
นี่คือประเทศไทย
นี่คือประเทศไทยอะไรต่อมิอะไรเป็นไปได้ทั้งนั้น ไม่เชื่อก็ต้องเชื่อว่าจะเกิดเรื่องทำนองนี้ขึ้นมาอีกจนได้ หรือหัวหน้า คสช.จะว่ายังไง เศรษฐกิจกำลังแย่แต่ยังไม่ยอมยกเลิกกฎอัยการศึก
ข่าว “เขย่าขวด” สุดสัปดาห์นี้รัฐบาล “ประยุทธ์ 1” หรือว่าให้ถึงที่สุดก็คือ “รัฐบาลทหาร” เข้าถวายสัตย์ปฏิญาณตนเรียบร้อยไปแล้ว อำนาจการบริหารประเทศจึงสมบูรณ์พร้อม
ข่าวแนะนำ
หมายกำหนดการที่วางเอาไว้จะมีการประชุม ครม.นัดแรก 9 ก.ย.57 ด้วยฤกษ์งามยามดี (9–9) เพื่อเตรียมตัวที่จะแถลงนโยบายต่อ สนช.
ก่อนที่จะไปถึงวันนั้นมีเหตุการณ์อยู่ 2 เรื่อง เป็นวาระขั้นกลางที่น่าสนใจไม่น้อย
1.ศาลอาญาได้ยกคำร้องกรณีที่ กกต.ได้มีมติให้ใบเหลือง ม.ร.ว.สุขุมพันธุ์ บริพัตร ผู้ว่าฯ กทม. อันเนื่องมาจากมีการปราศรัยหาเสียง ใส่ร้ายคู่แข่งด้วยข้อความอันเป็นเท็จ
“สุขุมพันธุ์” ก็รอดตัวไป กลับมาทำหน้าที่ผู้ว่าฯกทม.ต่อไป
2.อัยการสูงสุดโดยนายตระกูล วินิจนัยภาค ที่ได้รับการแต่งตั้งจาก คสช.ที่ปลดนายอรรถพล ใหญ่สว่าง ออกไปเข้ามาแทนที่
เหตุผลมี 3 ประการ คือ 1. ควรรวบรวมพยานหลักฐานให้ชัดเจนว่านายกฯ มีอำนาจในการยับยั้งโครงการที่เป็นนโยบายของรัฐบาลและได้แถลงไว้ต่อรัฐสภาแล้วหรือไม่
2.ส่วนการละเว้นการปฏิบัติหน้าที่ควรรวบรวมพยานหลักฐานให้สมบูรณ์ว่าโครงการรับจำนำข้าว หลังถูกท้วงติงจาก ป.ป.ช.และ สตง. แล้ว น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร ให้ดำเนินการตรวจสอบป้องกันการทุจริตหรือไม่ อย่างไร ผลการตรวจสอบเป็นอย่างไร
3.ควรไต่สวนพยานเพิ่มเติมว่าโครงการรับจำนำข้าวพบการทุจริตในขั้นตอนใดและอย่างไร รวมถึงให้รวบรวมรายงานวิจัย โครงการนโยบายข้าวของทีดีอาร์ไอเพิ่ม เติม เนื่องจากในสำนวนมีเพียงหน้าปกรายงานวิจัยเท่านั้น
เมื่อเป็นเช่นนี้ก็ต้องตั้งคณะทำงานร่วมภายใน 14 วัน จากนั้นก็พิจารณาร่วมกันระหว่างอัยการกับ ป.ป.ช.โดยไม่มีกำหนดเวลา
เสร็จเมื่อใดก็เมื่อนั้น แต่จะส่งฟ้องหรือไม่ก็เป็นอีกเรื่องหนึ่ง
หากไม่ส่งฟ้อง ป.ป.ช.ก็สามารถยื่นฟ้องเองได้ภายใต้กรอบเวลาที่กำหนดในอายุความ
ป.ป.ช.ได้ออกมาแสดงความคิดเหมือนจะตั้งคำถามว่า “อสส.” คิดอะไรอยู่ ทั้งๆที่พยานหลักฐานต่างๆชัดเจนอยู่แล้ว
หรือจะต้องถามไปที่ คสช.ซึ่งแต่งตั้ง อสส.คนนี้
ขนาดประเทศอยู่ในภาวะไม่ปกติอย่างนี้ยังมีเหตุอย่างนี้เกิดขึ้นมาได้
ว่ากันถึงประเด็นใหญ่อีกประเด็นคือ “กฎอัยการศึก” ซึ่งมีเสียงเรียกร้องกันระงมมาอย่างต่อเนื่อง โดยเฉพาะจากภาคธุรกิจทั้งหมด
เพราะนี่คืออุปสรรคสำคัญที่มีผลกระ-ทบต่อเศรษฐกิจของประเทศ
ไม่ว่าจะมองในแง่มุมไหน ต่างก็รู้กันดีว่ารัฐบาลชุดนี้มีภารกิจที่จะต้องคืนความสุขให้ประชาชนด้วยการเร่งฟื้นฟูเศรษฐกิจที่ไม่ค่อยจะดีนัก
ทางเดียวที่จะรอดพ้นไปได้ก็คือการท่องเที่ยว อย่างอื่นยังมองไม่เห็น
ดังนั้นการที่ยังคงกฎอัยการศึกเอาไว้จะเกิดผลกระทบต่อการท่องเที่ยวโดยตรง เพราะนักท่องเที่ยว นักลงทุนจะไม่เข้ามาประเทศไทย
เพราะไทยจะเป็นประเทศที่อันตรายไม่ปลอดภัย หลายประเทศมีกฎหมายห้ามคบค้าสมาคม ห้ามมาเที่ยว ห้ามมาลงทุน
มาได้แต่ไม่รับประกันภัยหรือคิดค่าประกันสูงกว่าปกติ
นั่นจึงเป็นเหตุทำให้มีนักท่องเที่ยวน้อยลง อย่างสหรัฐฯ–ยุโรปหายไปชัดเจน ญี่ปุ่นก็แทบจะไม่เห็นหัว
ถ้าเป็นอย่างนี้ก็มีแต่เจ๊งกับเจ๊งเท่านั้น
ที่บอกว่าจะยกเลิกบางจังหวัดที่เป็นแหล่งท่องเที่ยวหรือไม่มีเหตุที่เกี่ยวกับความมั่นคงนั้น ไม่มีประโยชน์อันใด ไม่ใช่การแก้ไขปัญหา
มาถึงขั้นนี้แล้วมีอำนาจเต็มๆจะกลัวอะไรไปไย!!!
“ลิขิต จงสกุล”