ไทยเป็นผู้ผลิตและส่งออกหมึกสดแช่แข็งและแปรรูปรายใหญ่ของโลก ในกระบวนการล้างทำความสะอาด มีการทิ้งอวัยวะภายในรวมทั้งถุงดีหมึก ให้กลายเป็นขยะไร้คุณค่า ปีละประมาณ 10 ล้านตัน
แต่ในต่างประเทศนิยมนำน้ำหมึกจากดีหมึกมาเป็นวัตถุดิบประกอบอาหารทั้งคาวหวาน...ยุโรป อิตาลี และสเปน นิยมนำมาปรุงอาหารจำพวกพาสต้า ข้าวรีชอตโต ขนมปังดำ ส่วนประเทศแถบเอเชีย ญี่ปุ่น จีน สิงคโปร์ ก็นำมาประกอบอาหารเช่นกัน
นอกจากประกอบอาหาร น้ำหมึกยังมีสรรพคุณทางการแพทย์ ยับยั้งเชื้อแบคทีเรีย มีสารต้านอนุมูลอิสระ ยับยั้งมะเร็งตับ มะเร็งช่องปาก เซลล์เนื้องอก กระตุ้นระบบภูมิคุ้มกันร่างกาย
สำหรับประเทศไทย แม้ไม่ค่อยคุ้นลิ้นกับอาหารปรุงด้วยหมึกนัก จะมีให้เห็นเฉพาะในภัตตาคารหรู และโรงแรมห้าดาวขึ้นไป...แต่ต้องนำเข้าดีหมึกเหลวสำเร็จรูปจากอิตาลี ราคากิโลละหลายพัน
อีกทั้งวิธีการนำน้ำหมึกออกจากดีหมึก มีกระบวนการยุ่งยาก ใช้เวลานาน ต้องทำท่ามกลางกลิ่นคาวคละคลุ้งไม่พึงประสงค์ เพราะทั้งเครื่องใน สเปิร์ม น้ำหมึก จะปนมากับดีหมึก คนไทยจึงไม่มีใครทำกัน
คณะอุตสาหกรรมอาหาร สถาบันเทคโนโลยีพระจอมเกล้าเจ้าคุณทหารลาดกระบัง โดย ผศ.ดร.ธงชัย พุฒทองศิริ เลยมีแนวคิดนำน้ำหมึกในดีหมึกมาใช้ประโยชน์เป็นสีผสมอาหารธรรมชาติ โดยพัฒนาเป็นผงพร้อมปรุงผสมอาหาร เพื่อสะดวกต่อการใช้ประกอบอาหาร
คัดเอาเฉพาะดีของหมึกกระดองลายเสือ เพราะมีขนาดใหญ่กว่าหมึกสายพันธุ์อื่น นำดีมาบดบี้ กรองผ่านตะแกรงคัดเอาเฉพาะน้ำหมึก แล้วนำมาผ่านความร้อนฆ่าเชื้อ จากนั้นเอาน้ำหมึกมาผ่านกระบวนการสเปรย์ ไดร์กับน้ำ หรือทำแห้งแบบพ่นฝอยสูตรเฉพาะ สุดท้ายนำมาอบแห้ง แล้วต่อยอดโดยนำดีหมึกผงมาพัฒนาเป็นซอสหมึกดำผงพร้อมปรุง ทดแทนการนำเข้า และสามารถเก็บรักษาได้นานกว่าดีหมึกเหลว
ซอสดีหมึกผงพร้อมปรุงนี้ นอกจากเป็นที่ถูกอกถูกใจบรรดาเชฟจากโรงแรมและภัตตาคารชั้นนำแล้ว ยังการันตีด้วยรางวัลผลงานนวัตกรรมสายอุดมศึกษา ประจำปี 2559 ระดับดีมาก จากสำนักงานคณะกรรมการวิจัยแห่งชาติ (วช.) อีกด้วย.
สะ–เล–เต