
นายทวารัฐ สูตะบุตร ผู้อำนวยการสำนักงานนโยบายและแผนพลังงาน (สนพ.) เปิดเผยว่า ที่ประชุมคณะกรรมการนโยบายพลังงานแห่งชาติ (กพช.) ซึ่งมี พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีเป็นประธาน ได้รับทราบผลการเจรจาราคาจัดหาก๊าซธรรมชาติเหลว (แอลเอ็นจี) ระยะยาวจากบริษัท เชลล์ อีสเทิร์น เทรดดิ้ง จำกัด และบริษัท บีพี สิงคโปร์ พีทีอี จำกัด ที่ลดราคาลงมาได้ 20% คิดเป็นมูลค่าตลอดอายุสัญญารวมกันทั้ง 2 สัญญาราว 115,000 ล้านบาท ซึ่งเป็นผลมาจากราคาน้ำมันในตลาดโลกลดลง พร้อมทั้งอนุมัติให้บริษัท ปตท. จำกัด (มหาชน) ลงนามในสัญญาซื้อขายแอลเอ็นจีระยะยาวตามราคาที่ปรับลดลงได้ หลังจากสำนักงานอัยการสูงสุดตรวจร่างสัญญาและเสนอให้คณะรัฐมนตรี (ครม.) ให้ความเห็นชอบ ทั้งนี้ ความต้องการใช้แอลเอ็นจีของไทยอยู่ที่วันละ 5,000 ล้านลูกบาศก์ฟุต หรือคิดเป็นปริมาณ 2.7-2.9 ล้านตันต่อปี
นอกจากนี้ ที่ประชุม กพช.ยังได้อนุมัติการปรับอัตรารับซื้อไฟฟ้าจากพลังงานแสงอาทิตย์ในรูปแบบ Feed-in Tariff (FIT) สำหรับผู้ผลิตไฟฟ้าขนาดเล็กมาก (วีเอสพีพี) จากราคา 5.66 บาทต่อหน่วยไฟฟ้า ลงมาเหลือ 4.12 บาทต่อหน่วยไฟฟ้า เนื่องจากต้นทุนการผลิตไฟฟ้าจากพลังงานแสงอาทิตย์ปรับลดลง ขณะเดียวกัน ยังได้เห็นชอบให้กระทรวงพลังงานขยายเวลาการคัดเลือกผู้ดำเนินการบริหารจัดการสัมปทานแหล่งปิโตรเลียมที่จะหมดอายุปี 65-66 ออกไปอีก 60 วัน โดยจะต้องเปิดประมูลทั่วไปให้แล้วเสร็จภายในเดือน ก.ย.60.