
เจ้าหน้าที่ทหาร และป่าไม้ ทำความเข้าใจกับประชาชน และเจ้าของรีสอร์ตภูชี้ฟ้า จ.เชียงราย ย้ำชัดรีสอร์ตรุกป่าภูชี้ฟ้าต้องถูกจับ ส่วนชาวบ้านอยู่เก่าตั้งแต่ปี 2541 ที่ไม่รุกป่าอยู่ได้ตามปกติ พร้อมกำหนดแผนเข้าตรวจสอบใหม่
เมื่อวันที่ 23 ส.ค. 59 ที่ศูนย์บริการนักท่องเที่ยวภูชี้ฟ้า บ้านร่มฟ้าไทย หมู่ 24 ต.ตับเต่า อ.เทิง จ.เชียงราย พ.อ.จรัส ปัญญาดี รอง ผบ.มทบ.37 พ.อ.สมชาย ทาวงศ์มา เสธ.มทบ.34 ไปรับฟังปัญหากรณีป่าไม้เข้าตรวจสอบรีสอร์ตบนภูชี้ฟ้า 45 ราย ต.ปอ อ.เวียงแก่นอีก 24 แห่ง บุกรุกป่าสงวนแห่งชาติ เมื่อวันที่ 17 ส.ค.ที่ผ่านมา แต่ถูกชาวบ้านต่อต้าน อ้างว่าได้รับจัดสรรตามคำสั่ง 66/23 สมัยเข้าร่วมพัฒนาชาติไทย โดยมีนายทวีศักดิ์ ยอดมณีบรรพต กำนัน ตำบลปอ อ.เวียงแก่น นายสุรชัย เกียรติไพรยศ กำนัน ต.ตับเต่า อ.เทิง นำผู้ประกอบการรีสอร์ตเข้าประชุมเพื่อหาทางออกร่วมกัน

นายวิศิษฏ์ ชาญชัยพิทักษ์สิน ตัวแทนผู้ประกอบการรีสอร์ต กล่าวว่า ต้องการให้ภาครัฐและชุมชนร่วมกันสำรวจแนวเขตหมู่บ้านที่อยู่อาศัย และพื้นที่เกษตรให้ชัดเจน และขออนุโลมไม่ดำเนินคดีกับเจ้าของสิ่งปลูกสร้างแล้ว ขอให้ร่วมกำหนดกฎระเบียบสิ่งปลูกสร้างต่างๆ บนพื้นที่ดอยยาว-ดอยผาหม่น-ดอยจิ ให้ชัดเจน และต้องการให้รัฐบาลออกเอกสารสิทธิพื้นที่อยู่อาศัย และที่ทำกินเพื่อไม่ให้เป็นปัญหาในอนาคต

นายทนงศักดิ์ ธรรมโม ผอ.ส่วนป้องกันรักษาป่าและควบคุมไฟป่า สำนักจัดการทรัพยากรป่าไม้ที่ 2 (เชียงราย) ชี้แจงว่า การเข้าสำรวจพื้นที่แบ่งเป็น 3 ประเภท คือ กลุ่มมีเอกสารสิทธิ กลุ่มที่อาศัยทำกินก่อนปี 2541 และกลุ่มไม่มีเอกสารสิทธิ กลุ่ม 1-2 ได้รับการอนุโลมให้อยู่ได้ ซึ่งการตรวจสอบมุ่งเน้นดำเนินคดีคนที่ไม่มีเอกสารสิทธิ หลังการสำรวจปี 2545 เพราะครั้งนั้นอิงจากแผนที่ตั้งแต่ปี 2535 มาแล้ว คนที่ทำกินอยู่ก่อนไม่ต้องเป็นกังวล ส่วนที่ดำเนินคดีกับรีสอร์ตแห่งหนึ่ง เพราะรุกล้ำเขตป่าสงวนเพิ่มเติม 1 ไร่ 3 งาน ไม่มีการกลั่นแกล้งชาวบ้าน การตรวจวัดหลังสุดป่าไม้ได้เพิ่มพื้นที่ให้ชาวบ้านจาก 500 ไร่ เป็น 1,200 ไร่

นายสมศักดิ์ เจียมสงวนวงศ์ ผอ.สำนักจัดการทรัพยากรป่าไม้ที่ 2 ยืนยันว่า การสำรวจครั้งนี้ปฏิบัติตามคำสั่ง คสช.ที่ 66/2557 จะไม่ให้มีผลกระทบต่อชาวบ้านผู้ยากไร้ รายได้น้อย และผู้ไร้ที่ดินทำกินอยู่ก่อน ยกเว้นผู้บุกรุกใหม่จะต้องดำเนินการสอบสวนและพิสูจน์ทราบ เพื่อกำหนดวิธีปฏิบัติที่เหมาะสมต่อไป
พ.อ.จรัส กล่าวว่า สิทธิทำกินและที่อยู่อาศัยของชาวบ้าน จะตกทอดถึงบุตรหลานได้ แต่เปลี่ยนมือเป็นผู้ถือครองนอกเหนือจากนั้นไม่ได้ มาวันนี้เพียงรับฟังปัญหาจากชาวบ้านไปรายงานผู้บังคับบัญชา และจะมีการประชุมร่วมกันกับป่าไม้ กำหนดแนวทางการดำเนินการต่อไป
