ตำรวจสระแก้ว ล็อกหนุ่มเขมร หลังยืนกดเอทีเอ็มนานจัด จนเจ้าถิ่นที่ยืนรอชักหงุดหงิดและสงสัย ตะลึงเจอเงินสดกว่า 3 ล้าน บัตรเอทีเอ็ม 126 ใบ สมุดบัญชีธนาคารมีเงินหมุนเวียนวันละนับล้าน อ้างทำธุรกิจรับแลกเงินตราอยู่ฝั่งปอยเปต...

เมื่อเวลา 10.00 น. วันที่ 20 มิ.ย. 60 พ.ต.อ.เสกสรร วัฒนพงษ์ ผกก.สภ.คลองลึก จ.สระแก้ว สั่งการให้ พ.ต.ท.จตุรภัทร สิงหัษฐิต รอง ผกก.(สส.) สภ.คลองลึก จ.สระแก้ว เข้าตรวจสอบบริเวณตู้เอทีเอ็ม หน้าธนาคารกสิกรไทย สาขาตลาดโรงเกลือ ตลาดการค้าชายแดน อ.อรัญประเทศ จ.สระแก้ว หลังได้รับแจ้งว่า พบบุคคลต้องสงสัยเป็นชาวกัมพูชาใช้บัตรเอทีเอ็ม หลายสิบใบ กดเงินสดและทำการโอนเงิน ที่ตู้เอทีเอ็ม หน้าธนาคารกสิกรไทยนานผิดปกติ ลักษณะมีพิรุธ เกรงว่าจะเป็นมิจฉาชีพ

พบชายชาวกัมพูชา กำลังยืนกดเงินสดและทำการโอนเงิน อยู่ที่ตู้เอทีเอ็ม หน้าธนาคารดังล่าว โดยมีชาวไทยที่ต้องการกดเงินสดจากตู้เอทีเอ็มยืนรอและมองอยู่ห่างๆ เมื่อเจ้าหน้าที่เข้าไปถึงได้แสดงตัวขอตรวจสอบทราบว่าชื่อนายแก้ว เฮง อายุประมาณ 30 ปี มีเอกสารการเดินทางเข้าประเทศอย่างถูกต้อง เมื่อขอตรวจค้นภายในกระเป๋าสะพายต้องตกตะลึงเมื่อพบว่าในกระเป๋ามีธนบัตรประเทศไทย มัดรวมกันเป็นปึกๆ จำนวนมาก

จากการตรวจนับพบว่ามีเงินไทยอยู่ในกระเป๋าสะพายมากถึง 3,339,000 (สามล้านสามแสนสามหมื่นเก้าพันบาทถ้วน) และบัตรเอทีเอ็ม ของธนาคารกสิกรไทย, ธนาคารไทยพาณิชย์, ธนาคารกรุงเทพ รวม 126 ใบ สมุดบัญชีเงินฝากของธนาคารกสิกรไทย 6 เล่ม, สมุดบัญชีธนาคารไทยพาณิชย์ อีก 3 เล่ม โดยสมุดบัญชีทั้งหมดมีเงินหมุนเวียนวันละนับล้านบาท เจ้าหน้าที่จึงเกิดความสงสัยเกรงว่าจะเป็นแก๊งมิจฉาชีพ จึงได้เชิญตัวนายแก้ว เฮง มาสอบสวนที่ห้องสืบสวน สภ.คลองลึก จ.สระแก้ว

จากการสอบสวนเบื้องต้น นายแก้ว เฮง อ้างว่ามีอาชีพรับแลกเปลี่ยนเงินตราในฝั่งปอยเปต ประเทศกัมพูชา และรับจ้างกดเงินให้กับชาวกัมพูชาที่ทำงานในประเทศไทย แต่เจ้าหน้าที่ยังไม่ปักใจเชื่อเนื่องจากมีเงินสดจำนวนมาก ซึ่งชาวต่างชาติไม่สามารถถือเงินสดไทยออกนอกประเทศได้เกินกว่าครั้งละ 5 แสนบาท แถมยังมีบัตรเอทีเอ็มซึ่งเป็นชื่อของบุคคลอื่นอีกกว่า 120 ใบ

...

ต่อมา พ.ต.ท.จตุรภัทร สิงหัษฐิต รอง ผกก.(สส)สภ.คลองลึกได้ประสานไปยัง ผกก.สภ.บางพลี จ.สมุทรปราการ ให้ช่วยตรวจสอบคดีลักทรัพย์และรับของโจร เหตุเกิดเมื่อวันที่ 20 ม.ค. 60 ที่ตำรวจสภ.บางพลีได้จับกุมนายสุพจน์ หรือกวง อยู่เล็ก พร้อมพวกในข้อหาลักทรัพย์หรือรับของโจร กรณีแก๊งลักรถ ชาวกัมพูชาระบุว่า นายสุพจน์ หรือกวง อยู่เล็ก เป็นผู้ติดต่อซื้อขายรถจักรยานยนต์ที่โจรกรรมมากับชาวกัมพูชาชื่อนายโตลา เฮง และต่อมาตำรวจสภ.บางพลีขยายผลไปจับกุมนายโตลา เฮง ได้และแจ้งข้อหารับซื้อของโจร ซึ่งแนวทางการสืบสวนพบว่ามีชื่อนายแก้ว เฮง ชาวกัมพูชา เป็นผู้โอนเงินเข้าบัญชีนายโตลา เฮง ครั้งละ 1-3 ล้านบาท โดยจะโอนมาให้ 2 เดือนต่อครั้ง ดังนั้นเมื่อพบตัวนายแก้ว เฮง จึงประสานไปยัง สภ.บางพลีให้ตรวจสอบว่านายแก้ว เฮง มีส่วนรู้เห็นหรือร่วมขบวนการแก๊งค้ารถข้ามชาติหรือไม่ แต่ทาง สภ.บางพลีต้องขอเวลาสอบสวนและหาพยานหลักฐานการเชื่อมโยงก่อนที่จะขออนุมัติศาลออกหมายจับได้

ดังนั้น พ.ต.ท.จตุรภัทร สิงหัษฐิต รอง ผกก.(สส) สภ.คลองลึก จึงไม่สามารถควบคุมตัวนายแก้ว เฮง ได้ จึงซักประวัติทำบันทึกไว้ก่อนปล่อยตัวไป แต่เงินสดจำนวน 3,339,000 บาท รวมทั้งบัตรเอทีเอ็ม 126 ใบ และสมุดบัญชีอีก 9 เล่ม เจ้าหน้าที่ได้ขออายัดไว้ตรวจสอบ พร้อมประสานไปยัง ปปง.ให้ช่วยตรวจสอบเส้นทางการเงินของนายแก้ว เฮง และในเวลา 12.00 น. พ.ต.ท.จตุรภัทร สิงหัษฐิต รอง ผกก.(สส)สภ.คลองลึก ได้เดินทางไปยังธนาคารกสิกรไทย สาขาตลาดโรงเกลือ เพื่อขอให้ทางธนาคารอายัดการทำนิติกรรมของบัตรเอทีเอ็มของธนาคารกสิกรไทย จำนวน 106 ใบ รวมทั้งของธนาคารไทยพาณิชย์ จำนวน 16 ใบ ธนาคารกรุงเทพฯ 3 ใบ ด้วย.