พล.อ.ฉัตรชัย สาริกัลยะ รมว.เกษตรและสหกรณ์ เผยว่า นโยบายขับเคลื่อนการส่งเสริมการเกษตรในรูปแบบแปลงใหญ่เพื่อสนับสนุนให้เกษตรกรรายย่อยรวมกันผลิตสินค้าเพื่อต้นทุน เพิ่มผลผลิต ให้สามารถแข่งขันได้ สำหรับพื้นที่ ต.หนองพันจันทร์ อ.บ้านคา จ.ราชบุรี เป็นพื้นที่ปลูกสับปะรดพันธุ์ปัตตาเวีย แหล่งใหญ่ที่มีชื่อเสียง เป็นอีกพื้นที่ที่มีการรวมกันทำเป็นแปลงใหญ่ต้นแบบสับปะรด มีสมาชิก 82 ราย พื้นที่ 1,014 ไร่ ตามนโยบายของกระทรวงเกษตรฯ

“แม้ที่นี่จะมีความเหมาะสมน้อยสำหรับสับปะรด เพราะมีการชะล้างพังทลายของดิน อยู่นอกเขตชลประทาน ดินขาดความอุดมสมบูรณ์ผลผลิตที่ได้ต่ำ แต่เนื่องจากสับปะรดของบ้านคา มีจุดเด่น เนื้อสีเหลืองสวย รสชาติหวาน อร่อย ไม่กัดลิ้น ตลาดต้องการสูง จึงมีการแก้ปัญหาพื้นที่ให้มีเหมาะสม ด้วยการเตรียมดิน ไถขวางความลาดชันของพื้นที่ ปลูกสับปะรดขวางแนวลาดชันเพื่อลงการชะล้าง พร้อมกับปรับปรุงดินด้วยปอเทืองก่อนปลูก ใช้ปุ๋ยอินทรีย์ จัดการระบบให้น้ำในแปลงปลูก และจัดตั้งศูนย์เรียนรู้การเพิ่มประสิทธิภาพการผลิตสินค้าเกษตร อ.บ้านคา จ.ราชบุรี เป็นศูนย์กลางให้ความรู้ด้านการพัฒนาการจัดการเทคโนโลยีการผลิตสับปะรดกับเกษตรกร โดยมีหน่วยงานภาครัฐภายใต้กระทรวงเกษตรฯ 11 หน่วยงานให้การสนับสนุน” รมว.เกษตรและสหกรณ์กล่าว

...

ด้าน นายโอฬาร พิทักษ์ อธิบดีกรมส่งเสริมการเกษตร กล่าวถึงจุดเด่นของแปลงใหญ่ต้นแบบสับปะรดบ้านคา และศูนย์เรียนรู้ฯ ว่า มุ่งเน้นการผลิตสับปะรดให้ได้คุณภาพ โดยดำเนินการใน 4 ด้าน คือ ลดต้นทุนการผลิตด้วยวิธีการผลิตที่เหมาะสม การใช้ปุ๋ยตามค่าวิเคราะห์ดิน ใช้หน่อจุกพันธุ์คุณภาพดีจำนวนที่เหมาะสมและการผลิตปุ๋ยอินทรีย์ใช้เอง ส่งผลให้ต้นทุนการผลิตลดลง 38.5% จากเดิมมีต้นทุนเฉลี่ยอยู่ที่ กก.ละ 6.50 บาท ลดลงเหลือ 4.00 บาท

“ส่วนการเพิ่มผลผลิตด้วยระบบให้น้ำแบบสปริงเกอร์และระบบน้ำพุ่งและเพิ่มจำนวนต้นต่อไร่ จากเดิมปลูกสับปะรดไร่ละ 7,500 ต้น เป็น 10,000 ต้น ทำให้ได้ผลผลิตเพิ่มขึ้น 66.7% จากเดิมได้ผลผลิตไร่ละ 4.8 ตัน เพิ่มเป็น 8 ตัน และยังมีการเพิ่มมูลค่าด้วยการรับรองคุณภาพมาตรฐาน GAP การใช้บรรจุภัณฑ์ใส่โฟมกันกระแทก เพื่อลดความเสียหาย พร้อมกับสร้างตราสินค้าสับปะรดบ้านคา ส่งผลให้สับปะรดมีราคาเพิ่มขึ้น จากเดิมผลสดได้ราคาผลละ 10 บาท เพิ่มเป็น 50 บาท” อธิบดีกรมส่งเสริมการเกษตรกล่าว.

ไชยรัตน์ ส้มฉุน