วันที่ 1 เมษายนที่ผ่านมา สำนักงานปรมาณูเพื่อสันติ (ปส.) เผยแพร่เหตุผลที่ต้องกำกับ “เครื่อง X-ray ทันตกรรม” ผ่านทางเว็บไซต์ www.oap.go.th
เนื้อหาใจความระบุว่า หลังจากพระราชบัญญัติพลังงานนิวเคลียร์เพื่อสันติ พ.ศ.2559 เริ่มบังคับใช้ตั้งแต่วันที่ 1 กุมภาพันธ์ 2560 ได้เกิดกระแสวิพากษ์วิจารณ์อย่างมากในวงการทันตแพทย์
เพื่อให้เกิดความเข้าใจและชัดเจนในข้อเท็จจริง ปส.ขอชี้แจง ดังนี้ หนึ่ง...พระราชบัญญัติฉบับนี้ มีเจตนารมณ์ในการควบคุมการใช้ประโยชน์วัสดุกัมมันตรังสีและเครื่องกำเนิดรังสี เพื่อให้เกิดความปลอดภัยต่อผู้ใช้ ผู้รับบริการ และประชาชนทั่วไป รวมถึงสิ่งแวดล้อม สอง...พระราชบัญญัติพลังงานนิวเคลียร์เพื่อสันติ พ.ศ.2559 และกฎหมายลูก มีเนื้อหาเป็นไปตามมาตรฐานทบวงการพลังงานปรมาณูระหว่างประเทศ
สาม...เครื่องกำเนิดรังสีทางทันตกรรมอยู่ภายใต้การกำกับดูแลของสำนักงานปรมาณูเพื่อสันติ ตามพระราชบัญญัติพลังงานปรมาณูเพื่อสันติ พ.ศ.2504 และที่แก้ไขเพิ่มเติม พ.ศ.2508
อย่างต่อเนื่องตลอดเวลากว่า 50 ปีแล้ว โดยมีกรมวิทยาศาสตร์การแพทย์เป็นหน่วยงานสนับสนุนทางเทคนิคให้กับสำนักงานปรมาณูเพื่อสันติในการตรวจสอบคุณภาพเครื่อง ซึ่งยังใช้เกณฑ์การกำกับดูแลภายใต้พระราชบัญญัติพลังงานนิวเคลียร์เพื่อสันติ พ.ศ.2559 นี้ด้วย
สี่...เครื่องกำเนิดรังสีทางทันตกรรมมีค่าพลังงาน 60-120 keV หรือค่าความต่างศักย์ของเครื่องกำเนิดรังสี 60-120 keV จัดอยู่ในกลุ่มเดียวกันกับเครื่องตรวจวัดความหนาแน่นกระดูก เครื่องเอกซเรย์เต้านม หรือที่เรียกว่าเครื่องแมมโมแกรม เพื่อให้เป็นไปตามเจตนารมณ์ของ พ.ร.บ.นี้ จึงจำเป็นต้องกำกับดูแล
...
ห้า...สำนักงานปรมาณูเพื่อสันติ ได้มีการประสานความร่วมมือกับกระทรวงสาธารณสุขอย่างใกล้ชิด ผ่านกรมวิทยาศาสตร์การแพทย์และกรมสนับสนุนบริการสุขภาพ
นพ.เจตน์ ศิรธรานนท์ ประธานกรรมาธิการการสาธารณสุข (กมธ.สธ.) สภานิติบัญญัติแห่งชาติ (สนช.) สะท้อนมุมมองกรณีสำนักงานปรมาณูเพื่อสันติ (ปส.) ยังไม่ออกประกาศกระทรวงเพื่อยกเว้นเครื่องกำเนิดรังสีทางการแพทย์หรือเครื่องเอกซเรย์ที่ใช้ในทางการแพทย์ รวมถึงเครื่องเอกซเรย์ทันตกรรม ไม่อยู่ภายใต้ พ.ร.บ.พลังงานนิวเคลียร์เพื่อสันติ พ.ศ.2559 ว่า...เรื่องนี้ทาง กมธ.สธ.ได้เคยพิจารณาแล้ว และได้ส่งความเห็นไปยัง ปส.ว่าเห็นควรให้มีการยกเว้นเครื่องเอกซเรย์ที่จัดตั้งในคลินิกเล็กๆทั่วไป ทั้งที่...คลินิกทันตกรรม คลินิกสัตวแพทย์ คลินิกรักษาโรค
“ในการพิจารณา พ.ร.บ.พลังงานนิวเคลียร์เพื่อสันติ ไม่มีใครทราบว่าจะมีการให้อำนาจ ปส.ควบคุมเครื่องเอกซเรย์ตามคลินิก รวมไปถึงการจัดอบรมเจ้าหน้าที่ความปลอดภัยทางรังสี (RSO) ซึ่งเดิมเป็นอำนาจหน้าที่ของกรมวิทยาศาสตร์การแพทย์ กระทรวงสาธารณสุข และยังมีการกำหนดหลักเกณฑ์ที่สร้างความยุ่งยาก ทั้งการอบรม...การกำหนดให้มีเจ้าหน้าที่คอยควบคุม จนเกิดผลกระทบขึ้น”
บทเรียนการออกกฎหมายฉบับนี้ ส่งผลให้ในการนำเสนอร่างกฎหมายจากนี้ไปได้มีการกำหนดหลักเกณฑ์ใหม่ว่า ในการส่งร่าง พ.ร.บ.เพื่อให้ ครม. และ สนช.พิจารณา หน่วยงานที่นำเสนอจะต้องนำเสนอสาระกฎหมายลูกภายใต้ร่าง พ.ร.บ.ด้วยว่าจะมีกี่ฉบับ...มีเนื้อหาอย่างไร? รวมทั้งระยะเวลาการออกกฎหมายลูกที่ชัดเจน ทั้งนี้ เพื่อความชัดเจนในการพิจารณา และไม่ให้เกิดปัญหาวาระที่ซ่อนอยู่เช่นที่เป็นปัญหาอยู่นี้
หลังจากที่ได้มีการร้องเรียนเรื่องนี้ต่อ กมธ.สธ. ทั้งจากทันตแพทย์และผู้ที่ได้รับผลกระทบ กมธ.สธ.จึงได้มีการพิจารณาและเห็นว่าเครื่องเอกซเรย์ที่ใช้ในคลินิกเล็กๆทั่วไป ถือว่ามีความปลอดภัย
เพราะมีรังสีต่ำ ไม่เป็นอันตราย ยกเว้นเครื่องเอกซเรย์ที่ใช้อยู่ในโรงพยาบาลใหญ่ เพราะเป็นเครื่องที่มีขนาดใหญ่และมีรังสีมากที่ต้องอยู่ภายใต้การควบคุม และ ปส.สามารถออกกฎกระทรวงเพื่อยกเว้นการบังคับได้
“ขณะนี้ไม่ทราบว่าการออกกฎกระทรวงในเรื่องนี้ของ ปส.อยู่ในขั้นตอนไหน อาจยังอยู่ในช่วงรับฟังความเห็นที่ต้องรอบด้าน ทั้งแพทย์ ผู้ประกอบวิชาชีพที่เกี่ยวข้อง ซึ่งเป็นไปตามมาตรา 77 ของรัฐธรรมนูญ”
แต่ปัญหาสำคัญมีว่า เนื่องจากขณะนี้มีคลินิกจำนวนหนึ่งที่ยังรอต่อใบอนุญาตประกอบกิจการสถานพยาบาล โดยรอการออกกฎกระทรวงฉบับนี้ก่อน ทาง ปส.จึงควรเร่งดำเนินการโดยเร็ว เพื่อปลดล็อกไม่ให้เกิดคลินิกที่ใบอนุญาตประกอบกิจการสถานพยาบาลซึ่งหมดอายุลงได้รับผลกระทบและอาจกระจายเป็นวงกว้างได้
ผศ.ทพ.ดร.สุชิต พูลทอง คณบดีคณะทันตแพทยศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย มองว่า แม้เครื่องเอกซเรย์ทางด้านทันตกรรมจะถูกเรียกว่าเครื่องกำเนิดรังสีก็ตาม แต่ก็มีการใช้งานอย่างแพร่หลายมาเป็นเวลานาน และหากจะอ้างเหตุผลในการคุ้มครองความปลอดภัย ก็ไม่มีหลักฐานที่ชัดเจนทางวิชาการหรือเชิงประจักษ์มาพิสูจน์ได้ว่ามีอันตรายหรือมีปริมาณรังสีรุนแรงถึงขั้นต้องควบคุมเข้มงวดระดับนี้
การเอกซเรย์ฟัน 1 ซี่...ร่างกายได้รับรังสีในปริมาณเทียบเท่ากับการนั่งในร่มเป็นเวลา 3 ชั่วโมงเท่านั้น การนั่งกลางแดดยังได้รับรังสีมากกว่าเสียอีก
ที่สำคัญ...ทั่วโลก ทั้งในอเมริกาหรือในยุโรปก็ไม่ได้กำหนดว่ารังสีจากเครื่องเอกซเรย์เป็นรังสีที่รุนแรง ทันตแพทย์ก็ถ่ายเอกซเรย์กันเองทั้งนั้น แต่ พ.ร.บ.ฉบับนี้มีหลายอย่างที่ไม่สอดคล้องกับที่ประเทศอื่นทำกันอยู่
“ถ้าทำแล้วเป็นมาตรฐานเดียวกับนานาชาติ แบบนี้ทันตแพทย์ก็คงปฏิเสธไม่ได้ แต่นี่มันไม่ใช่”
...
ทพ.ไพศาล กังวลกิจ นายกทันตแพทยสภา เสริมว่า พ.ร.บ.พลังงานนิวเคลียร์เพื่อสันติมีเจตนารมณ์สำคัญมุ่งควบคุมสารกัมมันตรังสีและวัตถุนิวเคลียร์ ไม่เหมาะที่จะใช้ควบคุมเครื่องเอกซเรย์ทางการแพทย์ ทั้งยังไม่มีการแบ่งระดับการควบคุมให้เหมาะสมกับปริมาณรังสี
การกำหนดให้ใช้บทลงโทษเดียวกันที่รุนแรงคือ จำคุก 5 ปี ปรับ 500,000 บาท จึงไม่เป็นธรรม โดยเฉพาะกับวิชาชีพทางการแพทย์ที่มุ่งดูแลผู้ป่วย
ทันตแพทยสภา ผู้แทนจากเครือข่ายองค์กรวิชาชีพทันตแพทย์และนักวิชาการ ได้เสนอให้กระทรวงวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี (วท.) ออกกฎหมายยกเว้นเครื่องเอกซเรย์ทางการแพทย์ และให้เครื่องเอกซเรย์อยู่ภายใต้การควบคุม คุมความปลอดภัยโดยกรมวิทยาศาสตร์การแพทย์ กระทรวงสาธารณสุข (สธ.) เช่นเดิม
ทั้งนี้...เพื่อให้เครื่องเอกซเรย์ทางการแพทย์ยังคงบริการรักษาต่อไปได้
ถึงตรงนี้ ผศ.ทพ.ดร.สุชิต ไม่เข้าใจว่าการกำหนดหลักเกณฑ์เช่นนี้ทำไปเพื่ออะไรหรือใครที่ได้ประโยชน์ เพราะหากปฏิบัติตามหลักเกณฑ์ที่ ปส.กำหนดกันจริงๆ ทันตแพทย์จะมีต้นทุนเพิ่มมากขึ้น เช่น ต้องขอใบอนุญาตครอบครอง ต้องสอบหรือจ้างเจ้าหน้าที่ความปลอดภัยทางรังสีเพิ่มอีก 1 คน
“ผมกังวลว่า...สุดท้ายแล้วผลกระทบจากเรื่องนี้จะไปตกที่ประชาชนแทน ประชาชนก็ยังได้รับรังสีปริมาณกระจุ๋มกระจิ๋มเหมือนเดิม และยังต้องมาร่วมแชร์ค่าใช้จ่ายที่เพิ่มขึ้นอีก เพราะ ปส.คงไม่มาร่วมแบกรับค่าใช้จ่ายให้หมอฟันอยู่แล้ว”
การออกกฎหมายที่ขาดการมีส่วนร่วมแสดงความคิดเห็นจากผู้เชี่ยวชาญด้านทันตกรรม...ไม่มีหลักฐานทางวิชาการรองรับว่าเครื่องเอกซเรย์ทันตกรรมมีอันตรายอย่างไร...ไม่สอดคล้องกับมาตรฐานสากล และจะส่งผลให้ประชาชนเดือดร้อน เนื่องจากมีค่าใช้จ่ายด้านทันตกรรมที่สูงขึ้น
...
สำนักงานปรมาณูเพื่อสันติ (ปส.) และกระทรวงวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี (วท.) ควรดำเนินการแก้ไขกฎหมาย หรือออกข้อยกเว้นเครื่องเอกซเรย์ขนาดเล็กจากการบังคับของกฎหมายฉบับนี้
ผศ.ทพ.ดร.สุชิต พูลทอง คณบดีคณะทันตแพทยศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย ฝากทิ้งท้ายว่า การออกกฎเกณฑ์เช่นนี้ไม่น่าจะมีประโยชน์ต่อประชาชน และขอเรียกร้องให้ ปส. และ วท. ดำเนินการให้ถูกต้องโดยเร็วเหมือนเช่นอารยประเทศทำกัน.