ก่อนจะครบกำหนดการเป็นสมาชิกสภาปฏิรูปแห่งชาติ (สปช.) ปรากฏว่ามีผู้สมัครซึ่งเป็นตัวแทนจากองค์กรนิติบุคคลที่ไม่แสวงผลกำไรเสนอตัวบุคคลเข้ารับการสรรหากันคึกคักกว่าช่วงแรกๆที่หร็อมแหร็มจนน่าใจหาย
เพราะนึกกันว่าจะไม่มีคนเข้าร่วมมากมายอย่างนี้เล่นเอา คสช.เกิดความไม่สบายใจต้องคิดหาทางแก้ลำกันต่างๆนานา
ข่าวแนะนำ
อย่างไรก็ดีแม้จะมีผู้สมัครกันมากพอสมควร แต่น่าเสียดายที่พรรคการเมือง 2 พรรคคือประชาธิปัตย์และเพื่อไทยไม่ยอมส่งผู้สมัคร ต่างก็อ้างว่ามีส่วนได้ส่วนเสียแต่จะเสนอแนวทางให้ สปช.นำไปพิจารณาประกอบ
ทั้งๆที่ 2 พรรคใหญ่นี้คือตัวปัญหาในความขัดแย้ง
ประชาธิปัตย์นั้นต้องการให้มีการปฏิรูปก่อนการเลือกตั้ง ซึ่งมีความเห็นตรงกับ กปปส.ที่ชุมนุมใหญ่มีประชาชนเข้าร่วมมากที่สุดในประวัติศาสตร์การเมืองไทย แต่เพื่อไทยต้องการให้มีการเลือกตั้งก่อนปฏิรูป
จนทำให้การเมืองเข้าสู่ทางตันทหารต้องออกมายึดอำนาจ
แม้ว่า คสช.จะประกาศขอให้ทุกฝ่ายเข้ามาร่วมเพื่อที่จะทำให้การปฏิรูปนำไปสู่ความสำเร็จและได้รับการยอมรับ แต่เมื่อ 2 พรรคใหญ่ต่างก็ปฏิเสธ อีกทั้งยังมีนักวิชาการบางส่วนที่ต้องการให้มีการปฏิรูปเช่นกันโดยเฉพาะ 2 ขั้วที่เห็นต่างกันก็ไม่ยอมเข้าร่วม
อ้างว่าขอดูอยู่ข้างนอกดีกว่า
สัญญาณที่เกิดขึ้นนี้จะมีผลในอนาคตข้างหน้าแน่ เมื่อ สปช.ได้จำนวนครบและเริ่มดำเนินการปฏิรูป เชื่อว่าทั้ง 2 พรรคและนักวิชาการที่ไม่เข้าร่วมคงจะเล่นเกมนอกสภาอย่างไม่ต้องสงสัย ด้วยการเสนอความเห็นของฝ่ายตนเองทั้งเห็นด้วยและไม่เห็นด้วยกับเนื้อหาสาระ
นั่นจะทำให้บรรยากาศการปฏิรูปวุ่นวายแน่
ว่าที่จริงแล้วการปฏิรูปประเทศที่จะสำเร็จได้เงื่อนไขสำคัญอย่างหนึ่งก็คือ การที่ประชาชนทั้งประเทศเห็นตรงกันว่า จะต้องมีการดำเนินการจึงจะทำให้บรรยากาศเป็นไปด้วยความราบรื่นและบรรลุเป้าหมายได้
ในสถานการณ์ที่เป็นทางการเมืองในขณะนี้ แม้ว่าจะอยู่ในภาวะที่ไม่ปกติ แต่เมื่อทุกฝ่ายเห็นตรงกันมันจึงเป็นบรรยากาศที่ควรปฏิรูปอย่างยิ่ง
เหนืออื่นใดประเทศที่ประสบผลสำเร็จจากการปฏิรูปนั้น ก็เพราะทุกฝ่ายเห็นตรงกันว่ามีความจำเป็นที่จะต้องทำ ยิ่งไปกว่านั้นคณะทำงานเพื่อการปฏิรูปก็ไม่มีจำนวนมากมาย แต่เป็นชุดเล็กๆเท่านั้น เพียงแต่ว่าจะต้องรวบรวมประเด็นต่างๆที่เป็นปัญหาที่จะแก้ไข
คสช.นั้นต้องการที่จะให้เกิดการปฏิรูป เพราะนอกจากจะเป็นทางออกของประเทศแล้ว แต่ยังเป็นเดิมพันสำคัญอีกด้วย เนื่องจากเหตุผลการยึดอำนาจครั้งนี้นอกจากจะคืนความสงบให้ประเทศและประชาชนแล้ว
การปฏิรูปประเทศก็คือเงื่อนไขสำคัญที่จะต้องทำให้สำเร็จ
แต่เท่าที่ดูแล้ว คสช.ยังกล้าๆกลัวๆเกินไปหน่อย แทนที่จะตั้งบุคคลต่างๆที่มีความรู้ความสามารถและบุคคลที่เป็นคู่ขัดแย้งให้เข้ามาเป็น สปช. แล้วเข้าไปถกเถียงกันจนได้ข้อสรุปว่าจะปฏิรูปตรงไหนอย่างไร
แต่กลับไปใช้วิธีการสรรหาก็เลยเกิดปัญหาขึ้นมา เพราะมีพรรคการเมือง นักการเมือง นักวิชาการไม่ยอมเข้าร่วมด้วย ยิ่งมีการประกาศคณะกรรมการสรรหาจำนวน 11 ชุด บุคคลจำนวนนี้เมื่อเผยชื่อออกมาทำให้ยิ่งไม่ต้องการเป็น สปช.
เพราะเชื่อว่าจะมีการ “บล็อก” บุคคลต่างๆ ที่เป็นพวกเดียวกันให้เป็น สปช. พูดง่ายๆว่ารู้ล่วงหน้าได้เลยว่าใครจะได้รับการคัดเลือก
ทำไปทำมาจะกลายเป็นพวกเดียวกันหมด แล้วมันจะไปปฏิรูปอะไรได้.
“สายล่อฟ้า”