"อภิสิทธิ์" ปราศรัยใหญ่ กทม.ลั่นถึงเวลาผ่าทางตันประเทศ ไม่เชื่อทฤษฎีโจรจับโจร กลัวได้มหาโจรมาอยู่ด้วย ปลุกประชาชนตื่นจากความกลัว เตือน "บิ๊กตู่" เข้าสภาเจอหนักแน่
เมื่อวันที่ 18 มี.ค.62 นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ หัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ (ปชป.) กล่าวระหว่างการปราศรัยใหญ่กรุงเทพโซนตะวันออก ตอนหนึ่งว่า สถานการณ์การเมืองในขณะนี้ ประชาชนถูกบังคับให้คิดอยู่ในกรอบ เลือกข้างของคนสองฝ่าย หนึ่งอ้างเป็นกลุ่มประชาธิปไตย ต้องการปลุกเร้าอารมณ์ว่าเมื่อ 5 ปีผ่านไป คนส่วนใหญ่ไม่พอใจในเรื่องภาวะเศรษฐกิจ และการบริหารงานที่ไม่เป็นประชาธิปไตย จึงปลุกเร้าให้เลือกพรรคตัวเองที่สถาปนาว่าเป็นประชาธิปไตย แต่ความจริงไส้ในของแต่ละพรรคไม่เป็นประชาธิปไตย เมื่อตนประกาศไม่สนับสนุน พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา แทนที่พรรคการเมืองเหล่านี้ จะบอกว่าเป็นจุดยืนประชาธิปไตย กลับแสดงความเดือดร้อนว่า ประชาธิปัตย์ไม่สนับสนุน พล.อ.ประยุทธ์ เพราะกลัวว่าสิ่งที่เขาพยายามผูกขาด ความเป็นพรรคประชาธิปไตยสูญสิ้นไป และพรรคการเมืองกลุ่มนี้ เวลาพูดถึงประชาธิปไตยสุจริตมีอาการแสลงหู เพราะพยายามจะบอกว่าเรื่องการทุจริตคอรัปชั่นเสมือนไม่มีจริง เป็นวาทกรรมเพื่อให้เผด็จการเข้ามา หรือพยายามบอกว่าเผด็จการเข้ามาก็ทุจริตคอรัปชั่นเหมือนกัน ถ้านักการเมืองไม่สำนึกตรงนี้ ประเทศไทยไม่มีทางออกจากวิกฤตการเมืองและวงจรอุบาทว์ได้
"ส่วนฝ่ายที่สนับสนุน พล.อ.ประยุทธ์ เอาความกลัวมาใส่ประชาชนว่า ถ้าไม่ต้องการให้ฝ่ายโน้นกลับมา ต้องเลือก พล.อ.ประยุทธ์ เท่านั้น จึงอยากให้ประชาชนไตร่ตรองดูว่า 5 ปีที่ผ่านมารัฐบาลชุดนี้มีอำนาจพิเศษ บริหารการเมืองง่ายกว่ารัฐบาลประชาธิปัตย์ ขณะเดียวกันรัฐบาลปัจจุบันเคยว่ารัฐบาลอื่นหลายอย่าง แต่ตอนนี้ทำเกือบทุกอย่างแล้ว ในวันที่ต้องการกลับมามีอำนาจ ผมไม่ใช่คนโลกสวย แต่ไม่เคยเชื่อทฤษฎีโจรจับโจร ที่ไม่เชื่อเพราะถ้าใช้ทฤษฎีโจรปราบโจร หมายความว่า เราจะอยู่กับโจรหรือจะได้มหาโจรในที่สุด สิ่งที่เราพยายามจะบอก คือ วันนี้ต้องคิดให้ดีรัฐบาลหลังการเลือกตั้งใครจะมาเป็นก็ตาม ไม่มีมาตรา 44 แล้ว เดินเข้าสภาไม่สามารถเดินออกได้ เดินเข้าสภาจะเจอสารพัด และถ้ามีความพยายามสืบทอดอำนาจ ความขัดแย้งในบ้านเมืองจะไม่จบ เนื่องจากมีคำถามเรื่องเขียนกติกาเอง และปฏิบัติไม่เหมือนคนอื่นในการเข้าสู่การเลือกตั้งกับการเข้ามามีอำนาจ นี่คือสิ่งที่อยากย้ำว่าอย่าตกหลุมของทั้งสองฝ่าย ฝ่ายหนึ่งเอาความเกลียดเอาความชัง หงุดหงิด เบื่อกับสภาพปัจจุบันแล้วต้องการผูกขาดว่า เขาเท่านั้นที่นำไปสู่เส้นทางประชาธิปไตยได้ อีกฝ่ายหนึ่งเอาความกลัวว่า ถ้าไม่มีเขาแล้วบ้านเมืองจะไม่สงบ จึงอยากให้รู้ว่า นายกฯหลังเลือกตั้งตะคอกนักข่าวไม่ได้ บ้านเมืองไม่มีมาตรา 44 แล้วสื่อมวลชนจะเข้มข้นกว่านี้ เดินเข้าสภาเจอแน่ ทั้งกระทู้ถาม ทั้งญัตติต้องบริหารจัดการเรื่องเหล่านี้ได้ อยากให้ตั้งหลักว่าอยากให้บ้านเมืองเดินไปทางไหน ถ้าถามว่ามั่นใจหรือไม่ถ้าประชาธิปัตย์เป็นแกนนำจัดตั้งรัฐบาลผมเป็นนายกฯจะทำในสิ่งที่จำเป็น บอกได้เลยว่า ผมมาถึงจุดในทางการเมืองที่รู้ว่า ถ้าให้โอกาสกับผมอีกครั้งเดียว ก็ไม่มีสิทธิ์ที่จะแก้ตัวอีกต่อไปแล้ว ในครั้งหน้าจึงบอกชัดเจนว่า หมดเวลาเกรงใจแล้ว" นายอภิสิทธิ์ กล่าว
...