคำว่ารู้เท่าไม่ถึงการณ์ แต่เมื่อเวลาเป็นข่าวทีไรผมก็ต้องออกมาพูดคำนี้ทุกครั้ง เพราะมันเป็นเรื่องที่ผมไม่รู้จริงๆ เวลาผมไปตกปลาทั่วโลก ผมจ้างไกด์มืออาชีพ ที่เรียกว่าไต้ก๋ง เขาก็จะพาเราไปตกปลา คนเรือเขาจะพาเราไปเที่ยวที่ไหน เราก็เชื่อใจเขา ไม่มีวันที่จะรู้เลยว่าเขาพาไปที่ไหนที่มันผิดกฎหมายหรือเปล่า แต่ด้วยความที่เป็นผม พอมันเกิดเหตุการณ์แบบนี้ สื่อถล่ม เราเป็นคนที่ผิด"
ต้นไม้ใหญ่ ย่อมมีลมต้าน
"Mindset ผมพยายามทำความเข้าใจว่า มึงต้องเรียนรู้เพราะว่ามึงได้ข้อดีจากสื่อมาเยอะแล้ว มึงสร้างเนื้อสร้างตัวจากการมาอยู่ในวงการ มึงต้องได้รับข้อไม่ดีด้วย แล้วก็ก่อนหน้านี้ผม เป็นสื่อตัวเล็ก ๆ คนไม่ได้ดูผมเยอะ ผมเป็นต้นไม้เล็ก ตอนนี้ผมเป็นต้นไม้ต้นใหญ่ มันต้านลมเยอะ ผมต้องเข้าใจเรื่องของกฎหมายมากขึ้น เข้าใจเรื่องของสื่อมากขึ้น มีความระมัดระวังมากขึ้น อันนี้ผมมองในแง่เรียนรู้ ถึงคดีอาญาก็ไม่เป็นไร ก็เรียนรู้ แต่ว่าถ้าเกิดว่า มีคนที่พยายามเพื่อจะรุมทำร้ายเรา เพื่อยอดวิวอย่างเดียว อันนี้ไม่โอเค สื่อมองผมเป็นผู้ร้ายที่ขายได้"
สะเทือนใจเหมือนกันเมื่อเราถามว่าความรู้สึกกดดันทั้งหมดรู้สึกมานานแค่ไหน ภูมิตอบเราทันทีว่าตลอดชีวิต แม้เขาจะพยายามทำบุญ ช่วยงานการกุศลมากมาย แต่สื่อก็พยายามยัดเยียดบทบาทผู้ร้ายให้เขาอยู่เสมอ
Thairath Talk : สื่อไม่ได้เกลียดคุณใช่ไหมภูมิ หรือว่าบุคลิกคุณแค่ขายได้
ไม่คิดว่าสื่อเกลียดผมครับ ผมคิดว่าสื่ออาจจะสามารถขายบุคลิกอย่างนี้ได้ ก็เลยขายผมในทางนี้ ถามว่ามันทำร้ายผมนอกจากจิตใจหรือไม่ ก็มีผลมากเหมือนกัน เช่น ผมทำกิจการอาหารคลีน ผมก็ถ่ายรูปกับอาหารของผม คนก็กินอาหารคลีน เขาดูจากภาพ เขาก็ถ่ายด้วย แต่พอเวลามันเป็นข่าว คนมองว่าเราเป็นคนไม่ดีในสังคม ก็ไม่มีใครอยากจะถ่ายรูปกับของๆ เรา ไม่มีใครอยากทำการตลาดให้เรา แล้วก็กระทบกับสภาพจิตใจของครอบครัวด้วย
...
Thairath talk : มันเป็นราคาที่ต้องจ่ายด้วยไหมครับภูมิ อยู่ในวงการนี้
ผมไม่คิดว่ามันเป็นราคาที่ต้องจ่าย ผมคิดว่ามันเป็นการบูลลี่ คนหรือดาราไม่ควรโดนการบูลลี่ อาจจะมีวันหนึ่งก็ได้ผมทนไม่ได้ เอาทนายชุดใหญ่ของผมแล้วก็ฟ้องเลย
Thairath talk : จะมีวันนั้นใช่ไหม
มีครับ
ถอดบทเรียน Youtuber
คนหัวครัว
Thairath Talk : มี Key Success อะไรที่ทำให้คุณทำยูทูบขึ้นประสบความสำเร็จ
น่าจะเป็นหน้าตาอันหล่อเหลาของผม (หัวเราะ) ผมคิดว่ามันเป็นคาแรกเตอร์ของตัวผม คือผมโตมาในครอบครัวที่มีแต่ลูกชาย 3 คน ผมเรียนโรงเรียนประจำผู้ชายตลอดชีวิต ทีมงานผมก็ผู้ช๊าย ผู้ชาย แล้วด้วยการที่มันมีผู้ชาย มันเลยส่ง DNA ทุกอย่างของความเป็นผู้ชายออกมาในช่อง มาถึงก็นั่งกินเหล้า ตกปลา ด่า ว่า เกรียน แซวกัน มีสาวๆ สวยๆ มาในรายการ ทำอะไรโง่ ๆ กวนตีน ใช้งบประมาณเยอะๆ ขี้โม้เยอะ ๆ มันเป็นคัมภีร์ของช่องเราเลย ซึ่งผมว่ามันก็คือคาแรกเตอร์ของตัวเรานั้นแหละ
...
คำตอบหลังจากนี้ของยูทูบเบอร์ภูมิทำให้เราทึ่งในตัวเขาจริงๆ เพราะการลงทุนออกกองพร้อมทีมงาน เช่าเรือ ซื้ออุปกรณ์ตกครั้งละหลักแสนหลักล้าน สิ่งที่ได้คืออะไร ภูมิตอบกลับแบบไม่คิดคำสวยหรู
"ได้ความมัน ได้ความตามล่าความฝันของเรา ผมเป็นคนโรคจิตอย่างหนึ่ง ถ้าผมอยากเห็นอยากจะได้อะไรสักอย่าง ผมแทบจะไม่หยุดเลย จะกว่าผมจะได้มัน"
ทิ้งท้ายขำๆ กับความอิจฉาของเขาที่มีต่อดีเจเพชรจ้า ที่มีกลุ่มแฟนคลับที่หลงรักน้องไทก้า (ลูกชายดีเจเพชรจ้า) แค่ลงคลิปเปลี่ยนผ้าอ้อมก็มีคนดูหลักล้านแล้ว แต่ก็เป็นการหยอกล้อสนุกๆ ที่ภูมิเล่าอย่างเมามัน
สังคมชอบ
วัตถุนิยม
"ผมเป็นคนสนุกกับการหาเงิน ผมก็จะเก็บเงินเรื่อย ๆ ผมมีเงินอยู่ในบัญชี ตอนนั้นมีอยู่ประมาณ 20 ล้านบาท แต่ส่วนตัวผมภาพลักษณ์ในตอนนั้น ผมชอบใส่ขาสั้น เสื้อกล้าม รองเท้าผ้าใบ เดินไปเดินมา ผมจำได้ว่าตอนนั้นผมคบกับน้องคนหนึ่งอยู่ในวงการ แล้วค่ายที่เขาอยู่ ที่ปรึกษาของน้องเขาถึงขั้นมาบอกว่าให้เลิกกับดีเจภูมิ เพราะว่าภาพลักษณ์ไม่โอเค ไม่ประสบความสำเร็จ ไม่ได้มีชื่อเสียง คือไม่ได้มีอะไร
ใครก็ไม่ชอบขี้หน้าผม บ้านพ่อแม่ของแฟนแต่ละคนก็ไม่ชอบขี้หน้าผม สังคมก็ไม่ชอบขี้หน้าผม แต่จะชื่นชมดาราที่มีรถสปอร์ต รวย เวลาเป็นข่าวก็จะอวยชม เก่ง ดี นี่คือเท่ จนผมก็ว่าวันหนึ่ง มันคงแบบเข้าเมืองตาหลิ่ว ต้องหลิ่วตาตามแล้วละ เราคงจะฝืนกระแสสังคมไม่ได้ กระแสเขาชอบทางนี้
...
ผมก็เลยหักกับกฎของตัวเอง ผมรับแรงต้านของสังคมไม่ได้ คือผมไม่ได้โทษสังคมหรอก ผมรับแรงต้านในใจตัวเองไม่ได้ดีกว่า ผมก็ไปเป็นวัตถุนิยมเลย โชว์เลยนาฬิกา ซื้อทีหนึ่ง 5-6 เรือน เอาเงินวางซื้อเลย 2 ล้านบาท เรือส่วนตัว เขียนว่า 'เรือดีเจภูมิ' รถซุปเปอร์คาร์มาเลย แล้วอยู่ๆ สังคมเห็นดีเห็นชอบกับผม" (ยิ้มเหยียด)
ผมทำงานหนัก
สร้างเนื้อสร้างตัว
ภาพลักษณ์ตอนนี้ของดีเจภูมิเปลี่ยนจากเสื้อกล้ามกางเกงขาสั้น เป็นเพลย์บอยหนุ่มที่ร่ำรวยอย่างที่เห็นตามสื่อโซเชียลทั่วไป แต่กว่าจะเดินทางมาสู่จุดที่เรียกว่าประสบความสำเร็จ ก็ไม่ใช่ว่าง่าย 'ภูมิใจ ตั้งสง่า' ผ่านการทำงานหนัก ทำงานตลอด 7 วัน 7 คืนมาหลายปี ด้วยความคิดว่า เข้าวงการนี้เมื่ออายุ 23 ปี ซึ่งนับว่าเป็นอายุที่มาก มีวีเจรุ่นน้องมากมายที่โด่งดังกว่าเขาไปมากแล้ว
"ผมเข้ามาแต่งหน้า มีวีเจรุ่นน้องไล่ผมออก บอกว่า 'ออกไป ฉันสำคัญกว่าคุณ' ผมเลยรู้แล้วว่า ในเมื่อเขาเข้าวงการมาก่อนเรา 2 ปี เราจะทำอย่างไรที่จะตามเขาให้ทัน เพราะฉะนั้น ในวันที่ซุปเปอร์สตาร์พวกนี้หยุดงาน ผมจะไม่หยุด ถ้าผมทำงานไม่หยุดเลย 2 ปีครึ่ง ผมจะซื้อเวลามาแล้ว ปีหนึ่ง คุณเขามาก่อนผม 2 ปีใช่ไหม ภายใน 5 ปี ความรู้ผม ประสบการณ์ผม เครดิตผมจะเท่าคุณ"
เซ็กซ์ต้องเกิดจากความรัก
"ผมคิดว่าผมไม่มีความเจ้าชู้เลย แต่มันจะมีแบบบางจังหวะที่แบบ อยากบริหารเสน่ห์บ้าง แต่ว่าผมโสดผมก็จะ มีเจ๊าะแจ๊ะพูดคุย แต่ถ้าเกิดว่ามีแฟน ผมจะไม่มีเลย" ผู้ชายคนนี้เสนอตัวตนด้านความรักอย่างน่าสนใจแม้จะขัดภาพที่แสดงออกมาค่อนข้างมาก
Thairath Talk : เซ็กซ์กับความรัก มันจะมาพร้อมกันไหมครับภูมิ
ถ้าเกิดผมไม่ได้รู้สึกดีด้วย ผมจะมีเซ็กซ์ด้วยไม่ได้เลย แล้วก็พวก One Night Stand ตัดทิ้งออกจากชีวิตผมไปได้เลย มีอาจจะมี 2-3 ครั้ง ในชีวิตเมื่อตอนโน้น ไม่น่าจะเกิด 2 ครั้งด้วยซ้ำ แต่ว่าส่วนใหญ่ก็จะคบจริงจัง
Thairath Talk : เซ็กซ์ เป็นเรื่องปกติสำหรับคุณใช่ไหม
เป็นเรื่องที่ปกติที่สุด ที่คนควรจะคุณแต่คนดันไม่คุย มันไม่ได้แตกต่างจากการที่เราบอกว่า คุณชอบกินอาหารอะไร อาหารใต้ อาหารอีสาน ชอบกินเผ็ดหรือชอบกินจืดเลย เซ็กซ์มีความสำคัญต่อความสัมพันธ์มาก แต่เราเลือกที่จะไม่คุยกัน เพราะว่าค่านิยมของสังคม
เราเป็นผู้หญิงเราไม่สามารถที่คุยเรื่องนี้ได้ เขาเป็นผู้หญิงผมไม่สามารถจะบอกได้ว่าผมต้องการให้เธอทำอะไร ซึ่งถ้าเกิดเราสามารถคุยกันได้ คุณจะมีความสุขต่อกันและกัน มากขึ้นเยอะมาก
รักล่าสุด
ไม่คิดแต่งงาน
เราถามถึงการอกหักที่อยู่ในใจชายวัย 42 ปีผู้นี้ ภูมินิ่งอยู่หลายวินาทีก่อนจะตอบมาว่า เมื่อครั้งยังรักกับ บูม (สุภาพร วงษ์ถ้วยทอง) เคยคบหาถึงขั้นคิดจะแต่งงาน แต่เมื่อต้องเลิกรากันไป เขาใช้เวลาถึง 8 ปีสร้างภูมิคุ้มกันความรักและเจอรักใหม่ได้ในที่สุด
"น้องนุช (จิตภักดี สารโพธิดา)เป็นคนที่แตกต่างจากคนอื่นมาก ตรงที่ว่ามีความแตกต่างจากไลฟ์สไตล์ผมโดยสิ้นเชิง พื้นฐานของน้องนุชเป็นลูกชาวไร่ชาวนาอย่างแท้ทรูเลย แล้วก็ผมรู้สึกว่า ผมสามารถที่จะเรียนรู้จากนุช ได้มากกว่าการนั่งสนทนาอยู่วงเศรษฐี เพราะว่าวงเศรษฐี สิ่งที่เขาพูดคุยผมก็ได้ยินมาหมดแล้ว มันก็ตำราเดียวกัน หนังสือเล่มเดียวกัน แต่ว่าผมไม่เคยเข้าใจชาวบ้านลึกขนาดนี้"
Thairath Talk : คิดเรื่องแต่งงานกันไหมครับภูมิ
ยังครับยัง ผมรู้สึกว่าผมมีความรู้สึกน้อยทุกวันนี้ เพราะการที่เรากลัวเจ็บ เราก็จะตัดความรัก คุณไม่สามารถที่จะเลือกทางใดทางหนึ่งได้ คุณไม่สามารถที่จะเลือกที่จะไม่ทุกข์และเอาแต่ความสุขได้ เพราะว่าถ้าคุณมีความสุข ความสุขนั้นหายไป คุณก็จะอยู่กับความทุกข์ เพราะฉะนั้นสิ่งที่มันจะเกิดขึ้นกับจิตใจของผม สู่ความว่างเปล่า มันก็คือพระพุทธศาสนา ผมคิดเองนะครับว่าการมีลูกมีครอบครัว มันก็อาจจะเป็นสลักที่ติดหลังเราได้ อย่างนุชเองก็ เขาก็คิดว่าในอนาคตเขา เขาอยากจะบวช สู่ความว่างเปล่าเช่นเดียวกับผม
เรานำเสนอตัวตนของ 'ดีเจภูมิ ภูมิใจ ตั้งสง่า' ที่ทุกคนเคยได้ยินชื่อตามสื่อครบทุกแง่มุมชีวิตแล้ว ตอนนี้ดีเจภูมิที่คุณรู้จัก ยังคงเป็นดีเจภูมิที่คุณรู้จักหรือเปล่า?
ผู้เขียน : Bouquet Talk