
สิ่งที่พึงระวัง
เส้นทางสู่เก้าอี้นายกฯ คนนอกเริ่มสดใสเป็นไปตามเป้าที่วางแผนเอาไว้อย่างดี แถมยังมีโอกาสอยู่ยาวถึง 8 ปีอีกด้วย เว้นแต่ว่าจะไปเจอก้อนกรวดในรองเท้า นั่นก็เป็นเรื่องที่ช่วยไม่ได้
ข่าว “เขย่าขวด” สุดสัปดาห์นี้เส้นทางสู่นายกฯคนนอกดูท่าจะเปิดโล่งมากขึ้นไปทุกทีหลังคำถามพ่วงที่ตีความออกมาแล้ว
ข่าวแนะนำ
ส.ว.จะมีส่วนร่วมในการโหวตนายกฯคนนอกได้ แม้จะไม่มีอำนาจในการเสนอชื่อก็ตาม แต่โดยกระบวนการแล้ว
ไม่มีก็เหมือนมีทำนองนั้น!?!
เว้นแต่พรรคการเมืองจะรวมหัวกันเพื่อโหวตให้นายกฯที่มาจากบัญชีรายชื่อที่แต่ละพรรคเป็นผู้เสนอ
แต่โอกาสและความเป็นไปได้ไม่มากนัก
หากได้นายกฯจาก “คนนอก” ซึ่งจะมีความต่อเนื่องไปถึง 8 ปีเลยทีเดียว เพราะแม้จะมีข้อกำหนดเพียง 5 ปีแรก แต่อายุของรัฐบาลหลังเลือกตั้งมีวาระแค่ 4 ปี
การเลือกตั้งครั้งต่อไปไม่ว่าจะอยู่ครบวาระ หรือมีการยุบสภาขั้นบ้าง แต่ระบบการเลือกตั้งการได้มาซึ่งนายกฯก็ต้องใช้รูปแบบตามนี้
นั่นก็หมายความว่าเมื่อรัฐบาลครบวาระ 4 ปี มีการเลือกตั้งใหม่ การโหวตเลือกนายกฯก็สามารถผลักดัน “คนนอก” ได้เหมือนเดิม
“คนนอก” ที่เป็นนายกฯก็สามารถกลับคืนตำแหน่งได้อีก
ยิ่งหากว่ามีความสามารถบริหารประเทศเป็นไปอย่างราบรื่น สร้างผลงานโดดเด่น สร้างความพอใจให้กับประชาชนได้
ประเทศชาติสงบร่มเย็น ประชาชนกินดีอยู่ดี
หรือจะแบบประเทศมั่นคง ประชาชนมั่งคั่งและยั่งยืนก็ยิ่งไปกันใหญ่ แทบจะไม่ต้องออกแรงมากกว่ารอบแรกด้วยซ้ำไป
แต่โทษทีการลงสนามการเมืองหลังจากเลือกตั้งปี 60 ซึ่งน่าจะตั้งรัฐบาลได้คงเป็นต้นๆปี 61 นั่นแหละ
นั่นเท่ากับว่าเป็น “นักการเมือง” เต็มตัว ไม่ใช่ครึ่งๆกลางๆอย่างทุกวันนี้
ในสนามการเมืองที่มีนักการเมืองมาจากการเลือกตั้งนั้น จะต่างกับทุกวันนี้ การประชุมสภาที่ ส.ส.มีสิทธิ มีเสียง
มีกติกาคุ้มครองการแสดงบทบาทจึงทำได้อย่างเต็มที่
คนนั่งแท่นบนเก้าอี้นายกฯในที่ประชุมสภาฯ หากไม่แน่จริง หากไม่ครบเครื่องพอก็เหนื่อยแน่ เพราะ ส.ส.สามารถไล่ถลุงได้ยกต่อยกเลยทีเดียว
อย่าลืมด้วยว่าเมื่อรัฐธรรมนูญประกาศใช้อำนาจเต็มๆอย่าง ม.44 ก็จะหมดไปโดยปริยาย จะทำอะไรได้ง่ายๆเหมือนก่อนคงไม่ได้
ด้วยปัจจัยพื้นฐานที่ผ่านมา หาก พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา ได้เป็นนายกฯคนนอกจริงๆ ก็คือเสียงสนับสนุนจากประชาชนจะเป็นตัวค้ำยันอย่างดี
การทำ “ประชามติ” ร่างรัฐธรรมนูญและคำถามพ่วงคือตัวบ่งชี้อย่างหนึ่ง
ความต้องการที่จะให้เป็นนานๆก็เป็นอีกเรื่องหนึ่ง
การจัดแถว “กองทัพ” โดยเฉพาะการที่ พล.อ.เฉลิมชัย สิทธิสาท ผบ.ทบ.คนใหม่ที่จะอยู่ในราชการต่อไปอีก 2 ปี
นั่นจะทำให้เสถียรภาพของรัฐบาลมั่นคงขึ้น และมีความต่อเนื่องไปถึงปี 61 ซึ่งต่อเนื่องไปถึงช่วงเปลี่ยนผ่านรัฐบาลหลังเลือกตั้ง
นายทหารจากป่าหวายคนนี้ไม่ใช่ธรรมดา เห็นเงียบๆอย่างนี้ แต่เมื่อถึงเวลาลุยก็จะเป็นแบบว่า “ถึงลูกถึงคน”
ไม่ว่าจะบนดินหรือใต้ดินได้ทุกรูปแบบ
เว้นแต่ว่าจะไปเจอในลักษณะ “ก้อนกรวดในรองเท้า” อย่างกรณีภรรยาน้องชายและหลานชายเป็นเหตุให้สะดุดเอาได้ง่ายๆ
เพราะแค่นี้ก็ลำบากยากเย็นอย่างที่เห็นๆกันอยู่!!!
“ลิขิต จงสกุล”