กรมพัฒนาที่ดินยันปลูกปอเทืองหลังนา ช่วยเสริมรายได้ลดต้นทุนทำนาและยังได้สารบำรุงดินเท่ากับปุ๋ยเคมี 15-20 กก.ต่อไร่
นางปราณี สีหบัณฑ์ ผู้เชี่ยวชาญด้านวางระบบการพัฒนาที่ดิน สำนักงานพัฒนาที่ดินเขต 5 เผยว่า การนำปุ๋ยอินทรีย์ มูลสัตว์มาใช้ปรับปรุงบำรุงดินในแปลงเกษตรนับวันหาได้ยากมากขึ้น เนื่องจาก ปัจจุบันฟาร์มเลี้ยงสัตว์ส่วน ใหญ่จะเอามูลสัตว์ไปใช้เป็นวัตถุดิบทำพลังงานก๊าซชีวภาพมากขึ้น จนมีไม่เพียงพอต่อการนำมาเป็นปุ๋ยเพาะปลูกพืช กรมพัฒนาที่ดินจึงมี โครงการหันมาเน้นส่งเสริมเกษตรกรให้หันมาปลูกปุ๋ยพืชสดทดแทนการใช้ปุ๋ยมูลสัตว์ นอกจากจะเป็นวิธีที่ลงทุนต่ำแล้ว ยังช่วยให้เกษตรกรมีรายได้จากการเก็บเมล็ดพันธุ์ส่งขายคืนให้กับสำนักงานพัฒนาที่ดินอีกด้วย โดยรับซื้อคืนในอัตรา กก.ละ 16-20 บาท
“ปุ๋ยพืชสดมีให้เลือกปลูกหลายชนิด ขึ้นอยู่กับสภาพดินแต่ละแห่ง หากเป็นดินดอนแนะนำให้ปลูกถั่วพร้า, ถั่วมะแฮะ, ถั่วพุ่ม ส่วนพื้นที่ลุ่มเป็นดินเค็ม ให้ปลูกโสนอัฟริกัน สำหรับพื้นที่ดินทรายควรปลูกปอเทือง เหมาะกับพื้นที่นาในภาคอีสาน ซึ่งพื้นที่ส่วนใหญ่มีสภาพเป็นดินปนทราย”
...
นางปราณี เผยว่า การนำปอเทืองมาปลูกเป็นปุ๋ยพืชสดและไถกลบจะทำให้ชาวนาได้ปุ๋ยไม่ต่างกับซื้อปุ๋ยเคมี เพราะจากการตรวจสอบในห้องแล็บ การปลูกปอเทือง 1 ไร่ แล้วไถกลบตอนปอเทืองอายุ 50 วัน จะทำให้ดินได้ปุ๋ย เทียบเท่ากับปุ๋ยยูเรีย (46-0-0) จำนวน 15 กก. แต่ถ้าไถกลบในช่วงปอเทืองออกดอกแล้ว หรือมีอายุได้ 90 วัน จะทำให้ที่ดินแปลงนั้นได้ปุ๋ยเคมีสูตร 18-24-60 จำนวน 20 กก.ต่อไร่ได้ปุ๋ยเคมีแบบไม่ต้องลงทุนอะไรเลย เพราะสำนักงานเขตพัฒนาที่ดิน จะให้ยืมเมล็ดพันธุ์ปอเทืองไปปลูกไร่ละ 5 กก.นำไปปลูกแล้วต้องนำเมล็ดพันธุ์มาใช้คืนให้สำนักงานตามจำนวนที่ยืมไป เพราะการปลูกปอเทือง 1 ไร่ จะได้เมล็ดพันธุ์ 30 กก.ยืมไป 5 กก.เกษตรกรเก็บไว้ทำพันธุ์ 5 กก.ที่เหลืออีก 20 กก.สามารถนำมาขายให้สำนักงานเขตฯ เป็นการหารายได้เสริมในช่วงพักนาได้อีกด้วย.