จากกรณีนายอภินันท์ พิงคะสัน ผู้ใหญ่บ้านบ้านหนองไซ หมู่ 14 ต.ป่าสัก อ.เมืองลำพูนพร้อมด้วยนายเลิศฤทธิ์ มะโน ทนายความ และชาวบ้านเข้าพบ พ.ต.ท.ทรงศักดิ์ ทิพยผลาผลกุล รอง ผกก.สส.สภ.เหมืองจี้ อ.เมืองลำพูน ให้ตรวจสอบมูลนิธิอโศกมุนีแสงธรรม เลขที่ 158 บ้านหนองไซ หมู่14 ต.ป่าสัก อ.เมืองลำพูน ที่นายสินธพ ทรวงแก้ว อ้างเป็นผู้ดูแลมูลนิธิฯ มีพฤติกรรมแอบอ้างเป็นเกจิ อาจารย์สะสมโบราณวัตถุจำนวนมหาศาลและได้เขียนตำนานพระพุทธประวัติฉบับพิสดาร โน้มน้าวให้ผู้ศรัทธาบริจาคเงิน ทั้งยังอ้างว่ามีพระพุทธรูปโบราณอายุพันกว่าปี ไว้ในครอบครองแต่เพียงผู้เดียวนั้น
ความคืบหน้าเมื่อเวลา 14.00 น. วันที่ 14ธ.ค.ผู้สื่อข่าวไปสังเกตการณ์บริเวณทางเข้ามูลนิธิฯซึ่งยังมีผู้คนเดินทางเข้าออกตลอดเวลา โดยมี จนท.ของมูลนิธิฯร่วม 20 คน คอยสอดส่องดูแลรักษาความปลอดภัยและห้ามถ่ายภาพอย่างเด็ดขาด ขณะเดียวกัน ว่าที่ร.ต.ณรงค์ โรจนสุนทร ปลัดจังหวัดลำพูนได้นัดหมายกับเจ้าหน้าที่มูลนิธิฯเพื่อขอดูเอกสาร แต่พอถึงเวลานัดกลับไม่มีใครมา ผู้สื่อข่าวได้โทรศัพท์ติดต่อไปยังนายณรงค์ แต่ไม่มีผู้รับสายจนทำให้ทุกคนต้องรอเก้อ
ผู้สื่อข่าวได้ติดต่อคณะกรรมการตรวจสอบทราบว่า ช่วงเช้าวันเดียวกันนายสวโรจน์ ธีรศานต์วงค์ ประธานมูลนิธิอโศกมุนีแสงธรรม ได้ติดต่อคณะกรรมการตรวจสอบว่าขอเลื่อนไปเป็นวันที่ 21ธ.ค.เนื่องจากยังไม่พร้อมเรื่องเอกสาร โดยเฉพาะบัญชีธนาคารต่างๆ ทั้งที่ตอนแรกนายสินธพรับปากว่าพร้อมที่จะให้ตรวจสอบ ทำให้หวั่นเกรงว่าหลักฐานบางอย่างอาจจะถูกแก้ไขเปลี่ยนแปลง
นายเลิศฤทธิ์ มะโน ทนายความ เปิดเผยว่า ที่จริงแล้วนายสวโรจน์ ธีรศานต์วงค์ เป็นเพียงประธานมูลนิธิฯเงาเท่านั้น ไม่มีสิทธิ์รับรู้รายรับรายจ่าย การดำเนินการทั้งหมดขึ้นอยู่กับนายสินธพ ทรวงแก้ว ที่ไม่มีตำแหน่งอะไรเลย แต่ดูเหมือนเป็นประธานและเจ้าสำนักเพียงผู้เดียว คณะกรรมการที่แต่งตั้งขึ้นมาเพื่อให้ถูกต้องตามกฎหมายเท่านั้น แต่ไม่มีสิทธิ์ทำอะไร เรื่องเงินบริจาคในบาตร เงินผ้าป่า นายสินธพจะเป็นผู้ดำเนินการเองทั้งหมดหากบริสุทธิ์ใจจริงไม่จำเป็นต้องเลื่อนการตรวจสอบ เพราะเอกสารต้องพร้อมตลอดเวลา เท่ากับว่าเป็นการยื้อเวลากระทำการบางอย่าง โดยเฉพาะบัญชีรายรับรายจ่าย.
...