ในช่วงขวบปีที่ผ่านมากระแสวงการฟุตซอลไทยอาจจะดูเงียบเหงาไปบ้าง อาจด้วยปัจจัยอะไรหลายอย่าง รวมถึงเรื่องการแข่งขันลีกอาชีพที่ดูแล้วยังไม่บูมมากเท่าไหร่
ปฏิเสธไม่ได้ว่ายุคหนึ่งเมื่อ 4-5 ปีที่ผ่านมา กระแสฟุตซอลไทยเรียกได้ว่ากระหึ่มอย่างมาก จนก่อให้เกิดการสร้างสนามอย่างมากมายในหลายท้องถิ่นตามจังหวัดต่างๆ
และมีการจัดทัวร์นาเมนต์และอีเวนต์ที่เป็นทั้งธรรมดาและระดับอินเตอร์อย่างต่อเนื่องอยู่ตลอด
รวมถึงผลงานของทีมฟุตซอลชาติไทยในยุคของ “บิ๊กป๋อม” อดิศักดิ์ เบ็ญจศิริวรรณ ที่ดูเหมือนเป็นขาขึ้นเพราะมีผลงานอย่างสวยหรูไปร่วมศึกฟุตซอลโลกหลายครั้ง
แม้ว่าจะไม่ประสบความสำเร็จเข้าถึงรอบลึกๆ ก็ตาม แต่ก็ต้องยอมรับว่าสร้างกระแสให้วงการโต๊ะเล็กไทยมีความคึกคักอย่างมาก
จนทำให้ช่วงนั้นบรรดาแข้งโต๊ะเล็กไทยเนื้อหอมสุดๆ มีหลายชาติทาบทามให้ร่วมทีมมากมาย
แม้ว่ากระแสความคึกคักของฟุตซอลไทยจะลดน้อยลง จนส่งผลกระทบไปถึงการแข่งขันลีกอาชีพให้ดูเหมือนซบเซาก็ตาม
แต่อย่างทีมที่เป็นมืออาชีพอย่าง“ฉลามโต๊ะเล็ก” ชลบุรี บลูเวฟ ก็ยังคงเดินหน้าที่จะพัฒนาทีมอย่างต่อเนื่อง เพื่อยกระดับให้ทีมก้าวไปสู่ระดับอินเตอร์มากที่สุด
อย่างล่าสุดทีม “ชลบุรี บลูเวฟ” ที่เพิ่งจะผ่าน พ้นการแข่งขันรายการ “วาริกซ์ & ยูโร่ เค้ก อินวิเตชั่น” ฟุตซอล 4 เส้าปรีซีซั่น 2016 ที่สนามบลูเวฟ อารีน่า โดยมีทีมจากลีกของญี่ปุ่นมาร่วมถึง 2 ทีม และทีม จากอินโดนีเซียอีก 1 ทีม มาหมาดๆ
ก็ถือว่าทำผลงานได้ดีทีเดียวหลังจากที่นัดสุดท้ายเฆี่ยนทีมนาโกยา โอเชียนส์ ทีมแชมป์ลีกญี่ปุ่น ไปอย่างสนุกเร้าใจ 2-1 คว้ารองแชมป์ในรายการนี้ไปครอง
โดยที่แชมป์เป็นของทีมวาซาเกะ โออิตะ และ อันดับ 4 ไอพีซี เปลินโด จากอินโดนีเซีย
แม้จะได้เพียงแค่รองแชมป์ก็ตาม แต่ “บิ๊กป๋อม” อดิศักดิ์ เบ็ญจศิริวรรณ ประธานสโมสร ถึงกับพออก พอใจสภาพทีมอย่างมากที่ได้มีโอกาสทดลองนักเตะ ทั้งเก่าและใหม่เพื่อดูฟอร์มก่อนเปิดลีกในฤดูกาลหน้า
การที่ฟุตซอลไทยเดินมาไกลถึงขนาดนี้ก็ถือว่ามาถูกทางแล้ว เพียงแต่ต้องใช้เวลาเพื่อสร้าง ความต่อเนื่องและสร้างความเข้มแข็งเท่านั้น
เชื่อว่าอีกไม่นานฟุตซอลลีกอาชีพก็จะโด่งดัง เช่นเดียวกับฟุตบอลไทยลีกเช่นกัน.