
การได้รับข่าวสารแบบฉับไว นาทีต่อนาที แต่เป็นใครก็ไม่รู้เป็นผู้ส่ง มีตัวตน เป็นสแปมหรือมีอคติ
หรือเป็นข่าวจริงหรือเท็จ!!
กำลังระบาดอย่างหนักในสังคมก้มหน้าครับ
บ้านเมืองจะแตกแยก แบบห้ามกันไม่อยู่ ส่วนหนึ่งก็เกิดจากการละเลงใส่สีตีไข่ใส่ข่าวของนักเลงคีย์บอร์ด ไม่มีใครคุมใครอยู่!!
พ.ร.บ.คอมพิวเตอร์หรือจะมาตามทันกับบัญชีผู้ใช้เฟซบุ๊ก ไลน์ ทวิตเตอร์ อินสตาแกรม นับรวมกันหลายสิบล้านบัญชีในประเทศนี้
บัญชีผู้ใช้นั้นอย่างไม่ได้เลยก็เฉียดๆกับจำนวนของพลเมืองครับ!!
ทั้งสื่อหลัก ทั้งผู้มีหน้าที่รับผิดชอบ ใบ้กินกันหมด ตะลึงงันกับการเติบโตแบบไร้ทิศทางของสื่อโซเชียล
พาราสาวัตถี...แล้วแต่ใครใคร่โพสต์ ละเลงอะไรก็ใส่กันเข้าไป แบบจัดหนัก จัดเต็ม!!
ใครบอกว่าบ้านเมืองอยู่ในโหมดปรองดอง ก็ไปลองอ่านในกลุ่มการเมืองของสองสีที่ทำสงครามข่าวสารกันในสื่อออนไลน์เถอะครับ
รุนแรง ก้าวร้าว และเป็นการกระตุ้นอารมณ์กองเชียร์มากกว่าการปราศรัยแบบดั้งเดิม ส่วนใหญ่ไม่ใช่ข้อเท็จจริง หากใช้ความรู้สึก+อารมณ์ล้วนๆ!!
เรื่องวัดดังแถวปทุมธานีที่สื่อหลักลงข่าวกันอย่างกระมิดกระเมี้ยนนั้น ลองไปอ่านในสื่อโซเชียลเถอะ แพร่ข่าวแพร่ภาพกล่าวหากันทั้งสองฝ่าย แทบจะเป็นรายนาที
เราเดินมาถึงจุดที่ข้อเท็จจริงไม่จำเป็น แต่พรรคพวกจำเป็นกว่าได้ยังไง??
ในที่สุดวันนี้ เราก็ได้ทราบว่าสื่อโซเชียลมีเดียโตเกินกว่าจะควบคุม กลายเป็นผู้ใหญ่ที่เกรี้ยวกราด ดุร้าย เจ้าอารมณ์ จนน่าหวาดหวั่นว่า จะยังไงต่อ...
เราพากันมาถึงจุดตายน้ำตื้นกันแล้วหรือ...?!?
“สันติพงษ์ นาคประดา”
"แจ๋วริมจอ"
jaewrimjor@gmail.com