มีเสียงร่ำลือมาตลอด เมล็ดพันธุ์ลูกผสมเอฟวันไฮบริด ที่เรียกกันสั้นๆ ว่า “F1” เป็นเมล็ดพันธุ์ที่บริษัทผู้ผลิตใช้เทคนิคทำให้เป็นหมัน ไม่สามารถนำไปขยายพันธุ์ปลูกต่อได้ เพื่อเกษตรกรจะได้ตกเป็นทาสซื้อเมล็ดพันธุ์ไม่จบสิ้น
มองแบบง่ายๆ ถ้าเป็นหมันจริง เมล็ดพันธุ์ที่เอาไปปลูกย่อมจะไม่ออกลูกให้เก็บเกี่ยว แบบเดียวกันคนเป็นหมันย่อมไม่มีลูก แต่เมล็ดพันธุ์ F1 เอาไปปลูกให้ลูกผลดกใหญ่โตกว่าพันธุ์ทั่วไป... แสดงว่าไม่เป็นหมันแน่

แล้วทำไมเขาถึงไม่ให้นำไปปลูกต่อ นี่ต่างหากเป็นประเด็นที่เกษตรกรและประชาชนทั่วไปควรเข้าใจในกฎธรรมชาติของสิ่งมีชีวิตทุกเผ่าพันธุ์บนโลกใบนี้
เคยได้ยินไหม... พี่น้องพ่อแม่เดียวกัน แต่งงานกันลูกจะปัญญาอ่อน
การผลิตเมล็ดพันธุ์ F1 ก็เช่นกัน...อยู่ภายใต้กฎนี้ เนื่องจากขบวนการผลิตของเมล็ดพันธุ์เริ่มจากนักปรับปรุงพันธุ์พืชจะเสาะหาพ่อแม่พันธุ์ที่ลักษณะเด่น มาทำให้เป็นพ่อแม่พันธุ์บริสุทธิ์ แล้วจับมาผสมพันธุ์เพื่อให้ได้พันธุ์ลูกครึ่ง F1 ให้ลูกผลตรงตามความต้อง การของตลาด คล้ายๆกับคน ต่างชาติต่างภาษาแต่งงานแล้วได้ลูกครึ่งหน้าตาสวยหล่อ เป็นดาราให้วัยรุ่นได้คลั่งไคล้ประมาณนั้น
และเมื่อนำเมล็ดพันธุ์ลูกครึ่ง F1 ไปปลูกจะได้ลูกผลดกสวยงามขายได้ราคา เพราะเป็นดาราลูกครึ่งหน้าตาดี เอาไปวางขายใครๆ ก็ชอบ...แต่ถ้าจะถามว่า เราจะเอาเมล็ดจากลูกผลของ F1 ไปปลูกต่อได้ไหม?
...

คำตอบคือ ได้... แต่ผลผลิตรุ่นที่ 2 หรือ F2 จะไม่เหมือนเดิม
เนื่องจากผลผลิตจะเต่งตึงสวยเด้งดกเหมือน F1 จะมีแค่ 50% อีก 50% จะมีโอกาสเอ๋อปัญญาอ่อน เพราะเกิดจากพี่น้องพ่อแม่เดียวกันแต่งงานกัน
ต่างกับเมล็ดพันธุ์พื้นเมืองทั่วไป ไม่ได้ถือกำเนิดมาจากพ่อแม่พันธุ์บริสุทธิ์...แต่เป็นการผสมข้ามไปมาหลายพ่อหลายแม่มาหลายร้อยหลายพันรุ่น โอกาสจะเกิดปัญหาพี่น้องผสมพันธุ์กันแล้วเอ๋อจึงไม่ค่อยมี

และถ้าเอาเมล็ดพันธุ์จาก F2 ไปปลูกต่อเป็น F3 ผลผลิตที่ออกมาจะมีโอกาสสวยเหมือน F1 แค่ 25%...อีก 75% จะเอ๋อ...ถ้าเอาไปปลูกต่ออีก คราวนี้จะมีเอ๋อปัญญาอ่อน 87.5% มีดีแค่ 12.5%
เลยมีคำถามกลับมาว่า เมื่อเอาเมล็ดจากลูกผล F1 ไปปลูกต่อ ผลผลิตครึ่งหนึ่งขายได้ราคา อีกครึ่งต้องโยนทิ้ง คุณจะเสี่ยงเอาไปปลูกต่อไหม เพราะต้นทุนการปลูกพืช 94% เป็นค่าแรง+ค่าเตรียมดิน+ค่าปุ๋ยค่ายา...ส่วนค่าเมล็ดพันธุ์มีสัดส่วนเป็นต้นทุนแค่ 6% เท่านั้นเอง
ลงทุนไป 94 บาท ขายผลผลิตได้แค่ครึ่งเดียว... แต่ถ้าจ่ายเพิ่มอีก 6 บาท ขายผลผลิตได้เต็มร้อย

คงคิดได้นะว่า...อย่างไหนจะคุ้มกว่ากัน.
ชาติชาย ศิริพัฒน์