จากกรณีกระแสข่าว สถานเอกอัครราชทูตสหรัฐอเมริกาประจำประเทศไทย ไม่อนุมัติวีซ่าเข้าประเทศ กับ น.ส.อรพิมพ์ รักษาผล หรือ เบสท์ นักพูดขวัญใจชาวไทย หลังได้รับเชิญจากชุมชนไทยในนครลอสแอนเจลิสให้ไปพูดในวันที่ 3 ธ.ค.และที่เมืองบอสตัน วันที่ 5 ธ.ค.ที่จะถึงนี้ ต่อมา เบสท์ ออกมาชี้แจงเหตุที่ขอวีซ่าไม่ผ่านเพราะว่า การตรวจสอบหลักฐานการเงินไม่พอ เนื่องจากไม่ได้ทำงานประจำ ซึ่งเรื่องนี้ก็เกิดกระแสวิพากษ์วิจารณ์ในโลกโซเชียลจำนวนมาก

ล่าสุดวันที่ 16 พ.ย. เบสท์ อรพิมพ์ ได้ออกมาโพสต์ข้อความในแฟนเพจเฟซบุ๊ก Best Orapim บรรยายความในใจถึงกระแสวิพากษ์วิจารณ์ในครั้งนี้ ระบุว่า

"พลังใจเดียวที่มีที่ทำให้ลูกต้องอดทน กระแสแห่งการวิพากษ์วิจารณ์ บางครั้งรุนแรงกระทบกระเทือนหัวใจเหลือเกิน การตัดสินชีวิตของใคร โดยที่ยังไม่ทราบข้อมูลอาจเป็นเรื่องเล็กน้อยของคนในสังคมแต่เป็นเรื่องที่ทำร้ายหัวใจและความตั้งใจดีๆของคนๆนึงได้

โชคดีที่ได้เตรียมใจไว้แล้ว ถามตัวเองไว้ก่อนแล้วว่า ถ้าไม่มีในหลวงรัชกาลที่ 9 จะหยุดยั้งความตั้งใจในการบรรยายเรื่องของพระองค์ท่านเรื่องชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์หรือไม่ เมื่อวันนั้นคำตอบคือไม่หยุด วันนี้จึงไม่แปลกใจที่มีเรื่องราวมากมายที่ชีวิตไม่เคยเจอในวันที่ทำงานในมุมที่ไม่มีใครเห็น

การตั้งใจเดินทางไปต่างประเทศครั้งนี้ เป็นหนึ่งความตั้งใจไปพูดในที่ที่พ่อประสูติ ในปีสุดท้ายของชีวิตพ่อ ท่ามกลางคนไทยที่รักพ่อที่อาศัยอยู่ที่นั่น การเตรียมการมีระยะเวลาไม่มาก จนเกิดเหตุที่เป็นข่าวเรื่องการขอวีซ่า โดยที่ยังไม่ทราบเหตุของการถูกปฏิเสธ แต่ก็มีการเชื่อมโยงมากมาย ตัดสินความตั้งใจของเบสท์ไปหลากหลายประเด็น เบสท์น้อมรับคำวิพากษ์วิจารณ์นะคะ แต่เสียใจที่เชื่อมโยงเป็นประเด็นที่เกี่ยวกับพ่อ พระราชาที่เบสท์อยากเล่าเรื่องของพระองค์ท่านให้ดังกึกก้อง 'ให้จำเรื่องของพ่อ ไม่ใช่จำชื่อของเบสท์'

...

สถานะทางการเงินของเบสท์ติดลบตั้งแต่จำความได้ ครอบครัวล้มละลาย เบสท์ทำงานด้วยเรียนไปด้วยจนจบและดูแลครอบครัวตั้งแต่อายุไม่ถึง 20 เบสท์ทำงานหนักตั้งแต่พูดฟรีจนพูดได้เงิน เดินทางครบทุกจังหวัดในประเทศไทยเพื่อใช้เสียงสร้างแรงบรรดาลใจมากว่า 16 ปี เกินครึ่งของชีวิตเบสท์ จนมาเปิดบริษัทรับงานการบรรยายและการอบรม วัฏจักรของธุรกิจเดินทางมาจนถึงวันที่ต้องปิดบริษัทเมื่อปลายปีก่อน เบสท์ไม่เคยมีปัญหาหนี้เสียมาก่อน ทุกอย่างเป็นไปตามระบบ ยกเว้นบ้านหลังที่ซื้อเป็นออฟฟิศซึ่งเบสท์มีชื่อร่วม ภายหลังการถอนตัวออกมา หุ้นส่วนต้องการเก็บบ้านไว้แต่ยังไม่ได้ซื้อขายอย่างถูกต้อง มีการขาดผ่อนชำระ ซึ่งติดชื่อเบสท์ไปด้วย และเบสท์เองไม่มีกำลังซื้อบ้านหลังนั้นเพื่อเก็บไว้ได้ จึงอาจเป็นปัญหาที่ค้างคาด้านสถานะการเงิน รวมถึงการกลับมาทำงานอีกครั้งในนามส่วนตัว แม้ไม่มั่นคง เหนื่อยกว่าเดิมมาก แต่เป็นความสบายใจซึ่งอาจมองได้ว่าสถานะการทำงานของเบสท์ไม่มั่นคง

ที่สุด เบสท์ไม่เคยโทษการทำงานของทุกหน่วยงาน ถ้าจะให้พูดถึง เบสท์ขอพูดถึงแค่ความผิดบกพร่องของตัวเอง เบสท์ไม่มีพื้นฐานชีวิตที่ดี สู้ด้วยหนึ่งสมอง สองมือเพื่อครอบครัว เพื่อความฝันมาตลอด เบสท์เป็นคนจนแต่เชื่อมั่นในความดี วันนี้อาจเป็นบทพิสูจน์ว่า ถ้าคนจนคนหนึ่งตั้งใจทำความดี วันนึงแม้อาจไม่ร่ำรวย แต่แน่นอนเบสท์ไม่เคยจนน้ำใจ ไม่เคยจนหัวใจในการตอบแทนบุญคุณแผ่นดิน

กราบขอบคุณทุกคำวิพากษ์วิจารณ์ที่ทำให้เบสท์รู้ว่าเบสท์ต้องพัฒนาตัวเองทั้งกายและใจ เบสท์ต้องเข้มแข็งมากขึ้นทุกวัน เพื่อหน้าที่ เพื่อสมเป็นลูกพ่อ
กราบขอบคุณกำลังใจจากทุกช่องทาง เบสท์อ่านด้วยน้ำตาจริงๆค่ะ พวกคุณอาจไม่รู้ แต่พวกคุณคือกำลังใจที่ทำให้เบสเห็นแสงไฟในการทำงานต่อ
เบสท์หลั่งน้ำตาหน้ารูปพระองค์ท่าน ได้พูดที่ไหนไม่ได้สำคัญ ขอแค่ได้พูดเรื่องพระองค์ท่าน พูดเรื่องสถาบันพระมหากษัตริย์ที่มีพระคุณท่วมชีวิต

เบสท์ยังทำงานทุกวันค่ะ หลังเวทีเป็นอย่างไร จับไมค์แล้วเป็นมืออาชีพ เบสท์ไม่ยอมแพ้ง่ายๆหรอกค่ะ "เพราะเบสท์เป็นนักพูดของพ่อ” ขอพ่อคุ้มครองลูก คิดถึงพระองค์ท่านจับใจ"

-ข่าวที่เกี่ยวข้อง-

...