จนท.พิพิธภัณฑ์หริภุญไชย เผยเคยตรวจแล้ว ‘กู่อรหันต์พันปี’ ของมูลนิธิฉาวฯ ที่อ้างว่าเป็นพระโบราณ 28 องค์ พบเป็นของใหม่ ข้างในเป็นปูน ขณะที่ปลัดฯ ยืนยันไม่ได้นิ่งนอนใจ กำลังทำตามขั้นตอน ชาวบ้านรอไม่ไหว เตรียมร้อง ผบช.ภ.5...   

เมื่อวันที่ 16 ธ.ค.58 ผู้สื่อข่าวรายงานความคืบหน้า จากกรณีผู้นำหมู่บ้าน ชาวบ้าน และทนายความ เจ้าแจ้งความต่อพนักงานสอบสวน สภ.เหมืองจี้ อ.เมืองลำพูน ให้ตรวจสอบมูลนิธิอโศกมุนีแสงธรรม หรือกู่อรหันต์พันปี  บ้านหนองไซ หมู่ 14 ต.ป่าสัก อ.เมืองลำพูน และให้ดำเนินคดีนายสินธพ ทรวงแก้ว ที่อ้างว่าเป็นผู้ดูแลมูลนิธิ มีพฤติกรรมแอบอ้างเป็นเกจิอาจารย์เขียนตำนานพระพุทธประวัติฉบับพิสดาร โน้มน้าวให้ผู้คนศรัทธาบริจาคเงิน ทั้งยังอ้างว่าเป็นผู้มีบุญบารมีเก็บพระอรหันต์ 28 องค์ พระพุทธรูปโบราณอายุพันกว่าปี ซึ่งจากการตรวจสอบพบว่าน่าจะเป็นพระใหม่ อีกทั้งที่ตั้งของมูลนิธินั้นมีโฉนดที่ดินเพียง 5 ไร่เศษ แต่ครอบครองจริงเกือบ 7 ไร่ ส่วนหนึ่งจึงน่าจะเป็นการบุกรุกพื้นที่ป่า รวมถึงมีพฤติกรรมที่อาจเข้าข่ายหลอกลวงประชาชน และฉ้อโกงด้วยนั้น

เมื่อวันที่ 16 ธ.ค. น.ส.นภัตสร ทองเจริญ ปลัดอำเภอเมืองลำพูน ได้ให้สัมภาษณ์ผู้สื่อข่าวผ่านทางโทรศัพท์ว่า ในฐานะตัวแทนนายอำเภอ หนึ่งในคณะกรรมการตรวจสอบกรณีดังกล่าว อยากจะชี้แจงว่า เรื่องนี้ได้ทำงานกันในรูปแบบคณะกรรมการเรื่อยมา แบ่งหน้าที่งานกันทำ มีการประชุมกันตั้งแต่ได้รับการแต่งตั้ง ล่าสุดได้เรียกทาง ผู้ร้อง คือ ทางด้านนายอภินันท์ พิงคะสัน ผู้ใหญ่บ้านบ้านหนองไซ หมู่ 14 ต.ป่าสัก อ.เมืองลำพูน มาพูดคุยกันเพื่อจะสอบปากคำพร้อมทั้งทนายความ ฝ่ายผู้ร้อง ส่วนผู้ถูกร้อง คือ นายสินธพ ทรวงแก้ว ผู้ดูแลมูลนิธิฯ ตอนนี้ยังไม่ได้สอบปากคำ โดยจะเรียกเข้าสอบทีเดียวในวันที่ 21 ธ.ค.

...

"ในส่วนของอำเภอ ในฐานะนายทะเบียนมูลนิธิ จะดูในเรื่องของการดำเนินการของมูลนิธิ ว่ามีบัญชีรายรับรายจ่าย เงินที่ได้มาจากไหน ซึ่งตรงนี้หากมีผิดวัตถุประสงค์ที่เคยให้ไว้กับทางอำเภอในฐานะนายทะเบียน อัตราโทษเบามากแค่ปรับ แต่หากมีความผิดอื่นที่เชื่อมโยงกัน เช่น ฉ้อโกง มีการชักจูงในเรื่องแชร์ เรื่องการลงทุน หากมีผู้เสียหาย ก็ต้องแจ้งความดำเนินคดีกับทางตำรวจ หรือมีการดำเนินการด้านธุรกิจ เปิดรับสมาชิกไม่ถูกต้อง ก็ให้ทางพาณิชย์จังหวัดรับเรื่องไป เช่นเดียวกันกับการบุกรุกป่าและที่ดิน ก็ให้ป่าไม้และที่ดินจังหวัดรับเรื่องไป

ปลัดอำเภอเมืองลำพูน กล่าวอีกว่า อย่างไรก็ตาม หากทางการสอบสวน พบว่าทางมูลนิธิ มีความผิด ในเรื่องของการบุกรุกที่ป่าสงวนแห่งชาติ หรือกฉ้อโกง อัตราโทษก็จะหนักถึงขั้นยกเลิกมูลนิธิ ซึ่งเรื่องทั้งหมดทางคณะกรรมการกำลังดำเนินการเป็นขั้นเป็นตอน ไม่ได้นิ่งนอนใจ

ขณะเดียวกัน เจ้าหน้าที่พิพิธภัณฑสถานแห่งชาติหริภุญไชย จ.ลำพูน คนหนึ่ง ได้ออกมาเปิดเผยว่า เมื่อประมาณปี 2547 สมัยที่ ดร.เพ็ญสุภา สุขคตะใจอินทร์ นักเขียนและนักประวัติศาสตร์ศิลปะ ดำรงตำแหน่งเป็นหัวหน้าพิพิธภัณฑ์หริภุญไชยได้เข้าตรวจสอบที่กู่อรหันต์พันปีมาแล้วครั้งหนึ่ง โดยพบว่าพระพุทธรูปเป็นของใหม่ทั้งหมด ไม่ใช่ของเก่าแก่ ตามที่มีการพูดถึง รวมถึงเจ้าหน้าที่ผู้เชี่ยวชาญมีการทดสอบทางวิทยาศาสตร์เพื่อหาค่าคาร์บอน ปรากฏว่าเป็นของใหม่ ข้างในเป็นแค่ปูน ส่วนที่มีการพูดคุยกันว่าเป็นของเก่า หรือเชื่อว่าเป็นของเก่า คงไม่สามารถเอาผิดได้เพราะมันเป็นความเชื่อส่วนบุคคล แต่หากมีการหลอกลวงให้หลงเชื่อ เพื่อประโยชน์ในรูปแบบของเงินทองหรือทรัพย์สิน ก็อาจจะเข้าข่ายเป็นการฉ้อโกงประชาชนได้

ทางด้าน นายเลิศฤทธิ์ มะโน ทนายความ หนึ่งในผู้ร้อง กล่าวว่า ตอนนี้ได้ปรึกษากับผู้ใหญ่บ้าน พร้อมชาวบ้านที่ได้รับความเดือดร้อน อยู่ระหว่างการร่างหนังสือเพื่อยื่นให้กับทาง พล.ต.ท.ธนิตศักดิ์ ธีระสวัสดิ์ ผบช.ภ.5 เข้าดำเนินการตรวจสอบตามขั้นตอนของกฎหมาย คาดว่าพรุ่งนี้ไม่เกินเที่ยง จะไปรวมตัวกันที่สำนักงานตำรวจภูธรภาค 5.