เจ้าหน้าที่ลงพื้นที่เยียวยาจิตใจนักเรียนชาย ม.2 หลังถูกรุ่นพี่รุมทำร้ายในห้องเรียน ด้านครอบครัวผู้เสียหายยันเป็นเด็กดี เข้าใจหัวอกผู้ปกครอง
จากกรณีคลิปนักเรียนชายชั้น ม.3 จำนวน 7-8 คน ของโรงเรียนชื่อดังแห่งหนึ่งในจังหวัดลำปาง ปิดห้องเรียนแล้วรุมทำร้ายร่างกายรุ่นน้อง ม.2 พร้อมบังคับให้นั่งคุกเข่ากราบเท้าขอโทษ แต่ก็ยังทำร้ายอย่างต่อเนื่อง โดยเหตุเกิดเมื่อวันที่ 20 ธ.ค. 61 ที่ผ่านมานั้น (อ่านข่าวก่อนหน้า คลิปว่อน รุ่นพี่ ม.3 รุมเตะน้อง ม.2 แม้ก้มกราบเท้าขอโทษยังโดนตื้บต่อ)
ล่าสุดเมื่อเวลา 13.00 น. วันที่ 30 ม.ค. 62 ที่ สพป.ลำปางเขต 2 อ.เกาะคา จ.ลำปาง นายเดชะ ธีระตระกูล รอง ผอ.สพป.ลำปางเขต 2 รักษาการแทน ผอ.สพป.ลำปางเขต 2 ได้เปิดเผยกรณีดังกล่าวว่า ขณะนี้ได้มีคำสั่งให้ทุกโรงเรียนระวังเพื่อไม่ให้เกิดเหตุในลักษณะดังกล่าวซ้ำอีก พร้อมทั้งได้เรียก ผอ.โรงเรียนที่เกิดเหตุมาให้ข้อมูลว่าเกิดจากสาเหตุอะไร รวมทั้งให้เจ้าหน้าที่ลงพื้นที่เพื่อเยียวยาด้านจิตใจของเด็ก รวบถึงรวมข้อเท็จจริงว่าเป็นการปล่อยปละละเลยของบุคลากรของทางโรงเรียนหรืออาจารย์ผู้สอนหรือไม่ ซึ่งเท่าที่ทราบทางโรงเรียนก็ได้มีมาตรการลงโทษเด็กนักเรียนที่ก่อเหตุไปตามขั้นตอนแล้ว และอยากให้เรื่องนี้ยุติโดยเร็ว เนื่องจากเกรงว่าจะกระทบกระเทือนจิตใจเด็กทั้งสองฝ่าย
ด้าน น.ส.ดี (นามสมมติ) อายุ 30 ปี อาของเด็กนักเรียนผู้เสียหาย เปิดเผยว่า หลานเป็นเด็กดีช่วยยายทำงานทุกอย่าง ทั้งทำนา รับจ้างทั่วไป เพื่อแบ่งเบาภาระของยาย จากเหตุการณ์ดังกล่าวถึงแม้ว่าตนเองจะโกรธเด็กๆ ที่มาทำร้ายหลาน แต่ก็เข้าใจหัวอกผู้ปกครองและเด็กที่ก่อเหตุว่าช่วงนี้คงเครียดไม่ต่างกัน เพราะสิ่งที่ทำไปอาจจะขาดความยั้งคิด และด้วยวัยที่เป็นเด็ก จึงอยากวิงวอนชาวโซเชียลหยุดด่าว่าเด็กและผู้ปกครอง เชื่อว่าคงไม่มีผู้ปกครองรายไหนอยากให้เกิดเหตุการณ์แบบนี้ และครอบครัวก็ไม่ได้เรียกร้องค่าเยียวยา เป็นเพียงข้อเสนอของกลุ่มผู้ปกครอง หากจะเรียกร้องจริงๆ คงไม่ใช่แค่นี้ เพราะครอบครัวก็หาเช้ากินค่ำเหมือนกัน จึงเข้าใจหัวอกผู้ปกครองของเด็กทุกคน ซึ่งส่วนใหญ่ก็หาเช้ากินค่ำเช่นเดียวกัน และอยากให้เรื่องยุติ
...
ขณะเดียวกัน ผู้สื่อข่าวได้ประสานไปยัง พ.ต.อ.จิตตพล วงษ์วัน ผกก.สภ.เกาะคา จ.ลำปาง พร้อมเปิดเผยว่าเบื้องต้นยังไม่สามารถให้รายละเอียดใดๆ ได้ เนื่องจากเป็นคดีเด็กและเยาวชน ซึ่งเป็นเรื่องละเอียดอ่อน และขณะนี้พนักงานสอบสวนได้ประสานสหวิชาชีพมาสอบสวนร่วมกัน เพื่อที่จะดำเนินคดีตามกฎหมายต่อไป.