เวเนซุเอลา เป็นหนึ่งในประเทศในทวีปอเมริกาใต้ที่มีแหล่งน้ำมันเป็นของตัวเอง แต่ในช่วงหลายปีที่ผ่านมา พวกเขากลับเผชิญวิกฤติเศรษฐกิจอย่างหนัก ขณะที่ความไม่พอใจของประชาชนต่อภาคการเมืองก็เพิ่มสูงขึ้นเรื่อยๆ จากปัญหาความยากลำบากต่างๆ ทั้งภาวะเงินเฟ้อ, การขาดแคลนพลังงาน, อาหาร และยา
ในสัปดาห์นี้ ดูเหมือนว่าวิกฤติการเมืองในเวเนซุเอลาจะมาถึงจุดเดือด เมื่อประชาชนหลายหมื่นคนออกมาประท้วงขับไล่ นายนิโคลัส มาดูโร ประธานาธิบดีสายสังคมนิยมอย่างรุนแรง ขณะที่หัวหน้าพรรคฝ่ายค้านประกาศตั้งตัวเองเป็นรักษาการประธานาธิบดีของประเทศ
*เวเนซุเอลามีประธานาธิบดี 2 คน
เมื่อวันที่ 23 ม.ค. นายฮวน กวัยโด หัวหน้าพรรคฝ่ายค้านและประธานสมัชชาแห่งชาติวัย 35 ปี ประกาศตั้งตัวเองเป็นรักษาการประธานาธิบดี โดยระบุว่า จากนี้ไปตัวเขาจะรับเอาอำนาจบริหารของประเทศเอาไว้เอง ท้าทายอำนาจของประธานาธิบดี นิโคลัส มาดูโร ซึ่งเพิ่งสาบานตนรับตำแหน่งผู้นำเวเนซุเอลาสมัยที่ 2 เมื่อ 2 สัปดาห์ก่อนหน้านั้น
...
และตามความคาดหมาย ประธานาธิบดีมาดูโร ออกมาประณามการกระทำของนายกวัยโดอย่างรุนแรง เขายังโจมตีว่านี่เป็นแผนการของสหรัฐฯ เพื่อโค่นอำนาจของเขาด้วย
*ทำไมจึงมีการแย่งชิงตำแหน่งประธานาธิบดี?
นิโคลัส มาดูโร ชนะเลือกตั้งประธานาธิบดีสมัยแรกเมื่อเดือน เม.ย. 2556 ในฐานะผู้สืบทอดที่ได้รับเลือกโดย นายฮูโก ชาเวซ อดีตผู้นำจอมเผด็จการและศัตรูของสหรัฐฯ ซึ่งเสียชีวิตด้วยโรคมะเร็ง โดยในตอนนั้นมาดูโรชนะด้วยคะแนนห่างเพียงเล็กน้อยที่ 1.6% เท่านั้น
ตลอดการปกครองสมัยแรกนาน 6 ปีของมาดูโร เศรษฐกิจของเวเนซุเอลาเรียกได้ว่าดำดิ่งอย่างหนัก ชาวเวเนซุเอลาจำนวนมากก็กล่าวโทษเขาและรัฐบาลสังคมนิยมของเขาว่าเป็นต้นเหตุ อย่างไรก็ตาม มาดูโรกลับชนะการเลือกตั้งเมื่อ พ.ค.ปีก่อน ได้เป็นประธานาธิบดีสมัยที่ 2
การเลือกตั้งครั้งนั้นเป็นที่ถกเถียงอย่างมากในเรื่องของความชอบธรรม เนื่องจากพรรคฝ่ายค้านหลายพรรคบอยคอตไม่เข้าร่วม ขณะที่ผู้แทนจากฝ่ายค้านอีกหลายคนก็ถูกห้ามไม่ให้ลงสมัคร บางคนถูกจับกุมหรือต้องหลบหนีออกนอกประเทศ การเลือกตั้งครั้งนี้จึงถูกมองว่าไม่เสรีและไม่เป็นธรรม
สภาสมัชชาแห่งชาติของเวเนซุเอลา ซึ่งนำโดยฝ่ายค้าน ไม่ยอมรับผลการเลือกตั้งที่ออกมา พร้อมประณามนายมาดูโรว่า ช่วงชิงตำแหน่งประธานาธิบดีไป ยืนยันว่า ตำแหน่งนี้ยังว่างอยู่ สภาฯ ยังอ้างมาตรฐาน 233 และ 333 ในรัฐธรรมนูญด้วยว่า ในกรณีนี้สภาฯ จะทำหน้าที่เป็นรักษาการประธานาธิบดี ซึ่งเป็นเหตุผลที่นายกวัยโด ประกาศตัวเป็นรักษาการประธานาธิบดี เมื่อ 23 ม.ค.
...
*ปฏิกิริยาจากแต่ละฝ่ายเป็นอย่างไร?
เพียงไม่กี่นาทีหลังจากนายกวยโดตั้งตัวเองเป็นรักษาการประธานาธิบดี โดนัลด์ ทรัมป์ ผู้นำสหรัฐฯ ออกมายอมรับอย่างเป็นทางการว่า นายกวัยโดเป็นผู้นำที่ถูกต้องตามกฎหมายของเวเนซุเอลา โดยระบุว่า ชาวเวเนซุเอลาทุกข์ทรมานภายใต้รัฐบาลมาดูโรมานานเกินไปแล้ว
แน่นอนว่าความเคลื่อนไหวของสหรัฐฯ ทำให้นายมาดูโรออกโรงตอบโต้ในทันที ด้วยการประกาศตัดความสัมพันธ์กับสหรัฐฯ และให้เวลานักการทูตสหรัฐฯ ทุกคน 72 ชั่วโมงเพื่อเก็บข้าวของออกจากประเทศ ล่าสุดสั่งปิดสถานทูตและสถานกงสุลในสหรัฐฯ แล้ว
จนถึงตอนนี้มีหลายประเทศที่ออกมาสนับสนุนนายกวยโดตามรอยสหรัฐฯ รวมทั้ง สหราชอาณาจักร, แคนาดา, บราซิล, คอสตาริกา, อาร์เจนตินา, เปรู, โคลอมเบีย, เอกวาดอร์, ชิลี และสเปน แต่รัสเซียกับพันธมิตรอย่าง ตุรกี, ซีเรีย และคิวบา ยืนยันว่าให้การสนุบสนุนนายมาดูโร และว่าการกระทำของสหรัฐฯ เหมือนกับการนำน้ำมันไปราดในกองเพลิง แม้แต่จีนก็ออกมาหนุนนายมาดูโรเช่นกัน
...
*นายกวัยโด ทำอะไรได้บ้าง?
นายกวัยโด เรียกร้องให้ผู้ต่อต้านประธานาธิบดีมาดูโรกับรัฐบาลต่อไปจนกว่าเวเนซุเอลาจะได้รับการปลดปล่อย แต่นอกจากการหวังพึ่งการสนับสนุนจากสหรัฐฯ และชาติลาตินอเมริกาบางประเทศรวมทั้งผู้นำนานาชาติแล้ว เขาไม่มีอำนาจที่จะเปลี่ยนแปลงอะไรได้มากนัก
สภาสมัชชาแห่งชาติที่นายกวยโดเป็นประธาน เป็นหน่วยงานนิติบัญญัติที่แทบจะไร้อำนาจ หลังจากรัฐบาลมาดูโรก่อตั้งสภาร่างรัฐธรรมนูญแห่งชาติในปี 2559 ซึ่งสมาชิกล้วนเป็นฝ่ายรัฐบาลทั้งสิ้น
นายกวัยโดยังพยายามเข้าหาฝ่ายกองทัพ ด้วยการสัญญาว่า เจ้าหน้าที่ความมั่นคงทุกนายจะได้รับการอภัยโทษหากยอมแตกหักกับรัฐบาล แต่ผู้บัญชาการกองทัพหลายคนออกแถลงการณ์ สนับสนุนนายมาดูโร ซึ่งมอบผลตอบแทนให้แก่กองทัพอย่างงามมาตลอด ทั้งการขึ้นเงินบ่อยครั้ง และให้สมาชิกระดับสูงของกองทัพรับตำแหน่งสำคัญ
...
ด้านพลเอกวลาดิเมียร์ ปาดริโด รัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหมเวเนซุเอาลา ยืนยันว่า นายมาดูโรเป็นประธานาธิบดีที่ชอบธรรมตามกฎหมาย ส่วนการตั้งตัวเป็นรักษาการประธานาธิบดีของนายกวัยโดนั้น เป็นความพยายามก่อรัฐประหาร
*เวเนซุเอลาวิกฤติขนาดนี้ได้อย่างไร?
ปัญหาบางเรื่องต้องย้อนกลับไปนานหลายปี แต่ผู้ที่ถูกกล่าวโทษว่าเป็นต้นเหตุมากที่สุดก็คือประธานาธิบดีมาดูโร กับผู้นำคนก่อนอย่างฮูโก ชาเวซ
รัฐบาลสังคมนิยมของพวกเขาครองอำนาจในปี 2542 ในช่วงที่เวเนซุเอลามีความไม่เสมอภาพสูงมาก พวกเขาจึงออกนโยบายต่างๆ ออกมาเพื่อช่วยเหลือคนยากจน เช่น การควบคุมราคาของรัฐบาลชาเวซ ที่ทำให้ราคาสินค้าพื้นฐานจำพวก แป้ง, น้ำมันทำอาหารและกระดาษชำระ ถูกลงกระทั่งคนจนสามารถซื้อหาได้ แต่มาตรการนี้กลับทำให้ผู้ผลิตไม่อาจทำกำไรจากสินค้าเหล่านี้ได้ จนเลิกผลิตไปในที่สุด นำไปสู่การขาดแคลนสินค้าในทุกวันนี้
นักวิเคราะห์ยังโทษมาตรการควบคุมเงินตราต่างประเทศของชาเวซที่ออกในปี 2546 ว่าทำให้ตลาดเงินมืดซื้อขายเงินดอลลาร์เฟื่องฟู เพราะมาตรการดังกล่าวทำให้ชาวเวเนซุเอลาแลกเงินสกุลโบลิวาร์เป็นดอลลาร์ได้ยากหากไม่มีเหตุผลที่ดีพอ และอนุญาตให้แลกเปลี่ยนในอัตราที่กำหนดโดยรัฐบาลเท่านั้น ทำให้พวกเขาหันหน้าเข้าหาตลาดมืด
*ปัญหาใหญ่แก้ไม่ตก
ปัจจุบันหนึ่งในปัญหาเศรษฐกิจใหญ่ที่สุดของเวเนซุเอลาคืออัตราเงินเฟ้อที่พุ่งสูงถึง 1,300,000% ภายในเวลา 12 เดือนนับจนถึงเดือน พ.ย. 2561 ขณะที่โดยเฉลี่ยแล้ว ราคาสินค้าในประเทศจะเพิ่มขึ้นเป็น 2 เท่าในทุกๆ 19 วัน ทำให้ประชาชนไม่สามารถซื้อหาสินค้าพื้นฐาน เช่น อาหาร หรือแม้แต่กระดาษชำระได้
รัฐบาลพยายามหาทางแก้วิกฤติ ทั้งออกธนบัตรใหม่โดยลดจำนวนเลข 0 ลง 5 หลัก, เพิ่มค่าแรงขั้นต่ำจากเดิม 34 เท่า, ขึ้นภาษีมูลค่าเพิ่ม แต่ค่าเงินก็ยังลดลงเรื่อยๆ จนต้องมีการขึ้นค่าแรงขั้นต่ำอีกครั้งจนทำให้เกิดความสงสัยว่า แผนการของรัฐบาลมีประสิทธิภาพหรือไม่ และไม่มีอะไรรับประกันได้เช่นกันว่า หากมีรัฐบาลใหม่ปัญหาเหล่านี้จะคลี่คลาย.