กระแสมาแรงจนหลายคนจับตาหนังวัยรุ่นค่ายจีดีเอช เรื่อง “ฉลาดเกมส์โกง” ได้ไอเดียจากการโกงข้อสอบ กำกับโดย “บาส–นัฐวุฒิ พูนพิริยะ” รวมกลุ่มนักแสดงวัยรุ่นรับบทกลุ่มนักเรียนฉลาดใช้การสอบเป็นช่องทางในการหาเงิน ทั้ง นน ชานน, ออกแบบ ชุติมณฑน์, อุ้ม อิษยา รวมทั้ง “เจมส์–ธีรดนย์ ศุภพันธุ์ภิญโญ” ที่รับบท “พัฒน์” หนุ่มบ้านรวย สายเปย์สร้างสีสัน จุดเริ่มต้นกลโกงข้อสอบระดับโลก จาก “เจมส์ ฮอร์โมน” หนุ่มหน้าใสต้องสวมบทเข้มชวนลุ้นไปทั้งเรื่อง แถมชวนกันโกงที่ผู้ใหญ่อาจสงสัยว่าจะดีหรือไม่ เลยชวน “เจมส์” เผยเรื่องราวให้ฟัง “เรื่องนี้พล็อตมันแปลกใหม่ ผมเชื่อว่าดีเพราะทุกคนตั้งใจกันมาก ทุกวันที่ออกกองมันคือการรวมกันสร้างสิ่งนึงให้มันดี ทุกคนมีแพสชั่น จริงๆผมว่าเรื่องนี้ดูได้ทุกรุ่น มันเป็นเรื่องของวัยรุ่น แต่มันไม่ใช่แค่วัยรุ่นที่ดูได้ มีอะไรแฝงมากกว่านั้น ผู้ใหญ่ดูก็ได้ข้อคิดบางอย่าง ดูแล้วจะทันโลก เข้าใจโลก และจะเข้าใจลูก พอเข้าใจลูก ความสุขมันก็เกิดไม่ยาก” หนังฉลาดเกมส์โกง ถ้าคนไม่ เข้าใจจะมองว่าชี้ช่องให้คนโกงรึเปล่า? “สิ่งที่หนังทำก็เหมือนการเอาความจริงมาเปิดเผย พี่บาสผู้กำกับเองบอกว่า เค้ามั่นใจในจุดยืนว่าในการทำหนังให้สนุกและมีอะไรที่อยากสื่อให้คนดูให้คิด เรื่องนี้ไม่ได้สนับสนุนการโกงหรือชี้โพรงให้กระรอกนะครับ” บทบาทต่างจากตัวเราเยอะมั้ย? “เป็นหนังเรื่องแรกของผมด้วย ถามว่าบทต่างจากตัวผมมั้ย คนชอบบอกว่าเป็นผมเลยนะ(ยิ้ม) ชอบตั้งแต่ครั้งแรก ที่อ่านบท พัฒน์ เป็นเด็กบ้านรวย มีหัวธุรกิจ คิดว่าเงินซื้อได้ทุกอย่าง แต่สิ่งที่ พัฒน์ มีมากกว่านั้น คือวาทศิลป์ เรื่องการใช้คำพูดโน้มน้าวคนยังไง มีวิธีการพูดที่น่าดึงดูดน่าเชื่อถือ เป็นพาร์ตที่ยากสำหรับผม ต้องไปดูรีเสิร์ชหา ข้อมูลมาปรับใช้ ต้องปรับท่าทางด้วย จริงๆ ผมก็พูด เก่งนะ แต่อาจจะไม่น่าเชื่อถือ (หัวเราะ) ต้องปรับการพูด ต้องหนักแน่นไม่เวิ่นเว้อ แต่พูดน้อยต่อยหนัก ในเรื่องแต่ละคนมีความสำคัญ มันมีคนอย่างนี้จริงๆในสังคม แต่ละคนไม่เพอร์เฟกต์มีทั้งข้อดีข้อเสีย” ทั้ง 4 คน ช่วยกันยังไง? “ช่วยกันเยอะครับ พอเจอปัญหาอะไรกดดัน เราก็ไปแชร์กับเพื่อนๆ เพื่อนก็มีวิธีการแนะนำ ไม่ให้เครียด ถ้าเครียดมากการแสดงมันก็ไม่ได้ดีขึ้น เราก็ต้องผ่านไปให้ได้” ปีนี้เจมส์อายุครบ 20 เรียกว่าเป็นผู้ใหญ่เต็มตัวมั้ย? “ตั้งแต่ฮอร์โมนก็ 3 ปีแล้วเนอะ เร็วมากเลย ผมว่าตั้งแต่เข้าวงการทำให้ผมโตขึ้น เหมือน 1 ก้าวสำคัญอีกก้าวนึงของผม คือการเข้ามหาวิทยาลัย ก็ต้องรับผิดชอบมากขึ้น เราเรียนด้วย ทำงานด้วย ตอนเข้าวงการเรียนอยู่โรงเรียนสวนกุหลาบ ม.5 สิ่งที่โตขึ้นคือ ผมมีวินัยกับตัวเองมากขึ้น รับผิดชอบตัวเอง ตรงต่อเวลามากขึ้น ตอนนี้เรียนปี 2 คณะวารสารศาสตร์อินเตอร์ ม.ธรรมศาสตร์ ปี 2 มีช่วงที่หนัก แต่ก็สู้ มันก็ทำได้แค่สู้ ในเมื่อเราเลือกทางนี้แล้ว” มองการแสดงตัวเองจากวันแรก? “รู้สึกว่าเราได้พัฒนามาเยอะ ได้เรียนรู้อะไรเยอะมาก ถามว่ามาไกลมั้ย ถ้านับจากวันแรกมันคงไกล แต่มันยังไกลไม่พอ มันเป็นทางที่เราต้องเดินต่อไปเรื่อยๆ ยังหยุดไม่ได้ และถอยหลังไม่ได้ มีแต่ต้องเดินหน้าอย่างเดียวครับ” ชีวิตเปลี่ยนมั้ยสาวๆมากรี๊ด? “เปลี่ยนครับ แต่ผมไม่ใช่คนเจ้าชู้ (ยิ้ม) ไม่ได้มีเรื่องสาวๆ มาอะไร พอเป็นนักแสดงแล้วมันเป็นอาชีพที่แลกกับความเป็นส่วนตัว เราก็จะรู้ว่าเวลาไปไหน แค่เรา ออกไปข้างนอก มันก็ไม่ใช่ที่ส่วนตัวแล้วเราต้องเข้าใจในจุดนี้ ต้องเข้าใจว่าเราเป็นบุคคลสาธารณะแล้ว ค่อนข้างมีสติกับตัวเองมากขึ้น” ตั้งแต่เข้าวงการมาก็มีสาว “แพร” สาวรู้ใจ ข้างกายอยู่แล้ว? “ใช่ครับ ยังคบกันอยู่ครับ เหมือนโตด้วยกันมา ชีวิตก็ราบเรียบไปเรื่อยๆ ตอนนี้เรียนที่เดียวกัน” กลัวความฮอตน้อยกว่าคนอื่นเพราะมีแฟนแล้วมั้ย? “ไม่นะ ผมโอเคนะ เป็นสิทธิของคนที่จะชอบเรา ผมเป็นของผมแบบนี้มันก็คือชีวิตเราในพาร์ตส่วนตัวของเรา ว่าเราก็มีแฟนอยู่แล้ว ถ้าผมมีแฟนแล้วเข้าวงการ ถ้าผมจะไปบอกว่าผมไม่มี ผมก็ไม่ได้ปิดนะ แต่ในความไม่ปิดมันก็ต้องมีขอบเขต คนก็อาจจะเข้าไปในชีวิตแฟนผมเหมือนที่เข้ามาในชีวิตผมที่เป็นนักแสดง มันก็ไม่ใช่ เราก็บอกตรงๆว่ามี แต่เค้าก็มีพื้นที่ส่วนตัวของเค้า” ที่ผ่านมาแฟนก็เคียงข้างเรามาตลอด? “ใช่ เค้าอยู่ตั้งแต่วันที่เราเป็นศูนย์ เราเดินมาด้วยกัน อยู่ดีๆวันนึงเราเดินนำเค้า แล้วเราจะทิ้งเค้ามันก็ไม่ใช่ มันคือการเดินไปด้วยกัน” แฟนหวงเรื่องสาวๆมั้ย? “เค้าค่อนข้างเข้าใจ เราก็รู้ขีดจำกัดว่าเราสนิทกันขนาดไหน ส่วนใหญ่คนที่เล่นกับผมรู้จักแฟนผมหมดเลยนะ อะไรที่เค้าจะรู้สึกไม่สบายใจ เราจะคุยจะเคลียร์กันตลอด ผมว่าคนเราคบกันไปนานๆ มันไม่ใช่ว่าเราคบกันเพราะหน้าตาดี หรือแค่ชอบช่วงที่จีบกัน แต่มันคือการคบกันเพราะความเข้าใจ ความผูกพันมากกว่าที่ทำให้ความสัมพันธ์เรายืนยาว”.
