“ต้องตาย...ต้องอัมพาตกี่ราย? ถึงจะเชื่อว่าขาดวิตามิน บี 1” ศ.นพ.ธีระวัฒน์ เหมะจุฑา ศูนย์โรคติดเชื้อ โรคอุบัติใหม่ สภากาชาดไทย คณะแพทยศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย ตั้งคำถาม

เปิดฐานข้อมูลเฝ้าระวัง สำนักระบาดวิทยา กรมควบคุมโรค พบรายงานเหตุการณ์จากการขาดวิตามินบี 1 รวม 4 เหตุการณ์ โดยพบเหตุการณ์ในปี 2548...

เป็นชาวประมงในจังหวัดสมุทรสาครป่วย 11 ราย และเสียชีวิตอีก 2 ราย

ต่อมา...ในปี 2549 พบผู้ป่วยเป็นชาวประมงในจังหวัดสมุทรสาคร 20 ราย มีอาการรุนแรง 5 ราย และในช่วงเวลาใกล้เคียงกัน พบผู้สงสัยเสียชีวิตจากภาวะการขาดวิตามินบี 1 อีก 28 ราย

ส่วนในปี 2553 พบผู้ป่วยสงสัยขาดวิตามินบี 1 ประมาณ 40 ราย อยู่ในเรือนจำแห่งหนึ่งทางภาคตะวันออกเฉียงเหนือ และในปี 2557 พบผู้ป่วยยืนยันภาวะขาดวิตามินบี 1 ทั้งหมด 78 ราย อาการรุนแรง 3 ราย ในจำนวนนี้เสียชีวิต 2 ราย อยู่ในเรือนจำอีกแห่งหนึ่งทางภาคตะวันออกเฉียงเหนือเช่นกัน


“เหตุการณ์ซ้ำ 2 วาระในปี 2558...อัมพาต แขนขาอ่อนแรง ลีบในเวลาเป็นวันถึงอาทิตย์ เกือบ 90 ราย ที่เรือนจำจังหวัดบึงกาฬ ตาย 2...ช่วยได้ 1 จากการฉีดวิตามิน ที่เหลือดีขึ้นจากการรักษา”

...

มกราคม 2559 ลูกเรือประมงเบื้องต้น 6 ลำ ซึ่งประกอบไปด้วยเรือ 2 ลำที่มีผู้เสียชีวิต และเรืออีก 4 ลำซึ่งเป็นเรือในบริษัทเดียวกันกับเรือที่มีผู้เสียชีวิต พบลูกเรือประมงทั้งหมด 115 ราย เป็นเพศชายทั้งหมด โดยเป็นชาวไทย 64 ราย...กัมพูชา 45 ราย...เมียนมา 6 ราย ในจำนวนนี้มีเสียชีวิต 6 ราย (คนไทย 1 ราย กัมพูชา 5 ราย) รายแรกเสียชีวิตเมื่อวันที่ 26 ธันวาคม 2558...รายล่าสุดเสียชีวิตเมื่อวันที่ 13 มกราคม 2559

ลักษณะที่น่าสนใจ...ผู้เสียชีวิตส่วนใหญ่มีอาการแขนขาอ่อนแรง บวม ชาบริเวณแขนขา แน่นหน้าอก หายใจไม่สะดวก บางรายมีอาการหอบเหนื่อย ทุกราย...มีอาการป่วยก่อนเสียชีวิตประมาณ 2-7 วัน

ศ.นพ.ธีระวัฒน์ บอกว่า ทีมสอบสวนโรคได้พบผู้ที่มีอาการป่วยเพิ่มเติมอีก 25 ราย นอกเหนือจากผู้เสียชีวิต 6 รายข้างต้น โดยทั้งหมดมีอาการที่พบบ่อย ได้แก่ กล้ามเนื้ออ่อนแรง หายใจเหนื่อย แน่นหน้าอกหรือเจ็บหน้าอก ชา ปวดกล้ามเนื้อ บวม และตะคริว...ร้อยละ 66...63... 62...55......37 และ 33 ตามลำดับ โดยยังไม่พบลักษณะที่บ่งชี้ว่าเป็นการระบาดของโรคติดเชื้อ ส่วนผู้เสียชีวิตรอการตรวจชันสูตรต่อไป

อาการจากการเกิดทั้ง 2 ครั้ง...อาการทางระบบประสาทเป็นได้ทั้งแบบชาแบบใส่ถุงมือ ถุงเท้า อ่อนแรง...แบบไขสันหลัง บวกเส้นประสาท มีชาเหนือเอว ขาอ่อนแรง และปฏิกิริยาจากการเคาะที่ข้อ (reflex) หายอาการชาที่ตัวเป็นตั้งแต่ต้น...ไม่ใช่มาทีหลัง แบบผลตามของเส้นประสาทเสีย

บางรายมีร้อนที่รอบลำตัว ก่อนปัสสาวะโดยทั่วไปปกติเจอน้อยมากที่มีปัญหาปัสสาวะ

ถัดมา...แบบชาเฉพาะลำตัวอย่างเดียว ยังไม่เห็นอาการทางสมองแบบ wernicke หรือระยะหลังแบบหลงลืม kordakoff...อาการทางหัวใจ แม้ว่าคลาสสิกเป็น high output failure...หัวใจวาย เพราะมีเส้นเลือดขยายทั้งตัว จนระยะต่อมากล้ามเนื้อหัวใจพัง และเจาะเลือดจะคล้ายเส้นเลือดหัวใจตันได้

อาการทางหัวใจอาจเกิดได้อย่างรวดเร็วฉับพลันไม่เป็นขั้นเป็นตอนแบบนี้ โดยไม่บวมมากแต่แขน...ขา มือเขียวเรียกว่า...“โชชิน” ผู้ป่วยแบบฉับพลันนี้ การให้วิตามินบี 1 กลับเป็นการเร่งให้หัวใจวายมากขึ้น ทั้งๆที่ต้นเหตุเกิดจากการขาดบี 1 ทั้งนี้เนื่องจากโชชินหัวใจวายจะข้ามขั้นตอนเส้นเลือดขยายเป็นเส้นเลือดหดตัว การให้บี 1 กลับจะทำให้เส้นเลือดหดเข้าไปอีก ต้องประคับประคองหัวใจ จนเริ่มฟื้นจึงทดแทนบี 1

ข้อมูลข้างต้นอาจหนักวิชาการไปสักหน่อย แต่เพราะ ศ.นพ.ธีระวัฒน์พยายามจะชี้ให้เห็นว่า โรคนี้...หมอสมัยนี้เห็นเป็นโรคดึกดำบรรพ์ เนื่องจากไม่มีคนไข้มาให้เห็นด้วยแขนขาอัมพาต บวม หัวใจวาย มาเป็นสิบๆปี...จะมีก็ตื่นเต้นกันทั้งบาง
ถึงตรงนี้ต้องให้ข้อมูลต่อไปว่า...การพิสูจน์ว่าคนป่วยขาดบี 1 ทำได้จากการตรวจระดับและการเปลี่ยนแปลงของค่าเอนไซม์ ETKA และของ Thiamine pyrophosphate ก่อนและหลังการให้วิตามินบี 1

“ไม่ใช่วัดค่าครั้งเดียวโดยไม่ให้บี 1 ตามและประเมินอีกครั้งว่ามีการเปลี่ยนระดับหรือไม่”

“ภาวะขาดบี 1”... เป็นปรากฏการณ์ซ่อนตัวในภูมิภาคนี้...หรืออาจทั้งประเทศ? และจำเป็นต้องถือเป็นวาระสำคัญที่ต้องแก้ไขอย่างเร่งด่วน

...


ทั้งนี้ถ้าเกิดมีโรคติดเชื้อถึงไม่รุนแรงก็จะเกิดหัวใจวายอัมพาตไปตามๆกัน แม้เชื้อด้วยตัวเองไม่รุนแรงจริง...ในคนปกติจะมีวิตามินบี 1 สะสมในร่างกายโดยเฉพาะในกล้ามเนื้อมีบ้างในสมอง หัวใจ ตับ ไต ถ้าเกิดภาวะขาดวิตามิน ตัวที่สะสมไว้จะหมดไปภายใน 1 เดือนและเริ่มมีอาการ

“วิตามินบี 1”...เป็นวิตามินที่ละลายในน้ำถูกดูดซึมผ่านลำไส้เล็กส่วนกลางสร้างขึ้นเองไม่ได้

“การที่เกิดโรคขาดบี 1 ...เกิดได้ทั้งจากได้บี 1 น้อย จากการกินอาหารที่วิตามินไม่พอ ดื่มเหล้าจัด ลำไส้ดูดซึมไม่ได้ ผ่าตัดรัดกระเพาะ ลดความอ้วน ล้างไตผ่านช่องท้อง...ฟอกทางเลือด จากท้องเสียเรื้อรัง โรคของลำไส้ และจากการที่มีการใช้บี 1 ไปอย่างรวดเร็ว”

เช่น โรคไทรอยด์เป็นพิษ ตั้งครรภ์ขาดวิตามินโฟเลท กำลังให้นมลูก มีไข้โดยเฉพาะจากการติดเชื้อ มีโรคตับรุนแรงอยู่ สำหรับอาหารที่มีบี 1 คือ อาหารธัญพืชเต็มเมล็ด เยื่อหุ้มเนื้อเมล็ด จมูกข้าว ข้าวกล้อง ข้าวที่ไม่ขัดสี ข้าวสาลี ข้าวโพด ข้าวโอ๊ต ข้าวบาร์เลย์ ลูกเดือย ขนมปังโฮลวีต ซีเรียล เนื้อ ปลา ไก่ ไข่ นม ผักใบเขียว มันฝรั่ง ถั่วเปลือกแข็ง ถั่วเหลือง ส้ม มะเขือเทศ...

ให้รู้อีกว่า...อาหารหลายชนิดจะมีตัวขจัดบี 1 ทิ้งเช่น ข้าวขัดสี กุ้ง หอยแมลงภู่ หอยกาบ ปลาร้า และปลาหอยดิบ กุ้งดิบ เนื้อสัตว์ดิบ ถั่ว และมันสำปะหลัง เมื่อเอามากินเป็นอาหารหลัก แม้จะมีบี 1 อยู่บ้างแต่ที่มีแป้งอยู่มากจะทำให้มีการใช้บี 1 เพิ่ม เพื่อเอาแป้งมาใช้เป็นพลังงาน

ด้วยลักษณะดังกล่าว... คนที่จะเป็นโรคขาดบี 1 อาจไม่ต้องเป็นคนผอมแห้งแรงน้อย หุ่นเป็นนักกีฬาก็ได้ แต่กินข้าวขาว แป้งเป็นหลักโดยที่เป็นข้าวขัดสี...ยิ่งเมื่อมีอาหารที่คอยทำลายบี 1 มีการเพิ่มการใช้บี 1 เช่น ออกกำลังกายอย่างรุนแรง มีภาวะติดเชื้อ มีไข้ คนที่ขาดอยู่แล้วคลังสะสมไข้ไปหมดแล้วก็จะเกิดโรคทันที

...

อาการทางระบบประสาทเป็นในรูปของเส้นประสาทพัง มือ เท้า แขน ขาชา อ่อนแรง รวมทั้งมีอาการทางสมอง ตากระตุก ตาเหล่ เดินเซ อาเจียน จนมีอาการซึม ถ้ารักษาไม่ทันแม้ฟื้นขึ้นได้จะมีอาการหลงลืมถาวรแบบอัลไซเมอร์ คือ...จำอะไรไม่ได้ ที่พูด...ที่ทำ...ที่ฟังเมื่อเร็วๆนี้ หรือเสียความจำปัจจุบันไป

“อาการที่ออกทางหัวใจเริ่มจากเส้นเลือดขยายทั้งตัว จนหัวใจต้องบีบเลือดมากขึ้นทดแทน จนทำให้ต้องเก็บน้ำและเกลือไว้มากจนเกินควร หัวใจ...เมื่อทำงานหนักเกินจะมีหัวใจวายเจ็บหน้าอกจนระยะถัดมาแยกจากคนเป็นโรคหัวใจทั่วไปจากเส้นเลือดตันลำบาก”

ที่ต้องรณรงค์คือ...การต้องกินข้าวซ้อมมือ ไม่ขัดสี ให้ความรู้ เลี่ยง... ลดการกินอาหารที่ทำลายบี 1 อย่าลืมคิดถึงบี 1 ซึ่งอาจช่วยชีวิตคนป่วยได้...คนที่ชอบอาหารโก้เก๋ที่กินขณะนี้ตามฝรั่งเป็นตัวขาดบี 1 ทั้งสิ้น และอ้วน ซึ่งเมื่อออกกำลังมากมีภาวะเครียดติดเชื้อจะเกิดอาการได้ เพราะอาหารหนักไปทางแป้ง หวานไม่นับ

เรื่องเช่นนี้...กระทรวงต่างๆจะช่วยอะไรได้บ้างให้คนไทยปลอดภัย.