กริ๊ง กริ๊ง กริ๊ง...สายเรียกเข้าจากใครบางคน ต่อสายถึงคนแดนไกล หวังพูดคุยถามไถ่ความเป็นไปให้ชื่นสุข
กริ๊ง กริ๊ง กริ๊ง...ลูกหลานตัวน้อยวิ่งขวักไขว่ กระโดดแข่งขันวิ่งไล่ หวังไปให้ทันสายเรียกเข้านั้นๆ
กริ๊ง กริ๊ง กริ๊ง...“สวัสดีค่ะ ที่นี่บ้าน.... ขอสายใครคะ?”
“โทรศัพท์บ้าน” พระเอกในวันเก่า หรือตัวประกอบในวันนี้ กำลังเลือนรางออกไปจากใจของผู้คนในสังคม ทีมข่าวเฉพาะกิจไทยรัฐออนไลน์ ถือโอกาสนี้ อัพเดตสถานการณ์ของ “โทรศัพท์บ้าน” เครื่องมือสื่อสารที่ครั้งหนึ่งคุณเคยคุ้นเคย พร้อมไขข้อข้องใจไปกับสิ่งที่หลายคนร้องถาม “โทรศัพท์บ้านจะสูญพันธุ์หรือไม่?”
ทีมข่าวมีโอกาสพูดคุยกับ นายอนุรุต อุทัยรัตน์ รองกรรมการผู้จัดการใหญ่หน่วยธุรกิจโทรศัพท์ประจำที่และบรอดแบนด์ บริษัท ทีโอที จำกัด (มหาชน) (รจญ.ป.) และประธานกรรมการเตรียมการรองรับสิ้นสุดสัญญาร่วมการงานและร่วมลงทุนขยายบริการโทรศัพท์ในเขตโทรศัพท์นครหลวง กับทุกเรื่องราวที่หลายคนอยากรู้
...
โทรศัพท์บ้าน จะสูญพันธุ์หรือไม่?
โทรศัพท์บ้าน กำลังจะสูญพันธุ์หรือไม่? และในแต่ละปีผู้ใช้บริการขอยกเลิกเลขหมาย มากน้อยเพียงใด? ผู้สื่อข่าวไม่รีรอที่จะเข้าประเด็น
“ไม่สูญพันธุ์” นายอนุรุต กล่าวช้าๆ ชัดๆ พร้อมกับอธิบายว่า ด้วยความที่พฤติกรรมของผู้บริโภคเปลี่ยนแปลงไปใช้สมาร์ทโฟนเพิ่มมากขึ้น จึงทำให้ผู้ใช้บริการขอยกเลิกเลขหมายอย่างต่อเนื่อง โดยเฉลี่ยจะลดลงปีละ 7% และเป็นเช่นนี้มาเรื่อยๆ ตั้งแต่ปี 2540 ซึ่งเป็นยุคที่โทรศัพท์มือถือเข้ามามีบทบาทกับประชาชนอย่างที่สุด และเป็นยุคที่ค่ายมือถือมีการแข่งขันทางด้านราคากันอย่างรุนแรง
“ณ เวลานั้น แต่ละค่ายมีการออกแคมเปญถล่มราคากันอย่างดุเดือด แต่ค่าบริการของโทรศัพท์บ้านยังมีราคาสูงกว่าค่ายมือถืออยู่พอสมควร ซึ่งเริ่มตั้งแต่ 3, 6, 9, 12, 18 บาทต่อนาที โดยขึ้นอยู่กับความใกล้ไกลของพื้นที่ ยกตัวอย่างเช่น จากกรุงเทพฯโทรไปภาคใต้ตอนล่าง ค่าบริการจะอยู่ที่ 18 บาท แต่ถ้าโทรจากกรุงเทพฯไปอยุธยา ค่าบริการจะอยู่ที่ 3 บาท เป็นต้น และด้วยเหตุที่ ค่าบริการของโทรศัพท์บ้านสูงกว่าค่ายมือถือ ประกอบกับสมาร์ทโฟนมีจุดเด่นในเรื่องของความสะดวกสบาย และมีแอปพลิเคชันโทรฟรี จึงปฏิเสธไม่ได้ว่า จำนวนผู้ใช้บริการโทรศัพท์บ้านต้องลดลงอย่างต่อเนื่องตลอดทุกปี” นายอนุรุต กล่าวถึงสถานการณ์ของโทรศัพท์ตลอด 20 ปีที่ผ่านมา
...
เมื่อจุดอ่อนอยู่ที่ราคาค่าบริการที่ค่อนข้างสูง และทีโอทีอยู่ในจุดที่ทำกำไรจนคืนทุนแล้ว ทำไมจึงไม่ปรับลดค่าบริการลง เพื่อตอบโจทย์ให้แก่ผู้บริโภค?
นายอนุรุต รองกรรมการผู้จัดการใหญ่หน่วยธุรกิจโทรศัพท์ประจำที่และบรอดแบนด์ ตอบข้อซักถามข้างต้นว่า ทีโอที ได้กำหนดอัตราค่าบริการมาตั้งแต่ปี 2529 โดยไม่มีการปรับขึ้นราคา หรือลดราคาลงแต่อย่างใด แต่ล่าสุด ทีโอทีได้รับผิดชอบผู้ใช้บริการ 3.5 แสนเลขหมาย หลังจากที่ศาลล้มละลายกลางมีคำสั่งพิทักษ์ทรัพย์เด็ดขาด และให้ยุติบริการทุกอย่างของบริษัท ทีทีแอนด์ที จำกัด (มหาชน) ลงตั้งแต่วันที่ 28 ก.พ. 2560 ประกอบกับสัญญาร่วมการงานและร่วมลงทุนขยายบริการโทรศัพท์ประจำที่ 2.6 ล้านเลขหมายในเขตโทรศัพท์นครหลวงของ บริษัท ทรู คอร์ปอเรชั่น จำกัด (มหาชน) ที่จะสิ้นสุดลงในวันที่ 29 ตุลาคม 2560 นั้น ทางทีโอที ได้เตรียมโปรโมชั่นดีๆ ไว้ให้แก่ลูกค้าเป็นที่เรียบร้อยแล้ว
...
“ยกตัวอย่างโปรโมชั่นเช่น ผู้ใช้บริการสามารถโทรไปหาเบอร์บ้านด้วยกัน ครั้งละ 3 บาททั่วไทย, โทรหามือถือนาทีละ 1 บาททั่วไทย, เหมาจ่าย 250 บาทต่อเดือน โทรฟรีทั่วประเทศ, หากมีบริษัทใดมีสำนักงานอยู่ในกรุงเทพฯ และต่างจังหวัด บริษัทนั้นๆ จะสามารถโทรหาสาขาในเครือของบริษัทได้ในราคาถูก, ใช้โทรศัพท์บ้านแถมกล้องวงจรปิด สามารถดูความเคลื่อนไหวภายในบ้านผ่านแอปพลิเคชัน เป็นต้น แต่เบื้องต้นยังไม่คอนเฟิร์มว่า จะเข็นโปรโมชั่นไหนออกมาดี ซึ่งตอนนี้อยู่ในช่วงที่กำลังหารือ หากเข็นโปรโมชั่นต่างๆ เหล่านี้ ออกมา คาดว่า จะทำรายได้ให้กับทีโอทีเพิ่มขึ้นอีกพอสมควร” นายอนุรุต แย้มข่าวดีเอาใจคนใช้โทรศัพท์บ้าน
...
ณ ปัจจุบัน ผู้ใช้งานโทรศัพท์บ้าน อยู่ในกลุ่มใดมากที่สุด? ผู้สื่อข่าวซักต่อ
“อันดับ 1 คือ กลุ่มธุรกิจ ซึ่งกลุ่มธุรกิจยังคงใช้โทรศัพท์ประจำที่เป็นเบอร์ออฟฟิศอยู่ เพราะเลขหมายของเขาสร้างกันมายาวนานมากถึง 30-40 ปี ส่วนอันดับที่ 2 คือ กลุ่มบ้านพักอาศัย ซึ่งคนกลุ่มนี้จะเป็นคนชราที่ใช้บริการ เพราะเขายังใช้งานสมาร์ทโฟนไม่เป็น และถ้าโทรศัพท์บ้านของคนกลุ่มนี้ชำรุด เราจะต้องเร่งไปตรวจซ่อมให้เขาอย่างเร่งด่วน เพราะโทรศัพท์บ้านมีความจำเป็นต่อคนชราอย่างยิ่ง” นายอนุรุต ให้ข้อมูลหลังบ้านทีโอที
ขณะที่ รายได้ 80% จะมาจากกลุ่มธุรกิจ ส่วน 20% ที่เหลือ จะมาจากกลุ่มบ้านพักอาศัย แต่ในขณะเดียวกัน จำนวนเลขหมายของกลุ่มบ้านพักอาศัย จะอยู่ที่ 80% ส่วนกลุ่มธุรกิจจะอยู่ที่ 20%
จากข้อมูลการใช้งานโทรศัพท์ประจำที่ หรือโทรศัพท์บ้านที่อยู่ในการดูแลของทีโอที ประจำเดือนพฤษภาคม 2560 พบว่า บริการโทรศัพท์ประจำที่ในเขตนครหลวง มีจำนวน 1.3 ล้านเลขหมาย, ภูมิภาคทั่วประเทศ มีจำนวน 1.7 ล้านเลขหมาย, ทีโอที เข้าไปให้บริการแทนทีทีแอนด์ที จำนวน 3.4 แสนเลขหมาย และเดือน พ.ย.2560 ทีโอที จะเข้าไปให้บริการต่อจากทรู จำนวน 9.8 แสนเลขหมาย
“ในกลุ่มธุรกิจมีการเปิดใช้หมายเลขเพิ่มขึ้นเล็กน้อย แต่ในกลุ่มของบ้านพักอาศัย มีผู้ใช้บริการที่ขอยกเลิกเลขหมายเป็นจำนวนมาก ซึ่งในภาพรวมมีอัตราการยกเลิกเลขหมายอยู่ที่ 7% ต่อปี ขณะที่ ทีโอทีมีรายได้โดยนับเฉพาะในส่วนของโทรศัพท์บ้าน จะอยู่ที่ 6 พันล้านบาทต่อปี หากหมายเลขลดลงไป 7% ต่อปี รายได้ก็จะลดลงไป 560 ล้านบาท จากทั้งหมด 6 พันล้านบาท ซึ่งสถานการณ์ของโทรศัพท์บ้านนั้น มีแนวโน้มที่จะลดลงต่อเนื่องทุกปี เฉลี่ยปีละ 7%” นายอนุรุต กล่าวถึงสถานการณ์ล่าสุดของโทรศัพท์บ้าน
เห็นแบบนี้ คุณจะหันกลับมาใช้โทรศัพท์บ้านอีกครั้ง เราก็ไม่ว่า
แต่เอาเป็นว่า เลือกให้คุ้มค่ากับคุณที่สุดก็เป็นพอ
สุดท้าย คุณคิดว่าอย่างไร โทรศัพท์บ้านจะกลับมาผงาดได้อีกครั้งหรือไม่?