‘บิ๊กอ๊อด’ ยืนยันไม่นั่งต่อประธานโอลิมปิกฯ หลังทำงานมา 16 ปี

“บิ๊กอ๊อด” พล.อ.ยุทธศักดิ์ ศศิประภา ยืนยันไม่รับตำแหน่ง ประธานคณะกรรมการโอลิมปิกแห่งประเทศไทยฯ ต่ออีกแน่นอน หลังวาระการทำงานจะหมดลงในปีนี้ และจะมีการประชุมสมัชชาใหญ่เพื่อเลือกตั้งในสัปดาห์สุดท้ายของเดือนเมษายน ส่วน “บิ๊กป้อม” พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม ซึ่งปัจจุบันเป็นนายกสมาคมกีฬาว่ายน้ำแห่งประเทศไทย ที่คาดว่าจะถูกเสนอชื่อให้เป็นประธานคณะกรรมการโอลิมปิกแห่งประเทศไทยฯคนต่อไป พล.อ.ยุทธศักดิ์ระบุถือว่าเหมาะสม และจำเป็นต้องมี พล.ต.จารึก อารีราชการัณย์ เป็นรองประธานและเลขาธิการต่อไปเหมือนเดิม...
วันที่ 4 ม.ค.60 “บิ๊กอ๊อด” พล.อ.ยุทธศักดิ์ ศศิประภา ประธานกรรมการโอลิมปิกแห่งประเทศไทยฯ เปิดเผยว่า คณะกรรมการบริหารโอลิมปิกแห่งประเทศไทยฯ ชุดปัจจุบันจะหมดวาระลงในปีนี้ และการประชุมสมัชชาใหญ่กำหนดให้มีขึ้นในสัปดาห์สุดท้ายของเดือนเมษายน เพื่อเลือกตั้งคณะกรรมการและประธานคณะกรรมการโอลิมปิกแห่งประเทศไทยฯ คนใหม่ด้วย ซึ่งตนขอยืนยันว่าจะไม่รับตำแหน่งอย่างแน่นอนตามที่ได้ประกาศไว้ก่อนหน้านี้ เพราะการทำงานบนเก้าอี้ตัวนี้ 4 สมัย เป็นเวลา 16 ปีเต็ม นับว่าเพียงพอแล้ว
สำหรับกรณีที่ “บิ๊กป้อม” พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม จะถูกเสนอชื่อเป็นประธานคณะกรรมการโอลิมปิกแห่งประเทศไทยฯ คนใหม่ ในเรื่องนี้ พล.อ.ยุทธศักดิ์ กล่าวว่า "พล.อ.ประวิตร ถือว่ามีความเหมาะสมในตำแหน่งประธานคณะกรรมการโอลิมปิกแห่งประเทศไทยฯคนต่อไป เพราะเป็นคนที่ตั้งใจทำงาน และเพิ่งได้รับการเลือกตั้งเป็นนายกสมาคมกีฬาว่ายน้ำแห่งประเทศไทยคนใหม่ ซึ่งตนจะหาโอกาสพูดคุยกับรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหมอีกครั้ง อย่างไรก็ตาม ในวันประชุมสมัชชาใหญ่ต้องดูด้วยว่า สมาคมกีฬาที่เป็นสมาชิกคณะกรรมการโอลิมปิกแห่งประเทศไทยฯ จะเสนอชื่อ พล.อ.ประวิตร เพื่อชิงตำแหน่งหรือไม่"
นอกจากนี้ พล.อ.ยุทธศักดิ์ ยังกล่าวอีกว่า "ถึงตนจะไม่ได้เป็นประธานคณะกรรมการโอลิมปิกแห่งประเทศไทยฯ แล้ว แต่ก็พร้อมที่จะเป็นกรรมการและอยากที่จะช่วยประธานคณะกรรมการโอลิมปิกแห่งประเทศไทยฯ คนใหม่ทำงาน ในฐานะที่ปรึกษา โดยเฉพาะในช่วงแรก เนื่องจากต้องใช้เวลาในการสานงานต่อ เพื่อให้งานเดินหน้าไปได้แบบไม่มีสะดุด แต่ไม่ว่าใครจะเข้ามาเป็นประธานคณะกรรมการโอลิมปิกแห่งประเทศไทยฯ ก็ตาม ตนมองว่า พล.ต.จารึก อารีราชการัณย์ ควรจะต้องเป็นรองประธานคนที่ 1 และเลขาธิการของคณะกรรมการโอลิมปิกแห่งประเทศไทยต่อไป เพราะหากไม่ใช่ พล.ต.จารึก แล้ว แนวทางการทำงานของโอลิมปิกแห่งประเทศไทยฯ จะพลิกผันไปอย่างมาก"