แม้จะขึ้นปีใหม่มาหลายวันแล้ว แต่งานเลี้ยงปีใหม่และบรรยากาศปีใหม่ก็ยังคงมีอยู่อย่างต่อเนื่อง...คาดว่าจะยังมีต่อไปถึงประมาณครึ่งเดือนแรกของมกราคมดังเช่นที่ปฏิบัติกันมาทุกปี
ผมขออนุญาตบันทึกข้อสังเกตเกี่ยวกับปีใหม่ปีนี้ต่อไปนะครับ เพราะยังมีอีกหลายๆประเด็นที่ผมเห็นว่ามีความเปลี่ยนแปลง หรือจะมีส่วนกระทบต่อสังคมไทยเราอย่างสำคัญยิ่ง
ข่าวแนะนำ
ดังเช่นการสวดมนต์ข้ามปีที่มีประชาชนชาวไทยไปร่วมสวดจำนวนมาก อย่างที่ผมเขียนถึงวันก่อน สะท้อนให้เห็นถึงว่าคนไทยเรามีศีลมีธรรมอยู่พอสมควร ยังนึกถึงวัดนึกถึงธรรมะในโอกาสสำคัญๆอยู่เสมอๆ
ทำให้เกิดความหวังขึ้นมาว่าสังคมไทยเราคงไม่เลวร้ายหนักหนาสาหัส เหมือนที่หลายๆคนเป็นห่วง
เรื่องคนไทยหันมาอวยพรด้วยระบบไฮเทคมากขึ้น จนส่งผลกระทบต่อการอวยพรปีใหม่ด้วยการส่งบัตร ส.ค.ส. ที่อยู่คู่ประเทศไทยมานานไม่ตํ่ากว่า 50-60 ปี ก็เป็นอีกเรื่องหนึ่งที่น่าจับตา
อาจจะมีผลไปถึงเรื่องปฏิทิน เรื่องสมุดบันทึกไดอารี่ด้วย เพราะฉะนั้นท่านที่อยู่ในอาชีพนี้ก็ควรจะต้องเตรียมตัวเตรียมใจเอาไว้
สำหรับวันนี้เป็นคิวของ “ของขวัญปีใหม่” บ้างละครับ สัญลักษณ์ที่สำคัญอีกประการหนึ่งของเทศกาลปีใหม่ที่ปีนี้ยังคงมาแรง เพราะยังมีการส่งของขวัญไปให้แก่กันและกันเป็นจำนวนมาก
แต่ประเด็นที่อยากจะฝากให้จับตาก็เห็นจะเป็นข้าวของที่อยู่ในกระเช้าของขวัญที่เกิดการเปลี่ยนแปลงขึ้นอย่างเห็นได้ชัดเจน
ต้องยอมรับว่าปีนี้ของขวัญประเภทเครื่องดองของเมา โดยเฉพาะเหล้า-เบียร์-ไวน์ ลดฮวบลงไปมากเมื่อเทียบกับปีก่อนๆ
ในกระเช้าที่ตั้งโชว์ไว้ในห้างแทบไม่มีเหล้าเลย เพราะนอกจากกฎหมายจะห้ามไว้ว่า ห้ามเอามาโชว์ตลอด 24 ชั่วโมง เนื่องจากบางชั่วโมงเขาห้ามขายเหล้า เอามาโชว์ไว้จึงผิดกฎหมายแล้ว
คนซื้อเองก็อาจรู้สึกกระดาก และละอายใจที่จะซื้อกระเช้าสุราไปให้คนอื่น...ทำให้ยอดซื้อน้อยลง ห้างร้านต่างๆจึงลดการจัดกระเช้าประเภทสุราลงไปด้วยเป็นเงาตามตัว
การรณรงค์ของกระทรวงสาธารณสุข ในเรื่อง “ให้เหล้าเท่ากับแช่ง” และ “ให้อะไรก็ได้ ที่ไม่ใช่เหล้า” น่าจะมีผลพอสมควรทีเดียว
แต่ก็อย่าเพิ่งชะล่าใจว่า การให้เหล้าเป็นของขวัญน้อยลง จะมีผลทำให้คนไทยดื่มน้อยลงนะครับ...ห้ามด่วนสรุปเช่นนี้เป็นอันขาด
ยังจะต้องติดตามต่อไปว่า ปริมาณการดื่มเหล้าโดยรวมเป็นอย่างไร เพราะใน 2-3 ปีหลังก็ยังเพิ่มอยู่ แม้จะมีการรณรงค์อย่างหนักแล้วก็ตาม
ที่สำคัญไปกว่านั้นการที่กระเช้าของขวัญสุราลดลงก็เกิดผลข้างเคียงที่น่าห่วงอีกประการหนึ่งขึ้นมาแทนที่...นั่นก็คือของขวัญประเภท “ขนมหวาน” หรือ “ของหวาน” ต่างๆกลับเพิ่มสูงขึ้นมากในปีนี้
เหตุผลข้อหนึ่งก็คงเป็นเพราะเมื่อลดการให้เหล้าเป็นของขวัญลงผู้ให้ไม่รู้จะให้อะไรดีก็หันมาซื้อขนมนมเนยใส่กระเช้าเป็นแถวๆ
ห้างสรรพสินค้าเองก็นึกไม่ออกว่าจะจัดอะไรใส่กระเช้า ก็หันมาจัดพวกของหวานเอาไว้ก่อน
จึงมีทั้งช็อกโกแลต, ขนมปังหวานๆ, เค้กหวานๆ, ขนมถุงหวานๆไปจนถึงพวกแยมต่างๆแน่นกระเช้าไปหมด ขนมโอทอปไทยก็มาเพียบเลยครับหวานๆทั้งนั้น เช่น ฝอยทองแห้ง ทองหยิบแห้งไปจนถึงทองม้วน กล้วยตาก และผลไม้เชื่อมต่างๆ
จริงๆแล้วก็เป็นเรื่องดีเพราะเท่ากับช่วยอุดหนุนชาวบ้านผ่านโครงการผลิตภัณฑ์ตำบล อันจะช่วยกระจายรายได้ไปสู่หมู่บ้านต่างๆ
แต่ที่น่าห่วงก็คือ ของหวานเป็นอันตรายต่อสุขภาพครับ และในความเห็นของคนจำนวนมาก “ของหวาน” ก็เป็น 1 ในเพชฌฆาตที่สังหารมนุษย์ได้อย่างเลือดเย็น ไม่แพ้สุรายาเมาอยู่เหมือนกัน
การลดของขวัญที่เป็นสุรามาเป็นของขวัญประเภทขนมหวานจึงเท่ากับเปลี่ยนตัว “เพชฌฆาต” เท่านั้นเอง
ผมก็ขอฝากกระทรวงสาธารณสุขและ สสส.เอาไว้ด้วย ว่าอย่ามุ่ง แต่รณรงค์เรื่องเหล้าอย่างเดียว...เรื่องของหวานก็อันตรายเช่นเดียวกัน
ให้เหล้าน่ะเท่ากับแช่งเท่านั้น...แต่การให้ของหวานเนี่ยเท่ากับส่งความตายไปให้เลย...เพราะจะเป็นโรคเบาหวานในที่สุด...และหลังๆนี้คนไทยก็เป็นโรคเบาหวานเพิ่มขึ้นเสียด้วย คงจะต้องเริ่มรณรงค์อย่างจริงจังกันได้แล้วกระมังครับ?
“ซูม”