สำนักศิลปากรที่ 10 ส่งเจ้าหน้าที่ตรวจสอบโครงกระดูกมนุษย์โบราณและภาชนะดินเผา ที่พบในร่องน้ำริมถนนหมู่บ้าน ต.ลำเพียก อ.ครบุรี จ.นครราชสีมา คาดว่าอยู่ในช่วงอายุประมาณ 1,500 - 3,000 ปี
เมื่อเวลา 09.30 น. วันที่ 21 พฤษภาคม 2568 สำนักศิลปากรที่ 10 นครราชสีมา ได้มอบหมายให้เจ้าหน้าที่นำทีมงานเข้าตรวจสอบโครงกระดูกโบราณ และภาชนะดินเผา ที่ถูกพบภายในร่องน้ำริมถนนลูกรัง ลึกประมาณ 1.5 เมตร ที่ถูกแรงน้ำหลากกัดเซาะ จากฝนที่ตกลงมาอย่างหนักติดต่อกันหลายวัน ติดพื้นที่การเกษตรท้ายหมู่บ้านไร่แหลมทองพัฒนา หมู่ที่ 12 ต.ลำเพียก อ.ครบุรี จ.นครราชสีมา ซึ่งมีชาวบ้านผ่านมาพบ และทางอำเภอครบุรีแจ้งไปยังทางสำนักศิลปากรที่ 10 นครราชสีมา ตั้งแต่เมื่อวันที่ 19 พฤษภาคมที่ผ่านมา
จากการตรวจสอบเบื้องต้น พบโครงกระดูกและเศษชิ้นส่วน ทั้งส่วนที่เป็นชิ้นส่วนกระดูก และเครื่องปั้นดินเผากระจัดกระจายอยู่ทั่วบริเวณในรัศมี 50 เมตร ในจำนวนนั้นมีโครงกระดูกที่อยู่ในสภาพท่อนล่างสมบูรณ์ พร้อมกับมีหม้อปั้นดินเผาหลายใบกองอยู่บริเวณปลายเท้า
เจ้าหน้าที่จึงทำการขุดเก็บรายละเอียดโครงนี้เป็นพิเศษ 1 ร่าง ก่อนที่จะเก็บรวบรวมกระดูกชิ้นส่วนทั้งหมดพร้อมกับภาชนะดินเผา ซึ่งเป็นของอุทิศให้กับศพพบบริเวณปลายเท้า จำนวน 5 ใบ และใกล้เคียงกันยังพบโบราณวัตถุ อาทิ ขวานหินขัด กระสุนดินเผา กลับไปตรวจสอบรายละเอียด เพื่อระบุอายุและสมัยของโครงกระดูกดังกล่าว และใช้เป็นหลักฐานในการพิสูจน์ว่า มีความสำคัญทางโบราณคดีมากน้อยขนาดไหน
...
ในเบื้องต้น ทางนายวรรณพงษ์ ปาละกะวงษ์ ณ อยุธยา นักโบราณคดีชำนาญการ สำนักศิลปากรที่ 10 นครราชสีมา สันนิษฐานว่าโครงกระดูกดังกล่าวน่าจะเป็นโครงกระดูกมนุษย์ เพศชาย เนื่องจากกระดูกเชิงกรานแคบ กระดูกต้นขาและหน้าแข้งใหญ่ นอนหันหัวไปทางทิศตะวันออกเฉียงเหนือ
โดยนายวรรณพงษ์ ปาละกะวงษ์ ณ อยุธยา นักโบราณคดีชำนาญการ สำนักศิลปากรที่ 10 นครราชสีมา เปิดเผยว่า จากการตรวจสอบพื้นที่ที่พบโครงกระดูกมนุษย์ ลักษณะนอนหงายฝังร่วมกับภาชนะดินเผา ถือเป็นร่องรอยของมนุษย์ยุคก่อนประวัติศาสตร์สำคัญของจังหวัดนครราชสีมา จากหลักฐานทางโบราณคดีที่พบเชื่อว่า น่าจะอยู่ในช่วงอายุประมาณ 1,500 - 3,000 ปี ซึ่งเป็นช่วงก่อนการรับพุทธศาสนาในดินแดนประเทศไทย
ก่อนหน้านี้บริเวณแห่งนี้ยังไม่ได้เคยขุดค้นพบหลักฐานทางโบราณคดีมาก่อน จากการสำรวจชั้นดินพบชิ้นส่วนของกระดูกมนุษย์ ภาชนะเครื่องปั้นดินเผา และกระดูกสัตว์กระจายตัวอยู่ในระยะ 50 เมตร พิจารณาจากลักษณะภูมิประเทศพบว่าเป็นเนินดินขนาดใหญ่ ซึ่งสัมพันธ์กับร่องรอยหลักฐานทางโบราณคดีพบว่าพื้นที่เนินดินขนาดใหญ่เช่นนี้ถูกใช้เป็นแหล่งฝังศพมนุษย์ยุคก่อนประวัติศาสตร์.