เซี่ยงไฮ้ประมาณปี 1930.
วันนี้ไทยรัฐซันเดย์สเปเชียลโดยทีมงานนิตยสารต่วย’ตูนจะพาแฟนานุแฟนย้อนยุคไปเที่ยวเซี่ยงไฮ้ในอดีตกันครับ
เซี่ยงไฮ้เป็นเมืองชายฝั่ง ตั้งอยู่ทิศตะวันออกตอนกลางของประเทศจีน ซึ่งเป็นบริเวณที่แม่น้ำแยงซีไหลลงสู่มหาสมุทรแปซิฟิก เพราะตั้งอยู่ใกล้กับปากน้ำ มีน้ำท่วมเป็นประจำ ในอดีตจึงมีแต่ชาวประมงอาศัยอยู่เป็นส่วนใหญ่ ที่นั่นมีชื่อเรียกกันว่าหมู่บ้าน “หู่” ตามชื่อเครื่องมือจับปลาของชาวประมงยุคนั้น นอกจากชื่อ “หู่” แล้ว ก็ยังมีอีกชื่อที่เรียกกัน คือ “เซิน” ซึ่งเป็นชื่อของวีรบุรุษคนหนึ่งในยุคโบราณ จนกระทั่งเมื่อเข้าสู่สมัยราชวงศ์ถาง (หรือถัง ในสำเนียงแต้จิ๋ว) (ค.ศ.618-907) จึงตั้งชื่ออย่างเป็นทางการขึ้นมา เรียกว่าตำบล “ฮว้าถิง” เซี่ยงไฮ้ยุคนั้นก็ยังไม่ใช่เมืองท่าหลักของจีน เพราะมีเมืองชิงหลงซึ่งตั้งอยู่บริเวณปากแม่น้ำอู่ซงเป็นเมืองท่าหลักอยู่แล้ว
ค.ศ.1840 ซึ่งอยู่ในสมัยของราชวงศ์ชิง ต่างชาติเข้าไปมีบทบาทสำคัญทางการเมืองของจีน 3 ปีต่อมากองทัพอังกฤษอาศัยข้ออ้างจากการเป็นผู้ชนะในสงครามฝิ่น ขอทำสนธิสัญญากับรัฐบาลจีนเพื่อใช้เซี่ยงไฮ้เป็นเมืองท่าของตน ซึ่งชาติตะวันตกอื่นๆก็ขอทำตามบ้าง เซี่ยงไฮ้กลายเป็นสวรรค์ของชาวตะวันตก ตึกรามแบบยุโรปซึ่งเป็นที่ตั้งของร้านค้า ร้านอาหาร ธนาคาร โรงพิมพ์ และธุรกิจต่างๆของชาวตะวันตกเติบโตอย่างรวดเร็ว เซี่ยงไฮ้กลายเป็นศูนย์รวมของทุกอย่าง รวมทั้งสิ่งหรูหราฟุ่มเฟือยสำหรับเศรษฐีทั้งชาวจีนและชาวตะวันตก
ค.ศ.1912 จีนภายใต้การปกครองของรัฐบาลสาธารณรัฐจีน ซึ่งยึดอำนาจการปกครองจากราชวงศ์ชิง ตัวเมืองเซี่ยงไฮ้ขยายใหญ่ขึ้นจนมีขนาดใกล้เคียงกับขนาดในปัจจุบัน และเป็นส่วนหนึ่งของมณฑลเจียงซู ค.ศ.1925 พื้นที่บริเวณนั้นทั้งหมดถูกเรียกว่า “เมืองซ้งหู่” แต่อีก 2 ปีต่อมาก็เปลี่ยนชื่อเป็น “เมืองเซี่ยงไฮ้”
แล้วยุคทองของเซี่ยงไฮ้ก็สิ้นสุดลงเมื่อเกิดสงครามขึ้นระหว่างกองทัพจีนและกองทัพญี่ปุ่นในปี ค.ศ.1937 การสู้รบครั้งนั้นทหารจีนเป็นฝ่ายพ่ายแพ้ ญี่ปุ่นยึดเซี่ยงไฮ้ไว้ได้ จนกระทั่งสงครามโลกยุติลง หลังจากนั้นประเทศจีนก็อยู่ภายใต้การปกครองของพรรคคอมมิวนิสต์ ซึ่งเป็นปฏิปักษ์กับชาติตะวันตก ดังนั้นในปี ค.ศ.1949 เป็นต้นไป ชาวตะวันตกซึ่งมีบริษัทอยู่ที่เซี่ยงไฮ้ทั้งหมดก็จะย้ายไปตั้งสำนักงานที่เกาะฮ่องกง
ปัจจุบันเซี่ยงไฮ้เป็นเมืองที่มีจำนวนประชากรหนาแน่นที่สุดในโลก เป็นเมืองที่มีตึกระฟ้าจำนวนนับไม่ถ้วน เป็นเมืองท่าที่มีการขนถ่ายตู้คอนเทนเนอร์สูงที่สุดของโลก และเป็นศูนย์กลางการเงินที่ใหญ่ที่สุดทางตะวันออก
ย้อนกลับไปในช่วงทศวรรษที่ 30 อีกครั้ง เนื่องจากเซี่ยงไฮ้เป็นเมืองท่าใหญ่และเป็นศูนย์กลางความเจริญในทุกๆด้าน จึงเป็นที่หมายปองของชาตินักล่าอาณานิคมทั้งหลาย ประกอบกับความอ่อนแอของรัฐบาล ทำให้ต่างชาติบังคับให้รัฐบาลจีนลงนามให้เช่าพื้นที่ เช่น เขตเช่าฝรั่งเศส เขตเช่าอังกฤษ เขตเช่านานาชาติ ฯลฯ ชาติเหล่านี้เข้ามาตักตวงหาผลประโยชน์ในเซี่ยงไฮ้กันอย่างเต็มที่ ไม่ว่าจะเป็นธุรกิจการค้า อุตสาหกรรมการลงทุน ทั้งถูกกฎหมายและผิดกฎหมาย จำพวกสถานเริงรมย์ บ่อนการพนัน ยาเสพติด ซ่องโสเภณี ฯลฯ ที่สำคัญคือชาวตะวันตกและญี่ปุ่นปฏิบัติต่อคนจีนราวกับไม่ใช่คน ที่แสดงให้เห็นได้ชัดที่สุดก็คือ สถานที่พวกต่างชาติพอใจใช้เป็นส่วนตัวก็จะติดประกาศว่า “หมาและคนจีนห้ามเข้า” สร้างความคับแค้นใจให้แก่คนจีนอย่างที่สุด แต่ก็ทำอะไรไม่ได้ อย่างไรก็ตามเซี่ยงไฮ้ในเวลานั้นเป็นยุคที่เศรษฐกิจบูมขึ้นถึงขีดสุด ทั้งธุรกิจบนดินและใต้ดิน จึงเกิดมีกลุ่มแก๊งนักเลงอันธพาลทั้งท้องถิ่นและข้ามชาติขึ้นมากมาย ที่หาเงินจากแหล่งอบายมุขทั้งหลายที่ผุดขึ้นราวดอกเห็ด
ตู้เย่วเซิง (杜月笙) คือชื่อหนึ่งที่อยู่ในหน้าประวัติศาสตร์ของเซี่ยงไฮ้ในยุคนั้น ตู้เย่วเซิงเป็นเด็กกำพร้าทั้งพ่อและแม่ตั้งแต่อายุได้ 9 ขวบแต่โชคยังดีที่มียายเลี้ยงดูมาจนเข้าสู่วัยรุ่น ด้วยวัยเพียง 10 กว่าขวบเขาก็พาตัวเองเข้าไปสู่เมืองเซี่ยงไฮ้เพื่อหางานทำ แต่ดูเหมือนโชคชะตาจะกำหนดให้ต้องเกี่ยวข้องกับอาชีพสกปรกอย่างไม่มีทางหลีกหนี เพราะหลังจากไปรับจ้างเป็นเด็กขายผลไม้อยู่ในเขตเช่าของฝรั่งเศสได้ไม่นาน ก็ถูกไล่ออกด้วยข้อหาขโมย จากนั้นตู้ก็เริ่มเข้าสู่วงการนักเลงและอบายมุขด้วยการไปทำงานคุมซ่องโสเภณี และด้วยวัยเพียง 16 ปี เขาก็เข้าไปเป็นสมาชิกของแก๊งใหญ่แก๊งหนึ่งชื่อ “ชิงปัง” ภายใต้ความสัมพันธ์กับนายตำรวจชื่อ ฮวงจินหรง (黄金荣) ซึ่งสนับสนุนอยู่เบื้องหลัง แก๊งนี้ควบคุมอบายมุขแทบทุกชนิด เช่น ซ่องโสเภณี บ่อนการพนัน ยาเสพติด (ฝิ่น) เรียกค่าคุ้มครอง ฯลฯ
เรื่องราวของเจ้าพ่อเซี่ยงไฮ้ทั้งสามถูกนำไปแต่งเป็นนวนิยาย และสร้างเป็นภาพยนตร์ทางจอเงิน และซีรีส์ทางโทรทัศน์มาแล้วหลายครั้ง โดยเฉพาะซีรีส์ชุด “เจ้าพ่อเซี่ยงไฮ้” (上海灘) ซึ่งได้รับความนิยมมากที่สุด สร้างโดย TVB ของฮ่องกง ออกฉายเมื่อ พ.ศ.2523 ภาพยนตร์ชุดนี้ทำให้ “โจวเหวินฟะ” และ “หลี่เหลียงเหว่ย” กลายเป็นดาราดังไปทั่วเอเชียและทั่วโลก
และล่าสุดก็มีภาพยนตร์อิงประวัติศาสตร์จีนโดยเฉพาะประวัติศาสตร์ของเมืองเซี่ยงไฮ้ในยุคของตู้เย่วเซิง เข้าโรงฉายในชื่อเรื่องว่า The Last Tycoon (เดอะ ลาสต์ ไทคูน) เจ้าพ่อเซี่ยงไฮ้คนสุดท้าย ภาพยนตร์เรื่องนี้ โจวเหวินฟะกลับมารับบทนำอีกครั้ง หลังจากที่เคยรับบทเจ้าพ่อเซี่ยงไฮ้มาแล้วเมื่อสามสิบกว่าปีก่อน ด้วยเทคนิคทันสมัยบวกกับการทุ่มทุนเนรมิตฉากของเซี่ยงไฮ้ในสมัยนั้นขึ้นมาได้อย่างสมจริง ด้วยทุนสร้างกว่า 700 ล้านบาท จากฝีมือผู้สร้าง แอนดรูว์ เลา และผู้ออกแบบฉากที่เข้าชิงรางวัลออสการ์ หยีชุงมั่น เราคงได้ชมฉากแอ็กชั่นสุดมันในบรรยากาศ “ปารีสตะวันออก” ในยุคที่เจ้าพ่อครองเมืองกันอย่างเต็มอารมณ์.
...
โดยคนเหนือ
ทีมงาน นิตยสาร ต่วย'ตูน