
แนวทางการปฏิรูปประเทศ ที่ถูกจุดพลุขึ้นมา โดย กปปส. ภายใต้การนำของ สุเทพ เทือกสุบรรณ จะเป็นแค่เหยื่อล่อ หรือตั้งอกตั้งใจจะปฏิรูปประเทศไทยจริงๆเป็นอีกเรื่อง แต่วันนี้ดูเหมือนว่า กระแสการปฏิรูปประเทศ ก่อนที่จะถึงขั้นต้อง ชัตดาวน์กรุงเทพฯ กำลังเป็นไฮสปีดที่ รัฐบาล นายกฯยิ่งลักษณ์ ชินวัตร เร่งตั้งสภาปฏิรูปชนิดสายฟ้าแลบ ยกให้เป็นหน้าที่ขององค์กรเอกชน องค์กรธุรกิจ เป็นเจ้าภาพ เพราะถ้ารัฐบาล เป็นเจ้าภาพ
เสียเอง รับรอง ล่มปากอ่าว ส่วนสภาปฏิรูปจะมีรูปร่างหน้าตาอย่างไร จำเป็นต้องมาจากกฎเกณฑ์และวิธีการของคณะกรรมการทั้ง 11 คนตามคำสั่งสำนักนายกฯหรือไม่ ยืดหยุ่นได้ แล้วแต่ความเห็นของทุกภาคส่วนที่จะเข้าร่วมระดมสมอง
ท่าทีดังกล่าวแสดงถึงสถานการณ์ที่ กปปส. กำลังถูกท้าทาย ต่อความจริงใจในการปฏิรูป หากยังปฏิเสธเวทีปฏิรูปทุกเวทีและยึดติดว่า จะเป็นสภาประชาชนของมวลมหาประชาชนเท่านั้น เท่ากับ กปปส.ตั้งใจจะยึดประเทศ เพราะการปฏิรูปประเทศ ล้วนแต่มีที่ไปที่มา ไม่แตกต่างกันนัก
ยกตัวอย่าง ในส่วนของภาครัฐและเอกชน กำหนดตั้งคณะกรรมการ 11 คน กำหนดหลักเกณฑ์ที่มาของสมาชิก 2,000 คน และให้สมาชิกทั้ง 2,000 คนเลือกสภาปฏิรูป 499 คน มาทำหน้าที่ปฏิรูปประเทศโดยให้พรรคการเมืองทำสัตยาบันก่อนการเลือกตั้ง ว่าจะดำเนินการปฏิรูปประเทศตามขั้นตอนจนสำเร็จ เมื่อกระบวนการระบบรัฐสภาทำงาน ก็ตรากฎหมายออกมารองรับ แก้กฎหมาย แก้รัฐธรรมนูญ นำไปสู่การทำประชามติ ทุกขั้นตอนถูกต้องชัดเจนนำไปปฏิบัติได้ ใช้เวลาประมาณ 1 ปี หรือปีครึ่ง ทุกอย่างเรียบร้อย
ในส่วนของ กปปส. ตั้งสภาประชาชน 400 คน โดยคัดเลือกจาก สาขาอาชีพต่างๆ 300 คน กปปส.เป็นผู้เลือกเข้ามา 100 คน แก้กฎหมายที่เกี่ยวข้อง โดยเฉพาะกฎหมายเลือกตั้ง เสร็จแล้วมีการเลือก ตั้งใหม่ ซึ่งไม่มีกรอบเวลาและกฎหมายรองรับที่ชัดเจน อ้างว่า เป็นอำนาจของมวลมหาประชาชน ตามมาตรา 3 ในรัฐธรรมนูญเท่านั้น
ในส่วนของ นปช. ตั้งสภาปฏิรูปจากสัดส่วนของประชากร โดยวิธีการเลือกตั้งจากทุกจังหวัด เข้ามาทำหน้าที่ในสภาปฏิรูปแก้กฎหมายต่างๆ ซึ่งเริ่มดำเนินการหลังการเลือกตั้ง และต้องผ่านขั้นตอนในสภา
หรือแนวคิดของ ร.ต.อ.เฉลิม อยู่บำรุง ที่มอบให้ กกต.จัดการเลือกตั้งผู้แทนจังหวัดละ 1 คน และเลือกจากนักวิชาการอีก 22 คนรวมเป็น 99 คน เข้ามาทำหน้าที่ แก้รัฐธรรมนูญ จัดทำประชามติโดยเริ่มดำเนินการหลังจากการเลือกตั้งเช่นกัน
ทั้งหมดนี้ จำเป็นจะต้องผ่านขั้นตอนของรัฐสภา และต้องมีการแก้ไขกฎหมาย หรืออาจจะถึงขนาดแก้รัฐธรรมนูญ ด้วยซ้ำ และจำเป็นที่จะต้องใช้เวลาไม่ใช่วันสองวันจะปฏิรูปได้สมใจนึก
ครั้นจะไปแก้ไขมาตรา 291 เพื่อตั้ง ส.ส.ร.ขึ้นมาแก้รัฐธรรมนูญ กระบวนการในสภาก็ไม่สามารถขับเคลื่อนได้ ทุกอย่างถึงทางตัน เพราะฉะนั้นอย่างไรเสียก็จะต้องมีการเลือกตั้งเพื่อให้ได้ ส.ส.เข้ามาทำหน้าที่ในสภา การปฏิรูปประเทศ จึงจะสามารถเดินหน้าไปได้ ขึ้นอยู่กับว่า กกต.จะทำหน้าที่จัดการเลือกตั้งได้สำเร็จหรือไม่เท่านั้น.
หมัดเหล็ก