วันก่อนตำรวจ บช.ภ.5 แถลงข่าวจับหญิงสาวอายุ 19 ปี บ้านอยู่ อ.แม่แตง จ.เชียงใหม่ ในข้อหาหลอกขายโทรศัพท์มือถือไอโฟนทางเฟซบุ๊ก มีผู้เสียหายกว่า 30 คดีทั่วประเทศ
คดีนี้สืบเนื่องจากตั้งแต่ปลายปีที่แล้วจนถึงเดือน ม.ค.ปีนี้ มีผู้เสียหายหลายรายแจ้งความว่าถูกต้มตุ๋นหลอกลวงผ่านเฟซบุ๊กว่ามีไอโฟน 5 ขายในราคาถูก
ราคาเพียงเครื่องละ 8,000 บาท จากราคาตามท้องตลาดราว 2 หมื่นบาท แต่มีเงื่อนไขให้ผู้เสียหายโอนเงินค่าโทรศัพท์ให้ก่อน
ครึ่งหนึ่งของราคา
เมื่อโอนเงินให้ คนร้ายจะบรรจุสินค้าอื่นๆที่มีราคาถูก เช่น ครีมนวดผม แก้วน้ำ หรือ บะหมี่กึ่งสำเร็จรูป ไปส่งพัสดุไปรษณีย์
เพื่อถ่ายรูปใบเสร็จและนำหมายเลขส่งพัสดุยืนยันทางเฟซบุ๊กกับผู้เสียหายว่าได้ส่งสินค้าไปแล้ว เมื่อผู้เสียหายหลงเชื่อก็จะโอนเงินส่วนที่เหลือมาให้
กว่าจะรู้ว่าถูกต้มก็เมื่อได้รับพัสดุไปรษณีย์ เปิดกล่องออกดูไม่พบโทรศัพท์ไอโฟน
ด้านคนร้ายเมื่อส่งของปลอมไปและได้เงินแล้วก็จะบล็อกการติดต่อทางเฟซบุ๊กกับผู้เสียหายรายนั้นไม่ให้ติดต่อได้อีก
พอผู้เสียหายไปแจ้งความ ตำรวจตรวจสอบดูจะพบว่าคนร้ายใช้ชื่อและบัญชีธนาคารของคนอื่นด้วยการเอาบัตรประชาชนของคนอื่นๆที่หน้าตาคล้ายๆกันไปแอบอ้างกับเจ้าหน้าที่ธนาคาร
ตำรวจต้องไปตรวจสอบตอนที่คนร้ายมาเปิดบัญชีธนาคารจนได้ภาพจากกล้องวงจรปิด ในที่สุดก็รู้ตัวคนร้ายและตามจับได้เมื่อกลางเดือน ก.พ.ที่ผ่านมา
หญิงสาววัย 19 ปีที่ตกเป็นผู้ต้องหารับสารภาพว่า เคยขายโทรศัพท์จริงๆแต่ถูกลูกค้าหลอก รับสินค้าแล้วไม่จ่ายเงินจึงเลิกขาย แต่ยังมีลูกค้าตามตื๊อขอซื้อ
จึงส่งสินค้าปลอมไปให้แล้วเชิดเอาเงิน เมื่อได้เงินมาง่ายๆก็ติดใจทำเป็นล่ำเป็นสัน
ได้เดือนละกว่า 5 หมื่นบาท
คดีนี้เป็นตัวอย่างของความก้าวหน้าทางเทคโนโลยี ทำให้ผู้คนทุกเพศทุกวัยสามารถทำธุรกิจค้าขายได้ทางอินเตอร์เน็ตผ่านทางเฟซบุ๊กหรือเว็บไซต์อื่นๆ
มีทั้งที่ตั้งใจเปิดร้านค้าขายด้วยความซื่อสัตย์ และเจตนาเข้ามาหลอกลวงต้มตุ๋น
บางคนอายุยังน้อยต้องตกเป็นผู้ต้องหาเพราะขาดความยับยั้งชั่งใจ
นี่คือภัยในโลกไซเบอร์ที่ต้องระวัง.
“เพลิงมรกต”
pluengmorakot@thairath.co.th