น่าจะเป็นเพราะความเคลื่อนไหวของนักการเมืองค่ายเพื่อไทยโดยเฉพาะนายจารุพงศ์ เรืองสุวรรณ หัวหน้าพรรคและรัฐมนตรีมหาดไทย แกนนำ นปช.ที่ปลุกระดมประชาชนในภาคเหนือและอีสานในลักษณะให้เปิดสงครามกลางเมือง จะลุยกรุงเทพฯ จะแบ่งแยกประเทศ
เหล่านี้ย่อมทำให้ฝ่าย “กองทัพ” ก็ต้องออกมาปราม ซึ่ง พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา ผบ.ทบ. รู้สึกทนไม่ได้กับพฤติกรรมต่างๆที่เกิดขึ้นเพราะมีผลกระทบต่อความมั่นคงโดยตรง
รัฐธรรมนูญได้มีข้อกำหนดเอาไว้แล้วว่าประเทศจะต้องเป็นอันหนึ่งอันเดียวกันจะแบ่งแยกไม่ได้เป็น ม.1 ที่เขียนเอาไว้อย่างชัดเจน
นั่นก็เพราะเป็นเรื่องใหญ่ที่สุดของประเทศ
หลังมีความเคลื่อนไหวไม่เห็นด้วยกับพฤติกรรมปลุกระดมในลักษณะก็มีการออกมาปฏิเสธกันพัลวันว่าไม่มี ไม่ได้เป็นไปอย่างนี้ร้อนตัวไปตามๆกัน
แต่ในความเป็นจริงแล้วยังไม่เลิกปลุกระดมแต่อย่างใด เพียงแต่ว่าระดับหัวๆคงหยุดการแสดงออกเพราะเงื่อนไขของกฎหมายยิ่งในฐานะบุคคลที่
ยังดำรงตำแหน่งรัฐมนตรีซึ่งรับผิดชอบด้านความมั่นคงโดยตรงเพราะเป็นการยุยงส่งเสริมในสิ่งผิดๆ
เดี๋ยวก็โดนข้อหา “ขบถ” แบ่งแยกแผ่นดิน
ว่ากันว่าในสถานการณ์การเมืองที่ตรึงกำลังกันระหว่างรัฐบาลกับฝ่ายต่อต้านนั้น การปลุกระดมในลักษณะนี้ก็เพื่อหวังจะข่มขู่อีก
ฝ่ายเพื่อให้ยุติการขับไล่รัฐบาล
สำคัญไปกว่านั้นก็เพื่อต้องการให้ประชาชนคนไทยหวาดหวั่น ตกใจและกลัวว่าจะทำให้ประเทศไทยมีการแยกบ้านแยกเมืองอย่างที่มีการประกาศกันอย่างนั้น
เมื่อเกิดความกลัวก็ต้องมองไปที่ฝ่ายต่อต้านรัฐบาลว่าเป็นสาเหตุที่จะทำให้ประเทศต้องมีอันเป็นไป
เป็นเรื่องของ “สงครามจิตวิทยา” มวลชน
เพราะเอาเข้าจริงแล้วคงไม่มีคนไทยต้องการให้เป็นไปอย่างนั้นแน่ เพียงแต่พยายามทำให้เห็นภาพว่ามันจะเป็นไปอย่างนั้น
ยิ่งในเวลานี้รัฐบาลกำลังเผชิญกับสถานการณ์ที่เป็นผลลบด้านการเมืองในทุกด้านโดยเฉพาะที่เกี่ยวกับคดีความต่างๆโดยเฉพาะการรับจำนำข้าวที่ ป.ป.ช.จะชี้ขาดในอีกไม่นานนี้ การเลือกตั้งก็ยังไม่รู้ว่าจะดันให้ไปข้างหน้าหรือจะเป็นโมฆะ
ในอีกบ่วงหนึ่งก็คือสถานภาพของรัฐบาลอันเนื่องมาจากการที่ไม่สามารถได้ ส.ส.ครบ 95% หรือ 475 คน เมื่อครบกำหนดเวลา 30 วัน นับแต่มีการเลือกตั้งเมื่อวันที่ 2 ก.พ.57 ทำให้ไม่สามารถเปิดสภาได้ ไม่สามารถเลือกประธานสภาฯได้
นอกจากนั้นในอีก 30 วันข้างหน้าก็คือ 2 เม.ย.57 สถานภาพของผู้นำประเทศในฐานะนายกฯรักษาการที่จะต้องพ้นจากตำแหน่งตามที่รัฐธรรมนูญ ม.172 ได้กำหนดไว้
เหล่านี้คือสิ่งที่ทำให้รัฐบาลต้องเปิดเกมใหม่เพื่อกดดันองค์กรอิสระต่างๆว่าด้วยการไม่ยอมรับคำตัดสินในทุกมิติ
ในเรื่องรัฐบาลรักษาการนั้นคงจะหยิบเอาเวลา 180 วัน ไม่ใช่ 60 วัน ขึ้นมาต่อสู้โดยตีขลุมว่าสามารถจะอยู่ในตำแหน่งต่อไปได้
ศาลก็จะต้องวินิจฉัยว่าอยู่ในตำแหน่งต่อไปได้หรือไม่
จึงต้องหาทางดิ้นรนในทุกรูปแบบแม้กระทั่งการเปิดปากขอเจรจากับนายสุเทพ เทือกสุบรรณ เลขาธิการ กปปส. แต่ก็ไม่สามารถจะพูดจากันได้ เลยประกาศขอตายคาสนามประชาธิปไตยเหมือนกับทหารตายคาสนามรบ
การข่มขู่คุกคามศาล องค์กรอิสระต่างๆ จึงเริ่มนำมาใช้ปฏิบัติการอีกครั้งหนึ่งเพื่อให้เห็นว่าการไม่ยอมรับอำนาจศาลเพราะเห็นว่าไม่ได้รับความยุติธรรม กลั่นแกล้ง 2 มาตรฐาน
นี่มัน “ประชาธิปไตย” แบบไหนกันแน่.
“สายล่อฟ้า”