กลายเป็นข่าวใหญ่ขึ้นหน้าหนึ่งรับศักราชใหม่ของปีมังกรคะนองน้ำ 2555 เมื่อไฮโซหนุ่มผู้บริหารโครงการศรีพันวา ภูเก็ต โรงแรมและรีสอร์ตหรู 6 ดาว “ปลาวาฬ–วรสิทธิ์ อิสสระ” ทายาทวัย 31 ปี แห่งตระกูลธุรกิจอสังหาริมทรัพย์หลายพันล้านในกลุ่มบริษัท ชาญอิสสระ ดีเวล็อปเมนท์ จำกัด (มหาชน) หวิดสิ้นชื่อสังเวยปีใหม่ หลังถูกแก๊งเด็กเสิร์ฟและการ์ดอันธพาลของผับเถื่อนในภูเก็ต “รัชดาผับ” รุมทำร้ายสุดอำมหิต ใช้ขวานฟันไหล่จนกระดูกเส้นเอ็นขาด มีดแทงท้องมิดด้ามทะลุหลังเฉียดตัดลำไส้ใหญ่ แถมยังน่วมไปด้วยบาดแผลถูกทุบตีและฟันยับตั้งแต่ศีรษะจดเท้า ทีมแพทย์โรงพยาบาลกรุงเทพภูเก็ตต้องใช้เวลาผ่าตัดอยู่ในห้องไอซียูนานถึง 12 ชั่วโมงเต็ม จึงสามารถช่วยชีวิตให้รอดมาได้ราวกับปาฏิหาริย์!!


เหตุการณ์ระดับทอล์ก

ออฟเดอะทาวน์ที่เกิดขึ้นไม่เพียงแต่จะส่งผลให้สถานบันเทิงทั่วเกาะภูเก็ตต้องโดนสังคายนาครั้งใหญ่ แต่ยังสร้างความสะเทือนขวัญให้สังคมไทยเป็นอย่างยิ่ง โดยเฉพาะพ่อแม่ตระกูลดังๆ ที่มีลูกหลานชอบปาร์ตี้สังสรรค์ และเที่ยวกลางคืน ต่างก็หวาดผวาไปตามๆ กัน เพราะกลัวว่า สักวันอาจถึงคราวเคราะห์ของลูกหลานตัวเองบ้าง

ในฐานะคุณพ่อที่เกือบจะสูญเสียลูกชายหัวแก้วหัวแหวนจากเหตุการณ์ทะเลาะวิวาทในผับเถื่อน “คุณสงกรานต์ อิสสระ” กรรมการผู้จัดการบริษัท ชาญอิสสระ ดีเวล็อปเมนท์ จำกัด (มหาชน) ขอเปิดอกพูดเป็นครั้งแรกแบบหมดเปลือกกับทีมข่าวหน้าสตรีไทยรัฐ เพื่อเป็นอุทาหรณ์สอนใจสำหรับสังคมไทยยุคใหม่ ที่นับวันจะยิ่งเสื่อมโทรมลงทุกที

เหตุการณ์ที่เกิดขึ้นถือเป็นวิบากกรรมหนักหนาที่สุด?!

(พยักหน้า) แค่แก้วแตกใบเดียว ไม่น่าจะทำกันถึงขนาดนี้ ถือว่าทำเกินไป วันที่เกิดเหตุ ผมมีโปรแกรมต้องเดินทางไปทัวร์ธรรมะที่ประเทศพม่ากับภรรยา (ศรีวรา อิสสระ) และเพื่อนๆ ต้องเดินทางไปสนามบินสุวรรณภูมิตอน 6 โมงเช้า ปรากฏว่าช่วงตีห้ามีคนโทร.มาจากภูเก็ต บอกว่าเกิดเหตุการณ์ทะเลาะวิวาทในผับ และ “ปลาวาฬ” ถูกแทง อาการสาหัสมาก วินาทีนั้นรู้สึกช็อก!! คิดอะไรไม่ออก ผมตัดสินใจบินจากกรุงเทพฯไปภูเก็ตทันที ส่วนภรรยายังติดภารกิจต้องนำคณะทัวร์ธรรมะไปพม่า พอผมไปถึงโรงพยาบาลกรุงเทพภูเก็ต ก็ได้แต่นั่งรออยู่หน้าห้องไอซียู และส่งพลังจิตภาวนาให้ลูกปลอดภัย กว่าจะพ้นขีดอันตราย “ปลาวาฬ” ต้องอยู่ในห้องผ่าตัดนานถึง 12 ชั่วโมง บาดแผลเต็มตัวไปหมด หมอบอกว่าอาการโคม่า ตอนถูกนำตัวมาส่งโรงพยาบาลมีเลือดอาบทั้งตัว และมีแผลฉกรรจ์หลายจุด โดยที่บริเวณไหล่ และไหปลาร้าซ้าย เส้นเอ็นและกระดูกฉีกขาดจากการฟันด้วยของมีคม ส่วนบริเวณหน้าท้องโดนมีดเสียบทะลุถึงหลังเลย แต่โชคดีมากที่ไม่โดนอวัยวะสำคัญ โดนแต่ชั้นไขมัน หมอบอกว่า บาดแผลลึกและอาจติดเชื้อจนถึงแก่ชีวิตหากส่งถึงมือแพทย์ล่าช้า นอกจากนี้ ยังมีบาดแผลตามตัวเยอะไปหมด ทั้งบริเวณหน้าแข้ง, บริเวณศีรษะ และแผ่นหลังด้านขวา รอดมาได้ก็ถือว่าปาฏิหาริย์มาก คงเป็นผลบุญที่เขาทำมา


ตอนนี้พ้นขีดอันตรายแล้วใช่ไหมคะ

เขาฟื้นตัวเร็วมากอย่างน่าอัศจรรย์ ทั้งๆที่ได้รับบาดเจ็บสาหัส และเฉียดตายเกือบทุกจุด ตอนออกจากห้องไอซียูก็ยังรู้เรื่องนะ เขายังถามว่า เป็นไงกันบ้างวะ ถามถึงเพื่อนๆที่ไปด้วยกันคืนนั้นแล้วก็สลบไป วันรุ่งขึ้นก็ยังถามถึงเพื่อนๆอีกเพราะเป็นห่วง ถึงขณะนี้ก็ดีขึ้นเยอะแล้ว พ้นขีดอันตรายแล้ว คุณหมอให้ออกจากห้องไอซียูมาอยู่ห้องปกติ และหมอเพิ่งอนุญาตให้กลับไปนอนพักฟื้นที่บ้านได้ แต่คงต้องพักฟื้นอีกหลายเดือน เพราะน่วมทั้งตัว โดนไปหลายอย่าง ทั้งเอ็นขาด ส่วนขาก็ยังใช้ไม้พยุงไม่ได้ เพราะกระดูกหลุดเกือบต้องสูญเสียลูกชายไปทั้งคน ทำไมยังยิ้มได้ล่ะคะ

ยอมรับว่าช็อกนะ ช็อกกันทั้งครอบครัว แต่อยู่ที่เราควบคุมสติมากกว่า ผมใช้ธรรมะที่เรียนรู้มาค่อนชีวิตทำให้มีสติ วินาทีนั้นที่รู้เรื่องก็คิดแต่ว่าขอให้ลูกปลอดภัย เราไม่รู้เลยว่าเขาโดนไปกี่ช็อต เท่าที่ทราบติดอยู่ในผับตั้ง 20 นาที โดนเยอะมาก โดนตะลุมบอน โดยเฉพาะด่านสุดท้ายที่จะผ่านประตูทางออกเจอหนักมาก เพราะมีการใช้อาวุธทำร้าย ผมก็นั่งส่งพลังจิตให้ลูกปลอดภัย เพื่อนๆส่งเมสเสจมาให้กำลังใจ ซึ่งถือเป็นพลังใจที่ดี ทุกคนในครอบครัวเราควบคุมอารมณ์ได้ดีมาก ไม่มีใครฟูมฟาย ภรรยาของ “ปลาวาฬ” ก็เก่งมาก ทั้งๆ ที่ท้อง 4 เดือน ก็ยังมีสติเข้มแข็งมาก ผมเคยเห็นเพื่อนผมบางคน สมัยหนุ่มๆโดนรุมซ้อม พอออกจากห้องไอซียูแล้วมีอาการหวาดผวา ผมก็นึกถึงลูกเรา เป็นห่วงว่าวินาทีนั้นเขาจะรู้สึกยังไง จะกลัวไหม หวาดผวาไหม ปรากฏว่า เขาไม่มีอาการผวาเลย และยังพูดคุยได้ สำหรับผมจังหวะสุดท้ายของชีวิตที่จะวูบไปสำคัญมาก ถ้าลูกจากไปด้วยอาการหวาดผวา รู้สึกเจ็บปวดเพราะโดนรุมกระทืบ ก็ไม่น่าไปอยู่ในภพภูมิที่ดี พอเห็น “ปลาวาฬ” ฟื้นขึ้นมาอย่างมีกำลังใจ ผมค่อยใจชื้นหน่อย ถ้าลูกจะเป็นอะไรไปก็รับได้ เพราะลูกไม่กลัวตาย ลูกมีสติทุกวินาที


ถามจริงๆนะคะลูกชายคนโตเป็นคนเลือดร้อนไหม


“ปลาวาฬ” อาจเป็นคนใจร้อนบ้าง แต่เขาไม่เคยหาเรื่องใครก่อน และไม่เคยมีเรื่องชกต่อยรุนแรงกับใคร เขาไม่ใช่คนก้าวร้าว เหตุการณ์ที่เกิดขึ้นอาจมีการเขม่นหมั่นไส้กัน ทำให้ทะเลาะวิวาทกัน แต่ผมไม่เชื่อว่า “ปลาวาฬ” จะเป็นคนลงมือก่อน

มีหมอดูทักมาก่อนไหมคะว่าจะเจอเคราะห์ใหญ่


หมอดูของลูกสะใภ้ คือ “แพร-ปาลวี” เตือนมาตั้งแต่ปีที่แล้วว่า ขอให้ “ปลาวาฬ” ระวังจะมีเคราะห์ใหญ่ อันตรายถึงชีวิต!! ต้องไปสะเดาะเคราะห์ แต่เขาไม่ค่อยเชื่อเรื่องพวกนี้ ปรากฏว่า คนที่โดนตะลุมบอนทำร้ายในคืนนั้นเกิดปีไก่ทั้ง 3 คน รวมถึง “ปลาวาฬ” ด้วย ซึ่งเป็นปีชงกับปีเถาะ 2554 ถือเป็นการส่งท้าย เรื่องพวกนี้ไม่เชื่อก็ต้องเชื่อนะ ยังโชคดีที่คนขับรถของ “ปลาวาฬ” ซึ่งทำงานกับเรามาแค่ 3 เดือน กระโดดคร่อม

“ปลาวาฬ” ไว้ คิดดูสิจะอ่วมขนาดไหน โดนตะลุมบอนอยู่ในนั้นประมาณ 20 นาที พอเคลียร์ได้ คนขับรถยังขับรถพา “ปลาวาฬ” มาส่งที่โรงพยาบาล ทั้งๆที่ตัวเองก็บาดแผลเต็มตัว เขาเสียสละมาก ต้องขอบคุณมาก ซึ่งในทางกลับกัน ผมคิดว่า “ปลาวาฬ” ก็คงทำอย่างนั้น

คิดอยากแก้แค้นแทนลูกชายไหมคะ


ผมอโหสิกรรมให้นะ ไม่โกรธแค้นหรอก!! ทั้งๆที่พรรคพวกบอกให้เล่นงานไปเลย ผมคงปล่อยให้กระบวนการยุติธรรมเป็นคนจัดการ บอกตามตรงว่า ตอนผมเห็นพวกเด็กๆที่ทำร้ายลูกเราแล้วก็รู้สึกสงสารพวกเขานะ ผมคิดว่า เหตุการณ์ที่เกิดขึ้น ส่วนหนึ่งเป็นกรรมของ “ปลาวาฬ” มากกว่า และเกิดจากสังคมที่เสื่อมคุณธรรม ผมก็เป็นคนใต้เหมือนกัน เราร่ำรวยทุกวันนี้ เพราะได้รับโอกาส แต่เด็กๆพวกนี้ไม่มีโอกาสเหมือนเรา เป็นเด็กเลือดร้อน และออกจะดิบนิดหนึ่ง ต้องอบรมต้องช่วยพวกเขา ถ้าเป็นไปได้ผมก็อยากจะทำโครงการอะไรสักอย่าง เพื่อช่วยเหลือพวกเขาให้มีคุณภาพชีวิตดีกว่านี้ มีอาชีพเลี้ยงตัวเองได้ดีกว่านี้ ไม่จำเป็นต้องมาทำงานอยู่ในผับในบาร์ มาอยู่ในสถานที่ที่มีการซ่องสุมอาวุธ เสี่ยงคุกเสี่ยงตาราง อันตรายมาก ผมอยากช่วยฝึกอบรมอาชีพให้เยาวชนทางภาคใต้

หลังผ่านเหตุการณ์ครั้งนี้จะสั่งคุมเข้มพฤติกรรมลูกชายไหมคะ

ก็ไม่ควรจะไปในที่อโคจรแบบนี้ ผมก็ห้ามมาตลอด!! แต่การงานของเขา ทำให้ต้องสังสรรค์อะไรแบบนี้ คิดว่าเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นคงเป็นบทเรียนสำคัญสำหรับ “ปลาวาฬ” เพียงแต่เหตุการณ์ที่เกิดขึ้น ลูกชายผมอาจอินโนเซนต์เกินไป ไม่คาดคิดว่าจะเกิดเรื่องรุนแรงขนาดนี้ แต่นี่เป็นผับใต้ดิน ผับที่เปิดดึกเกินตีสอง เท่ากับลูกเราไปอยู่ผิดที่เอง ไปอยู่ในที่อโคจรไม่ควรไป ไปอยู่ผิดเวลา คือตีสี่ครึ่งก็ยังไม่กลับบ้าน เท่าที่ทราบมามีเรื่องผิดใจนิดหน่อย แค่แก้วตกแล้วไม่พอใจกัน แต่ผมไม่คิดว่าจะเป็นเรื่องความขัดแย้งทางธุรกิจ คงเป็นจังหวะซวย ผับนี้ก็มีเรื่องบ่อยๆ เกิดขึ้นจากความเลือดร้อนของเด็กในร้านด้วย


ช่วยฝากบทเรียนครั้งนี้เป็นอุทาหรณ์ถึงพ่อแม่ยุคใหม่ที่เลี้ยงลูกด้วยเงิน

พ่อแม่หลายคนที่รู้จักกันอยากให้ผมเล่าเรื่องพวกนี้ให้ลูกๆเขาฟังด้วย เพราะลูกๆพวกเขาก็ยังไปเที่ยวกลางคืนอยู่ และไม่คิดว่าสังคมข้างนอกมีอันตราย สิ่งที่ผมอยากฝากไว้ก็คือ อยากให้เด็กๆรุ่นใหม่ตระหนักว่า การไปอยู่ในที่อโคจรมีความเสี่ยงนะ ถ้าเราไม่ระวังและมองข้าม ก็อาจกลายเป็นเหยื่อสังคมที่เสื่อมโทรม ทั้งทางเศรษฐกิจและจริยธรรม เรื่องที่เกิดขึ้นอยากฝากเป็นอุทาหรณ์สำหรับเด็กๆ อย่าคิดว่า เมื่อไปเที่ยวแล้วจะไม่เกิดเหตุคาดไม่ถึง โดยเฉพาะการมีเรื่องทะเลาะวิวาทเล็กน้อย อาจขยายเป็นเหตุการณ์รุนแรงได้ เวลาไปเที่ยวสถานที่พวกนี้ เหมือนกับเอาชีวิตไปเสี่ยง เพราะถึงเวลาตะลุมบอนก็เป็นระบบร่วมด้วยช่วยกัน ใครจะเป็นลูกใครใหญ่มาจากไหนไม่สนใจหรอก

สังคมไทยเสื่อมโทรมลงเยอะ ทำยังไงถึงช่วยให้ บ้านเมืองดีขึ้น

นอกจากเป็นคนเก่งคนรวยแล้ว ผมคิดว่าสิ่งสำคัญที่สุดสำหรับสังคมไทยก็คือ ต้องปลูกฝังให้เยาวชนรุ่นใหม่มีคุณธรรมและธรรมะในจิตใจด้วย ตั้งแต่ลูกยังเล็กๆก่อนจะส่งไปเรียนโรงเรียนประจำที่อังกฤษ ผมกับภรรยาจะพาลูกๆไปเข้าแคมป์ธรรมะที่วัดป่านานาชาติ เพื่อวางรากฐานให้มีธรรมะประจำใจ อยากให้ลูกๆมีพื้นฐานที่ดีด้านอีคิวเป็นภูมิต้านทานป้องกันตัวเอง สำหรับผมกับภรรยาก็ฝึกปฏิบัติธรรมอย่างจริงจังมา 10 ปีแล้ว ผมหยุดเหล้ามา 7-8 ปีแล้ว พยายามปฏิบัติธรรมแบบเก็บสะสมแต้มไปเรื่อยๆ และถือศีลห้าอย่างเคร่งครัด ผมนั่งสมาธิและสวดมนต์ทุกเช้า ก็ไม่ได้คาดหวังว่าต้องไปถึงนิพพาน รู้แต่ว่าการปฏิบัติธรรมช่วยเสริมกำลังใจให้เรา เรานิ่งเมื่อมีเหตุการณ์วิกฤติ พวกนี้เอามาใช้ในชีวิตประจำวันได้เลย ทำให้ใจเย็นลง และมีสติมากขึ้นในการรับมือกับสถานการณ์ต่างๆ ถ้าทุกคนในสังคมไทยมีคุณธรรม เรื่องราวแบบนี้ก็คงไม่เกิดขึ้น.

...


ทีมข่าวหน้าสตรี