ตื่นมาดูผลในโทรศัพท์มือถือเมื่อเช้า เป็นไปอย่างที่คาดไว้ตอนแรกคือ "แข้งหงส์แดง" ทำได้เพียงบุกไปเสมอทีมเล็กๆ อย่าง "คริสตัล พาเลซ" แต่มาแปลกใจที่เสมอกันถึง 3-3 และก่อนที่จะกดเข้าไปดูว่าใครทำประตูบ้าง ใจก็นึกว่าอย่านำ 3-0 แล้วถูกคู่แข่งตามตีเสมอ 3 ลูกรวดนะ ไม่น่าเดาถูกเป็นครั้งที่ 2 เลยจริงๆ...
นำก่อน 3-0 ถ้าเป็นก่อนหน้านี้ไม่มีพลาดกับ 3 แต้ม แต่ในสถานการณ์กดดัน การเสีย 3 ประตูคืนให้คู่แข่งของนักเตะหงส์แดง ก็ไม่ใช่เรื่องแปลกแต่อย่างใดเหมือนกัน
และเมื่อมาดูไฮไลท์การเสียทั้ง 3 ประตูของหงส์แดง ก็มาจากการยืนตำแหน่งของนักเตะในแนวรับเหมือนเดิม โดยเฉพาะประตูที่ 2 และ 3 ประกบคู่แข่งไม่ดีจริงๆ ส่วนลูกแรกที่เสียมาจากยิงไกลแล้วไปแฉลบ "เกล็น จอห์นสัน" (บ่อน้ำมันที่ไร้ค่าของทีม) อันนั้นก็ว่ากันไม่ได้
มันนานจนจำไม่ได้แล้วว่า ลิเวอร์พูลนำคู่แข่ง 3-0 แล้วถูกตีเสมอ 3-3 เกิดขึ้นเมื่อไหร่ แต่พอนึกไปนึกมา ก็นึกได้ว่า เคยเกิดขึ้นในฤดูกาล 2000-01 เป็นเกมพรีเมียร์ลีกที่บุกไปเยือนทีมนักบุญ เซาแธมป์ตัน
ออกนำไปก่อน 3-0 โดยได้ประตูที่ 3 ในนาทีที่ 55 เหมือนเกมเจอพาเลซไม่มีผิด แต่คราวนั้นถูกยิง 3 ประตูรวดในช่วง 17 นาทีสุดท้าย ไม่ใช่ 11 นาทีสุดท้ายแบบเมื่อคืน
แม้ตอนนี้จะนำจ่าฝูงอยู่โดยมี 81 แต้ม แต่ทีมแมนเชสเตอร์ ซิตี้ ที่ตามหลังอยู่ 1 แต้ม ยังเหลือเกมอีก 2 นัด ถ้าว่ากันตามทฤษฎี หงส์แดงหมดสิทธิ์ลุ้นแชมป์แน่นอน
แต่บอลลูกกลมๆ อะไรก็เกิดขึ้นได้ ถึงตอนนี้ทุกฝ่ายที่เกี่ยวข้องกับทีมลิเวอร์พูล คงต้องลุ้นให้ทัพเรือใบสีฟ้า อับปางในเกมที่จะเปิดเอติฮัด สเตเดี้ยม รับการมาเยือนของทีมแอสตัน วิลลา ในคืนวันพุธที่ 7 พฤษภาคมนี้ ซึ่งเป็นเกมพรีเมียร์ลีกนัดที่ 37 ของพวกเขา
หากเรือใบชนะ จะมี 83 แต้ม กลับมานำจ่าฝูง โดยทิ้งหงส์แดงไป 2 แต้ม แต่ถ้าเสมอก็จะมีแต้มเท่ากันที่ 81 แต้ม แต่ยังนำจ่าฝูง เพราะมีผลต่างประตูได้เสียดีกว่า 9 ประตู
ถ้าเรือใบถึงขั้นแพ้วิลลา ซึ่งจะเป็นการปราชัยคารังครั้งแรกในรอบ 7 ปี เดอะ ค็อป คงได้กลับมาเฮลั่นอีกครั้ง
ไม่ว่าผลจะออกมาอย่างไร กระนั้น เกมตัดสินแชมป์ ก็ยังไปตัดสินกันที่นัดสุดท้ายอยู่ดี คงต้องวัดใจสมาคมฟุตบอลอังกฤษ กันว่า เกมนัดที่ 38 ในวันอาทิตย์ที่ 11 พฤษภาคมนี้ ถ้วยแชมป์พรีเมียร์ลีก จะไปตั้งอยู่ที่สนามใด
ระหว่างสนามเอติฮัด สเตเดี้ยม หรือ สนามแอนฟิลด์...
JUPITER