
มันเป็นเสียอย่างนี้แหละ
เป็นเสียอย่างนี้มันถึงเกิดความยุ่งยาก...
หากทำกันอย่างถูกต้องก็คงไม่ต้องมีปัญหาอย่างเห็นๆกันอยู่ครับ...ก็เรื่องรถเมล์เอ็นจีวี 489 คัน ของ ขสมก. ที่บริษัทเบสท์ริน กรุ๊ป จำกัด ประมูลได้
ข่าวแนะนำ
แต่ได้มีการกระทำผิดสัญญา เพราะเป็นรถที่ประกอบจากประเทศจีนไม่ใช่มาเลเซียตามข้อตกลง แต่เมื่อส่งเข้ามาเมืองไทย ปรากฏว่าถูกเจ้าหน้าที่กรมศุลกากรตรวจสอบพบว่าสำแดงถิ่นกำเนิดเป็นเท็จ
เพราะไม่ได้เป็นรถประกอบในมาเลเซียแต่อย่างใด
แต่เป็นรถสำเร็จรูปมาจากจีนทั้งคัน
เมื่อเป็นเช่นนี้จึงต้องเสียภาษีอากร 40% และต้องปรับอีก 2 เท่าฐานสำแดงเท็จ เรื่องนี้แรกๆก็ทำท่าว่าจะจบลงง่ายๆ
คือบริษัทนำเข้ารถดังกล่าวได้ระบุว่าดำเนินอย่างถูกต้อง แต่เมื่อตรวจสอบพบว่าไม่ถูกต้องก็หาทางออกด้วยการยืนยันว่าจะยอมเสียภาษีตามหลักเกณฑ์ทุกอย่าง
เรื่องก็ทำท่าจะลงเอยด้วยดีคือ ขสมก.จะรับมอบรถได้ แต่เอาเข้าจริงปรากฏว่ากรมศุลกากรได้ระบุว่ายังไม่มีการเสียภาษีแต่อย่างใด เพราะที่บอกว่าจะยอมจ่ายแต่ไม่จ่าย
ขสมก.เกรงว่าจะเสียฟอร์ม เนื่องจากเคยประกาศว่ารถเมล์ลอตใหญ่นี้ถือเป็นของขวัญวันปีใหม่ให้กับคนกรุงเทพฯ
จึงพยายามทุกวิถีทางเพื่อมุบมิบจะเอาให้ได้
แต่กรมศุลกากรและสำนักงานอัยการได้ออกมายืนยันตรงกันว่า ขสมก.รับมอบไม่ได้ให้ชะลอการรับมอบเอาไว้ก่อน
เนื่องจากไม่ยอมจ่ายภาษีให้ถูกต้อง ยกเลิกสัญญาเพราะเม็ดเงินที่จะต้องจ่ายให้กรมศุลกากร อย่างน้อยก็ต้องเป็นพันล้าน และบริษัทต้องมีความผิดด้วย
เพราะทำผิดสัญญาข้อตกลง
เรื่องนี้ถ้าจะว่าไปแล้ว บริษัทที่ประมูลได้นั้นแทบจะไม่มีหลักประกันในเรื่องการทำธุรกิจแต่อย่างใด เพราะเป็นแค่บริษัท ที่แทบจะไม่รู้หัวนอนปลายเท้า เพียงแต่ให้ราคาประมูลต่ำจนสามารถชนะการประมูล
ปัญหามันอยู่ตรงนี้แหละ...
ทำไมคณะกรรมการประมูลรถดังกล่าวจึงไม่ได้มีการตรวจสอบประวัติและความเป็นมาให้ถ่องแท้ ตั้งแต่เริ่มการประมูลว่ามีคุณสมบัติที่เหมาะสมหรือไม่
ต้องยอมรับว่ารถเมล์เอ็นจีวีนั้นมีปัญหามายาวนานแล้ว จนไม่สามารถดำเนินการได้มาหลายยุคหลายสมัย เพราะมีเค้าส่อไป ในทางทุจริตตั้งแต่ต้น จนกระทั่งมีการร้องเรียนฟ้องร้องกันมาตลอด
พูดง่ายๆคือ คนกรุงเทพฯไม่คิดที่อยากจะได้แล้ว
ที่ว่าอย่างนี้ก็เพราะปัญหาต่างๆที่เกิดขึ้นส่อแววว่าไม่สามารถดำเนินการได้ ซึ่งก็เป็นเรื่องที่แปลกประหลาดอย่างยิ่ง
เพราะรถเมล์เพียงแค่นี้ยังไม่สามารถดำเนินการได้
มีเสียงพูดกันให้ตึงว่า การที่บริษัทนี้ประมูลได้นั้นมีการผลักดัน แบบไม่ธรรมดา แม้จะอยู่ในยุคสมัยที่คาดว่าทุกอย่างน่าจะโปร่งใส
พูดง่ายๆว่าทุกอย่างจะราบรื่นผ่านสะดวก
เผอิญที่กรมศุลกากรภายใต้อธิบดีกรมศุลกากรคนรุ่นใหม่ที่ใครคิดว่าจะผ่านไปได้ง่าย แต่ผิดคาดผิดฝั่งผิดฝา เพราะมีการ ตรวจสอบกันอย่างเอาจริงเอาจัง
สุดท้ายก็ไปไม่ได้รอด เชื่อได้เลยว่าเมื่อนำเข้ารถผิดกฎหมายก็ไม่สามารถรับมอบรถได้ เพราะไม่ถูกต้อง และคงเป็นเรื่องยากที่จะจบลงอย่างที่คาดหวังกัน เพราะค่าปรับจำนวนไม่น้อย
ที่คิดว่าจะแบ่งปันกันสบายๆ คงจะเหลวไม่เป็นท่า.
เพลิงสุริยะ