
10 เรื่องยิ่งใหญ่ พระมหากษัตริย์ รัชกาลที่ 10
สมเด็จพระบรมโอรสาธิราช เจ้าฟ้ามหาวชิราลงกรณ สยามมกุฎราชกุมาร ทรงรับขึ้นทรงราชย์ เป็นพระมหากษัตริย์รัชกาลที่ 10 แห่งราชวงศ์จักรี โดยทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ ให้เฉลิมพระปรมาภิไธยว่า 'สมเด็จพระเจ้าอยู่หัวมหาวชิราลงกรณ บดินทรเทพยวรางกูร'
ไทยรัฐออนไลน์ รวม 10 เรื่องยิ่งใหญ่มาให้รู้กัน...
ข่าวแนะนำ
1. 28 กรกฎาคม 2495 วันที่ชาวไทยปลาบปลื้ม วันประสูติเจ้าฟ้าชาย
วันจันทร์ที่ 28 กรกฎาคม 2495 เป็นวันที่ชาวไทยปลาบปลื้มที่ได้เจ้าฟ้าชาย หลังจากที่มีพระประสูติกาลของสมเด็จเจ้าฟ้าชายพระองค์สุดท้าย คือ สมเด็จเจ้าฟ้าประชาธิปกศักดิเดชน์ (พระบาทสมเด็จพระปกเกล้าเจ้าอยู่หัว) พุทธศักราช 2436 แล้วไม่มีเจ้าฟ้าชายประสูติอีกเลยถึง 3 รัชกาล (เป็นเวลา 58 ปี)
ทรงมีพระนามว่า สมเด็จพระเจ้าลูกยาเธอ เจ้าฟ้าวชิราลงกรณ บรมจักรยาดิศรสันตติวงศ เทเวศรธำรงสุบริบาล อภิคุณูประการมหิตลาดุลเดช ภูมิพลนเรศวรางกูร กิตติสิริสมบูรณ์สวางควัฒน์ บรมขัตติยราชกุมาร
2. พระราชประวัติด้านการศึกษา
กันยายน 2499 ทรงเข้าศึกษาในชั้นอนุบาลปีที่ 1 ณ โรงเรียนจิตรลดา ในพระราชวังดุสิต
6 มกราคม 2509 ทรงมีพระราชดำรัสอำลาไปศึกษาต่อต่างประเทศแก่ประชาชนชาวไทยผ่านทางวิทยุกระจายเสียงและโทรทัศน์ ความว่า
“วันที่ 7 มกราคมนี้ ข้าพเจ้าจะจากพระนครไปประเทศอังกฤษแล้ว จึงขอถือโอกาสนี้อำลาท่านทั้งหลายโดยทั่วกัน
ข้าพเจ้ามีใจผูกพันอยู่กับประเทศชาติและกับท่านทั้งหลายมาก เพราะข้าพเจ้าเป็นพลเมืองไทยคนหนึ่ง และท่านทั้งหลายต่างได้แสดงน้ำใจไมตรีต่อข้าพเจ้าตลอดมา ข้าพเจ้าจึงตระหนักว่าในกาลข้างหน้า ข้าพเจ้ามีหน้าที่และจะต้องทำงานให้เป็นประโยชน์แก่บ้านเมืองและประชาชนให้จงได้ ในโอกาสที่ข้าพเจ้าจะออกไปศึกษา ณ ต่างประเทศนี้ ข้าพเจ้าจึงตั้งใจไว้อย่างแน่วแน่ว่าจะพยายามศึกษาเล่าเรียนโดยเต็มกำลังความสามารถ เพื่อให้เกิดความรู้และสติปัญญานำมาในการทำนุบำรุงประเทศชาติให้เจริญก้าวหน้าและรุ่งเรืองไพบูลย์ยิ่งขึ้นไป
ข้าพเจ้าขอกล่าวคำอำลาท่านอีกครั้งหนึ่ง ขอท่านทั้งหลายได้เอาใจช่วยข้าพเจ้าให้เกิดกำลังใจที่จะเล่าเรียนได้สำเร็จสมความตั้งใจโดยตลอดด้วย”
3. พระอิสริยยศ และพระอิสริยศักดิ์
19 พฤศจิกายน 2508 พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวได้ทรงประดับยศร้อยตรี เรือตรี และเรืออากาศตรี แด่สมเด็จพระเจ้าลูกยาเธอ เจ้าฟ้าวชิราลงกรณฯ และจอมพลถนอม กิตติขจร ผู้บัญชาการทหารสูงสุดได้ทูลเกล้าฯ ถวายเครื่องแบบนายทหารทั้งสามเหล่า
28 ธันวาคม 2515 ทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ ให้สถาปนาสมเด็จพระเจ้าลูกยาเธอเจ้าฟ้าวชิราลงกรณฯ ขึ้นเป็นสมเด็จพระบรมโอรสาธิราช เจ้าฟ้ามหาวชิราลงกรณ บดินทรเทพยวรางกูร สิริกิตยสมบูรณสวางควัฒน์ วรขัตติยราชสันตติวงศ์ มหิตลพงศอดุลยเดช จักรีนเรศยุพราชวิสุทธ สยามมกุฎราชกุมาร มุสิกนาม
4. “ข้าพเจ้าจะต้องเพียรพยายามศึกษาปฏิบัติฝึกฝนตนเองต่อไปอีกอย่างมาก เพื่อให้สามารถเหมาะสมกับหน้าที่ตามที่ทุกคนมุ่งหวัง”
29 ธันวาคม 2515 ในงานสโมสรสันนิบาต ซึ่งรัฐบาลจัดถวายเพื่อเฉลิมพระเกียรติในโอกาสที่ได้ทรงดำรงพระอิสริยศักดิ์เป็นสยามมกุฎราชกุมาร ทรงมีพระราชดำรัสตอนหนึ่งความว่า
“…ข้าพเจ้าทราบตระหนักว่าข้าพเจ้ามีหน้าที่และความรับผิดชอบประเทศอย่างสูง และการปฏิบัติราชการแผ่นดินนั้น เป็นภาระสำคัญใหญ่ยิ่งที่ต้องอาศัยทั้งสติปัญญาและความรู้ความสามารถพร้อมมูล ข้าพเจ้าจะต้องเพียรพยายามศึกษาปฏิบัติฝึกฝนตนเองต่อไปอีกอย่างมาก เพื่อให้สามารถเหมาะสมกับหน้าที่ตามที่ทุกคนมุ่งหวัง...”
5. การบวชด้วยศรัทธาอันแรงกล้า โดยมุ่งหวังที่จะนำมาใช้ให้เป็นประโยชน์แก่ประเทศชาติ
6 พฤศจิกายน 2521 สมเด็จพระบรมโอรสาธิราชฯ ทรงพระผนวช ณ พระอุโบสถวัดพระศรีรัตนศาสดาราม ทรงรับพระนามฉายาว่า วัชราลงกรโณภิกขุ
16 พฤศจิกายน 2521 ทรงมีพระราชดำรัสตอบต่อที่ประชุมสงฆ์ วัดพระมหาธาตุจังหวัดนครศรีธรรมราช อันมีใจความตอนหนึ่งว่า
“…การบวชของกระผมในครั้งนี้เป็นการบวชด้วยศรัทธาอันแรงกล้าที่จะศึกษาพระธรรมอันมีค่าสูงสุด โดยมุ่งหวังที่จะนำไปใช้ให้เป็นประโยชน์แก่ประเทศชาติต่อไป...”
6. ขณะมีพระชนมายุเพียง 9 พรรษา กับพระราชกรณียกิจครั้งแรก
19 มีนาคม 2505 เสด็จพระราชดำเนินปฏิบัติพระราชกรณียกิจแทนพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ในพิธีเปิดป้ายของสมาคมกุมารแพทย์แห่งประเทศไทย โรงพยาบาลเด็ก ขณะนั้นมีพระชนมายุเพียง 9 พรรษา
7. ทรงปฏิบัติพระราชกรณียกิจด้านต่างๆ นานัปการ
เมื่อทรงพระเจริญวัย ได้ทรงปฏิบัติพระราชกรณียกิจด้านต่างๆ นานัปการ ทั้งที่ทรงปฏิบัติแทนพระองค์ และทรงปฏิบัติในส่วนพระองค์เอง พระราชกรณียกิจทั้งปวงล้วนมีการสร้างสรรค์ความผาสุกสงบแก่ประชาชน นำความเจริญไพบูลย์และความมั่นคงมาสู่ประเทศ เช่น ด้านการแพทย์และสาธารณสุข การศึกษา การสังคมสงเคราะห์ การพระศาสนา การต่างประเทศ
8. โครงการพัฒนาพื้นที่บ้านกูแบซีรา หนึ่งในโครงการอันเนื่องมาจากพระราชดำริ
สืบเนื่องมาจากเมื่อเดือนกันยายน 2544 สมเด็จพระบรมโอรสาธิราชฯ สยามมกุฎราชกุมาร ได้เสด็จพระราชดำเนินเยี่ยมราษฎรบ้านกูแบซีรา และทอดพระเนตรสภาพพื้นที่ ได้ทรงทราบถึงปัญหาของราษฎรในพื้นที่ดังกล่าวว่ามีพื้นที่น้ำขังตลอดปี กรมชลประทานมีแปลนที่จะดำเนินการขุดคลองระบายน้ำ แต่ไม่สามารถดำเนินการต่อได้ เนื่องจากติดปัญหาเรื่องที่ดิน จึงเป็นสาเหตุสำคัญอีกประการหนึ่งที่ทำให้มีน้ำท่วมขัง
ในการนี้ สมเด็จพระบรมโอรสาธิราชฯ สยามมกุฎราชกุมาร ได้มีพระราชดำริกับผู้ช่วยราชเลขาธิการฝ่ายกิจกรรมพิเศษสำนักพระราชวัง และผู้เกี่ยวข้องทุกฝ่าย สรุปความได้ว่า “ให้แก้ไขปัญหาเรื่องเร่งด่วนก่อน พร้อมทั้งศึกษาในภาพรวม เมื่อได้ศึกษาในภาพรวมทั้งระบบ และทรงรับไว้เป็นโครงการอันเนื่องมาจากพระราชดำริ”
9. ความสนพระทัยในวิชาการทหาร
มกราคม-ตุลาคม พ.ศ. 2519 สมเด็จพระบรมโอรสาธิราชฯ สยามมกุฎราชกุมาร ทรงเข้ารับการฝึกเพิ่มเติม และทรงการศึกษางานด้านการทหารในประเทศออสเตรเลีย โดยทุนของกระทรวงกลาโหม ทรงประจำการ ณ กองปฏิบัติการทางอากาศพิเศษ ที่นครเพิร์ท รัฐออสเตรเลียตะวันตก ประเทศออสเตรเลีย
สมเด็จพระบรมโอรสาธิราชฯ สยามมกุฎราชกุมาร ทรงดำรงพระยศทางทหารของ 3 เหล่าทัพ คือ พลเอก พลเรือเอก และพลอากาศเอก
10. การปฏิบัติการรบ
สมเด็จพระบรมโอรสาธิราชฯ สยามมกุฎราชกุมาร ได้ทรงปฏิบัติพระราชภารกิจด้านการทหาร โดยทรงเข้าร่วมปฏิบัติการรบในการต่อต้านการก่อการร้ายบริเวณภาคเหนือ และภาคตะวันออกเฉียงเหนือของประเทศไทย รวมทั้งการคุ้มกันพื้นที่ในบริเวณรอบค่ายผู้อพยพชาวกัมพูชา ที่เขาล้าน จังหวัดตราด
ซึ่งแม้เป็นพระราชภารกิจที่ต้องเสี่ยงภยันตราย แต่ด้วยความที่ทรงเป็นชาติทหาร และเป็นพระราชภารกิจเพื่อความผาสุกของพสกนิกร และเพื่อมนุษยธรรมต่อผู้ประสบทุกข์ยาก จึงทรงปฏิบัติพระราชภารกิจดังกล่าวโดยเต็มพระราชกำลัง
ข้อมูล : กองกิจการในสมเด็จพระบรมโอรสาธิราชฯ สยามมกุฎราชกุมาร