ศาลอาญา เลื่อนอ่านฎีกา คดี "กี้ อริสมันต์" แกนนำ นปช. ถูกฟ้องปราศรัยปี 52 หมิ่น "อภิสิทธิ์" กล่าวหาสั่งฆ่าประชาชน นัดอีก เช้า 28 มี.ค.นี้ หลังจำเลยส่งผู้แทนแจ้งเหตุป่วยปวดท้อง นอนโรงพยาบาล...
เมื่อเวลา 10.00 น. วันนี้ 10 มี.ค. 60 ที่ห้องพิจารณา 814 ศาลอาญา ถ.รัชดาภิเษก ศาลมีคำสั่งเลื่อนอ่านคำพิพากษาศาลฎีกา คดีหมายเลขดำ อ.4177/2552 ที่นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ อดีตนายกรัฐมนตรี เป็นโจทก์ ยื่นฟ้อง นายอริสมันต์ พงศ์เรืองรอง อดีตแกนนำ นปช. เป็นจำเลย ในความผิดฐานหมิ่นประมาทผู้อื่นโดยการโฆษณา สืบเนื่องจากกรณี เมื่อวันที่ 11 ต.ค. 52 และ วันที่ 17 ต.ค. 52 จำเลย ได้ปราศรัยที่อนุสาวรีย์ประชาธิปไตย และหน้าทำเนียบรัฐบาล ซึ่งมีการถ่ายทอดสดคำปราศรัยผ่านช่องพีเพิล แชนแนล กล่าวหานายอภิสิทธิ์ โจทก์ ทำนองว่า การบริหารงานรัฐบาลนายอภิสิทธิ์ กู้ยืมเงินมาเพื่อทุจริตคดโกง โดยการหยิบยกเรื่องสถาบันมากล่าวอ้าง และกล่าวหาว่าเป็นผู้หน่วงเหนี่ยวคำร้องฎีกาขอพระราชทานอภัยโทษให้กับ พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี ทำให้ล่าช้า รวมถึงสั่งทหารฆ่าประชาชน ปล้นอำนาจจากประชาชน และไม่ดำเนินการตรวจสอบการทุจริตในโครงการต่างๆ
โดยวันนี้ นายอริสมันต์ จำเลยที่ได้รับประกันตัว วงเงิน 500,000 บาท ไม่ได้เดินทางมาศาล แต่มีผู้แทนทนายความ มายื่นคำร้องขอเลื่อนนัดอ่านคำพิพากษาศาลฎีกาออกไปก่อน เนื่องจากป่วยปวดท้อง รักษาอาการที่โรงพยาบาล
ทั้งนี้ ศาลพิจารณาแล้วเห็นว่า จำเลยทราบนัดโดยชอบแล้วไม่มา แต่มีผู้แทนมายื่นคำร้องอ้างเหตุอาการเจ็บป่วย ซึ่งความเจ็บป่วยถือเป็นเหตุจำเป็นที่ไม่อาจก้าวล่วง จึงให้เลื่อนอ่านคำพิพากษาศาลฎีกาอีกครั้งในวันที่ 28 มี.ค.นี้ เวลา 09.30 น.
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า คดีนี้ นายอริสมันต์ จำเลย ให้การปฏิเสธต่อสู้คดี
...
ขณะที่ ศาลชั้นต้น มีคำพิพากษาว่าการกระทำของจำเลยเป็นการกล่าวข้อความเท็จ ยุยง ปลุกปั่นประชาชนที่รับฟังการปราศรัย ทำให้โจทก์ต้องเสื่อมเสียชื่อเสียง กระทั่งเหตุการณ์บานปลายทำให้เกิดความวุ่นวายทางการเมือง เป็นการมุ่งหวังทางการเมืองที่เป็นประโยชน์แก่ฝ่ายพรรคการเมืองที่จำเลยสังกัด ไม่ใช่เป็นการแสดงความคิดเห็น หรือติชมโดยสุจริต จึงให้จำคุก 2 กระทง กระทงละ 6 เดือน รวมจำคุก 12 เดือน ฐานหมิ่นประมาทผู้อื่นโดยการโฆษณา ขณะที่กรณีมีเหตุการณ์กล่าวพาดพิงสถาบัน จึงไม่มีเหตุรอการลงโทษ และให้จำเลยลงโฆษณาคำพิพากษาในหนังสือพิมพ์มติชน และหนังสือพิมพ์เดลินิวส์ ติดต่อกันเป็นเวลา 7 วัน โดยให้จำเลยเป็นผู้ชำระค่าโฆษณา
ต่อมาจำเลยยื่นอุทธรณ์ ศาลอุทธรณ์มีคำพิพากษาเมื่อวันที่ 9 ธ.ค. 57 เห็นว่าที่ศาลชั้นต้นพิพากษาจำคุกจำเลย และไม่รอการลงโทษนั้น ศาลอุทธรณ์เห็นว่าเหมาะสมแล้ว จึงพิพากษายืนตามศาลชั้นต้น
ซึ่งจำเลยได้ยื่นฎีกาสู้คดี และได้รับการประกันตัวระหว่างฎีกา