
เพิ่งลาโลกไปตอนอายุ 94 ปี เมื่อช่วงเดือน ธ.ค.ปีที่แล้ว สำหรับนักประดิษฐ์ปืนยาว คาลาชนิคอฟหรือ “เอเค-47” บันลือโลกชาวรัสเซีย มิคาอิล คาลาชนิคอฟ ซึ่งออกแบบและประดิษฐ์ปืนมฤตยูนี้ขึ้นเมื่อปี พ.ศ.2490 หลังได้รับบาดเจ็บในการรบให้กองทัพแดง (สมัยอดีตสหภาพโซเวียต)
เอเค-47 เป็น 1 ในอาวุธปืนที่มีใช้แพร่หลายมากสุดในโลกและโดยทั่วไปใช้เป็นอาวุธในการสู้รบ เพราะเป็นปืนราคาถูก ไว้ใจได้ในประสิทธิผลและควบคุมไม่ยาก เชื่อว่าเอเค-47 ขายไปทั่วโลกแล้วกว่า 100 ล้านกระบอก และเป็นอาวุธที่เข่นฆ่าผู้คนมากกว่าปืนชนิดอื่นๆ
เจ้าตัวบอกหลายครั้งว่าภูมิใจที่ได้สร้างมันขึ้น และแม้รู้ทั้งรู้ว่ามีผู้คนมากมายล้มตายจากปลายกระบอกปืนเอเค-47 แต่คาลาชนิคอฟไม่เคยยืดอกยอมรับผิด โบ้ยไปที่นโยบายของแต่ละรัฐบาลแต่ละประเทศที่ซื้อปืนเอเค-47ไปใช้ มีบ้างที่รู้สึกเศร้าบ้างเมื่อเอเค-47ถูกใช้โดยแก๊งอาชญากรและทหารเด็ก
“ถือเป็นเรื่องเจ็บปวดเมื่อพวกอาชญากรใช้ปืนเอเค-47ก่อเหตุร้าย” คาลาชนิคอฟเผยเมื่อปี 2551
แต่สุดท้ายคาลาชนิคอฟก็ยอมรับจนได้แม้จะเป็นช่วงเวลาประมาณ 6 เดือนท้ายๆก่อนหมดลมหายใจแล้ว
โดย นสพ.หัวเอียงรัฐบาลรัสเซีย “อิซเวสเทีย” นำจดหมายที่เขาเขียนถึงสมเด็จสังฆราช หรือ เพ’ทริอาร์ค คิริลล์ ประมุขคริสตจักรนิกายออร์ธอด็อกซ์ของรัสเซีย เปิดใจคล้ายจะสารภาพบาปว่า “รู้สึกเจ็บปวดต่อการสูญเสียชีวิตผู้คนมากมายจากคมกระสุนของเอเค-47”
“ลูกเฝ้าถามตัวเองซ้ำๆแต่ไม่เคยได้คำตอบว่าปืนเอเค-47ได้คร่าชีวิตผู้คนจำนวนมาก แล้วลูกที่เป็นชาวคริสต์ออร์ธอด็อกซ์สมควรต้องรับผิดชอบต่อการสูญเสียเหล่านี้หรือไม่ แม้ว่าคนที่ตายจะเป็นศัตรู”
ข่าวนี้จะเป็นเรื่องจริงหรือไม่ ยังยากจะตรวจสอบชี้ชัดข้อเท็จจริง แต่ทางเลขานุการประมุขคริสตจักรนิกายออร์ธอด็อกซ์ ยืนยันกับ นสพ.“อิซเวสเทีย” ว่าได้รับจ.ม.จากคาลาช–นิคอฟจริง
แต่แม้จะจริงก็ไม่ถือว่าแปลก! เพราะขึ้นชื่อว่าคนย่อมรู้ร้อนรู้หนาว รู้สึกเจ็บปวด รู้สึกผิดชอบชั่วดีเป็นของธรรมดาอยู่แล้ว.
เกรียงศักดิ์ จุนโนนยางค์