ตระกูลมาลีนนท์
ลูกหลานจีนเลือดมังกร ขึ้นชื่อว่าเป็นพวกรักเผ่าพันธุ์ต้นตระกูลยิ่งชีพ ไม่ว่าจะอพยพออกไปไกลจากแผ่นดินเกิดมากน้อยเพียงใด ก็ยังคงรักษาขนบธรรมเนียมประเพณีเก่าแก่ของชาวจีน ที่สืบทอดกันมาหลายพันปีไว้อย่างเหนียวแน่น ยิ่งเป็นลูกหลานตระกูลเจ้าสัว ที่ อพยพเข้ามาสร้างเนื้อสร้างตัวในแผ่นดินสยาม จนมีฐานะร่ำรวยมั่งคั่งเป็นอันดับต้นๆของเมืองไทยด้วยแล้ว ร้อยทั้งร้อยยังคงสืบสานประเพณีไหว้เจ้ากันทุกบ้าน โดยเฉพาะในช่วงเทศกาลตรุษจีน ซึ่งถือเป็นเทศกาลสำคัญที่สุดของชาวจีนทั่วโลก
ตระกูล จิราธิวัฒน์ มี "นายเตียง แซ่เจ็ง" เป็นบรรพบุรุษต้นตระกูล อพยพจากเกาะไหหลำ ประเทศจีน เข้ามาแสวงหาโอกาสใหม่ๆในเมืองไทย ตั้งแต่ยุคหลังสงคราม โลกครั้งที่หนึ่ง โดยเริ่มสร้างเนื้อสร้างตัวจากร้านขายกาแฟเล็กๆ จนปัจจุบันกลายเป็นตระกูลอภิมหาเศรษฐีแถวหน้าของเมืองไทย เจ้าของอาณาจักรเซ็นทรัล กรุ๊ป มีธุรกิจสยายปีกครอบคลุมหลายด้าน ตั้งแต่ธุรกิจค้าปลีก, ห้างสรรพสินค้า, ศูนย์การค้า, โรงแรม และรีสอร์ต
ในฐานะเจ้าสัวใหญ่ที่มีอาวุโสมากที่สุดของตระกูลเซ็นทรัล "เจ้าสัววันชัย จิราธิวัฒน์" ถ่ายทอดให้ฟังถึงธรรมเนียมปฏิบัติในช่วงเทศกาลตรุษจีนของครอบครัวจิราธิ วัฒน์ ซึ่งยังคงเคร่งครัด และสืบสานมาจนถึงรุ่นปัจจุบัน ว่า ครอบครัวเราจะให้ความสำคัญกับวันตรุษจีน มากที่สุด เพราะถือเป็นวันขึ้นปีใหม่ ลูกหลานทุกคนของตระกูลจิราธิวัฒน์ ไม่ว่าจะอยู่ห่างไกลขนาดไหน ก็ต้องกลับมารวมตัวกันพร้อมหน้า ที่บ้าน ศาลาแดง ถนนสีลม โดยจะรู้กันว่าต้องแต่งกายด้วยเสื้อผ้าสีแดง ซึ่งคนจีนเชื่อว่าทำให้พบแต่ความโชคดี และช่วยขับไล่ปีศาจร้าย ทุกคนในครอบครัวจะเคร่งครัดมากกับการทำพิธีไหว้บรรพบุรุษที่ล่วงลับ เพื่อแสดงความกตัญญู และขอพรให้ปกป้องคุ้มครองครอบครัวให้มีความเจริญรุ่งเรืองผาสุก รวมถึงนำโชคลาภมาสู่สมาชิกทุกคน โดยก่อนถึงวันตรุษจีน ที่บ้านศาลาแดงจะมีการเตรียมงานล่วงหน้าเป็นเดือน จะทำความสะอาดบ้านครั้งใหญ่ เพราะมีความเชื่อว่าเป็นการกวาดสิ่งชั่วร้ายออกไป นอกจากนี้ ยังมีการประดับตกแต่งบ้านด้วยกระดาษสีแดงเขียนตัวอักษรจีนสีทอง ที่สื่อ ความหมายดีๆ เช่น อยู่ดีมีสุข ร่ำรวยเงินทอง อายุยืนยาว และโชคดี
...
สำหรับ สิ่งที่ขาดไม่ได้ในวันตรุษจีนของบ้านจิราธิวัฒน์ ยังรวมถึง ประเพณีการแลกเปลี่ยนส้มซึ่งกันและกัน โดยลูกๆหลานๆจะนำส้มมาไหว้ขอพรปีใหม่จากญาติผู้ใหญ่ ขณะที่ญาติผู้ใหญ่ก็มอบส้มให้เด็กๆ พร้อมแจกอั่งเปา เพื่อแบ่งปันความโชคดี และมอบความสุขความเจริญแก่ลูกหลาน แล้วจึงทานข้าวด้วยกันพร้อมหน้า พอตกเย็นก็เลี้ยงฉลองกันอีกรอบ
ด้าน ตระกูลมาลีนนท์ ถือเป็นอีกหนึ่งตระกูลเลือดมังกรแถวหน้าของเมืองไทย ซึ่งสร้างชื่อเสียงและความร่ำรวยจากการบุกเบิกสถานีโทรทัศน์ช่อง 3 ปัจจุบันอยู่ภายใต้การบริหารงานของ "บอสใหญ่ ประวิทย์ มาลีนนท์" ลูกชายคนที่ 2 จาก 8 คน ของ "เจ้าสัววิชัย มาลีนนท์" ถ้าพูดถึงความเคร่งครัดในการปฏิบัติตามธรรมเนียมเก่าแก่ของลูกหลานจีน ต้องยกให้ครอบครัวมาลีนนท์เป็นผู้นำอันดับต้นๆ โดยเฉพาะในช่วงเทศกาลตรุษจีน จะมีการสืบสานประเพณีการไหว้อย่างเข้มข้น และต่อเนื่องจนถึงรุ่นลูกรุ่นหลาน
ตามธรรมเนียมของตระกูลมาลีนนท์ ช่วงเช้าวันสิ้นปีตามปฏิทินจีน สมาชิกทุกคนในครอบครัว จะต้องมารวมตัวกันที่คฤหาสน์หลังใหญ่ของ "เจ้าสัววิชัย" เพื่อไหว้บรรพบุรุษร่วมกัน และเป็นธรรมเนียมปฏิบัติ ยึดถือมาตลอดว่า ต้องไหว้แบบเหลือกินเหลือใช้ ไม่มีอั้น เพื่อแสดงความกตัญญูกตเวที เพราะปีหนึ่งไหว้บรรพบุรุษแค่ครั้งเดียว ก็เพราะอย่างนี้ การจัดโต๊ะไหว้บรรพบุรุษของครอบครัวมาลีนนท์ จึงยิ่งใหญ่อลังการ เกินบรรยายจริงๆ
อีกหนึ่งธรรมเนียมปฏิบัติทุกปีก็คือ ช่วงหัวค่ำของวันไหว้ สมาชิก ทุกคนของครอบครัวมาลีนนท์ ต้องกลับมาทานอาหารร่วมกันอย่างอบอุ่นพร้อมหน้าอีกครั้ง โดย "เจ้าสัววิชัย" จะเตรียมอั่งเปาไว้แจกลูกหลาน และที่พิเศษแตกต่างจากบ้านอื่นๆคือ เจ้าสัวช่อง 3 ถือคติว่า ชีวิตนี้มีแต่ ให้...ไม่ขอรับ เพราะอยากแบ่งปันความเฮง!! ด้วยเหตุนี้ เจ้าสัวจึงแจกอั่งเปาให้ลูกหลานครบทุกคนตามลำดับอาวุโส โดยไม่ขอรับอั่งเปาแม้แต่ ซองเดียว เพราะถือว่าถึงลูกหลานจะมีอาชีพการงานกันหมดแล้ว แถมยังร่ำรวยมากซะด้วย แต่ก็อยากให้นำเงินตรุษจีนในแต่ละปีไปเก็บไว้เป็นเงินก้นถุง เพื่อสร้างความเจริญรุ่งเรืองเพิ่มพูนขึ้นไปอีกหลายเท่าตัว และเมื่อเจ้าสัววางแนวทางไว้เช่นนี้ พอถึงรุ่นลูกๆ รวมถึง "บอสใหญ่ ประวิทย์" จึงนำมาปฏิบัติกับรุ่นลูกรุ่นหลานด้วยเช่นกัน กลายเป็นประเพณีการให้ที่ไม่มีวันสิ้นสุด
วันขึ้นปีใหม่ตรุษจีนยัง เป็นอีกหนึ่งวันที่สำคัญมาก โดย "เจ้าสัววิชัย" จะเปิดเพลงจีนแต่เช้า เมื่อไหว้พระเสร็จ ก็ไปไหว้ศาลพระภูมิประจำบ้าน เพื่อความเป็นสิริมงคลรับปีใหม่ สำหรับลูกหลานทุกคนจะแต่งตัวด้วยเสื้อผ้าใหม่สีสันสดใส และนำส้มมาไหว้ขอพรจากเจ้าสัวใหญ่ งานนี้มีแต่แจกกับแจกจริงๆ เพราะนอกจากเจ้าสัวใหญ่จะแจกอั่งเปาเป็นของขวัญรับไหว้ลูกหลานทุกคนแล้ว ทุกปียังต้องสั่งต้นท้อคู่ใหญ่จากเกาะฮ่องกง เพื่อนำมาปักแจกัน แล้วติดสลากไว้ตามต้นท้อ ให้ลูกหลานได้สอยดาวลุ้นรางวัลกลับบ้านกันอีกต่อหนึ่ง เรียกว่าเป็นตรุษจีนรับทรัพย์ ลูกเดียว ยิ่งให้ก็ยิ่งมีแต่รวยๆๆ และเฮงๆๆ
นอกจากการสืบสานประเพณีไหว้เจ้าตามธรรมเนียมอันดีงามของลูกหลาน จีนแล้ว ตระกูลเจ้าสัวเลือดมังกรอีกหลายตระกูลในเมืองไทย ก็ยังนำหลักคุณธรรมต่างๆตามคำสอนของบรรพบุรุษจีนมาใช้ในการดำเนินชีวิต จนกลายเป็นคัมภีร์แห่งความมั่งคั่งประจำตระกูล ไม่ว่าจะเป็น ตระกูลล่ำซำ หนึ่งในตระกูลเจ้าสัวลูกหลานแดนมังกร ที่อพยพจากมณฑลกวางตุ้ง ประเทศจีน เข้ามาปักหลักทำมาหากินในเมืองไทยตั้งแต่สมัยรัชกาลที่ 4 โดยมีธุรกิจแรกเริ่มคือ ค้าไม้ และทำโรงเลื่อย ได้รับการเปิดเผยจาก "เจ้าสัวบัณฑูร ล่ำซำ" ประธานเจ้าหน้าที่บริหารธนาคารกสิกรไทย ว่า หลักคุณธรรมสำคัญที่บรรพบุรุษตระกูลล่ำซำยึดถือมาตลอด และยังคงสืบทอดสู่รุ่นลูกหลานเหลนก็คือ "ความซื่อสัตย์ต่อหน้าที่ ถ้าทุกคนปฏิบัติหน้าที่ของตนเองอย่างดีที่สุด และตรงไปตรงมาที่สุด ไม่ว่าจะทำอะไรย่อมได้รับผลลัพธ์ ที่ดีที่สุด"
...
ขณะที่ "เจ้าสัวบุญเกียรติ โชควัฒนา" กรรมการผู้อำนวยการและประธานกรรมการบริหาร บริษัท ไอ.ซี.ซี.อินเตอร์เนชั่นแนล จำกัด (มหาชน) เติบโตมากับคำสอนของบิดา คือ "เจ้าสัวเทียม โชควัฒนา" เจ้าสัวยุค เสื่อผืนหมอนใบ ผู้บุกเบิกสร้างอาณาจักรสินค้าอุปโภคบริโภคใหญ่อันดับหนึ่งของเมืองไทย ภายใต้ เครือสหพัฒน์ฯ โดยเจ้าสัวใหญ่มักเน้นย้ำกับลูกหลานเสมอว่า "คนเราเกิดมาต้องกตัญญูรู้คุณคน และสิ่งสำคัญที่สุดในการดำเนินธุรกิจคือ ความซื่อสัตย์สุจริต มิใช่กำไร"
...
สำหรับ 2 เจ้าสัวเจ้ายุทธจักรธุรกิจเครื่องจักรกลหนักของเมืองไทย "เจ้าสัวทองไทร บูรพชัยศรี" ผู้สร้างอาณาจักรธุรกิจเมโทรแมชีนเนอรี่ กับ "เจ้าสัววิบูลย์ เลาหพงศ์ชนะ" ผู้สร้างอาณาจักรหมื่นล้านจากกองขยะ และบุกเบิกธุรกิจกรุงไทย แทรคเตอร์ ต่างก็ยึดมั่นในหลักคุณธรรมที่สืบทอดมาจากบรรพบุรุษ นั่นคือ "ความกตัญญูรู้คุณคน" เพราะคนเราจะเจริญก้าวหน้าได้ ต้องรู้จักบุญคุณคน นอกจากกตัญญูต่อบรรพบุรุษแล้ว ใครที่เคยมีบุญคุณต่อเราก็ต้องตอบแทนทุกครั้งที่มีโอกาส และรำลึกไว้เสมอว่า เรามีวันนี้ได้เพราะได้รับความเมตตาจาก ผู้มีบุญคุณเหล่านี้
ถ้ามีใครถามว่า อะไรคือคัมภีร์แห่งความสำเร็จของ "เจ้าสัวเจริญ สิริวัฒนภักดี" มหาเศรษฐีอันดับหนึ่งของเมืองไทย ที่ทรงอิทธิพลที่สุดในขณะนี้ ก็อาจจะทึ่งกับคำตอบที่ได้ยินจากปาก "เจ้าสัวน้อย ฐาปน สิริวัฒนภักดี" ลูกชายหัวแก้วหัวแหวน ผู้ถูกวางตัวให้สืบทอดธุรกิจไทยเบฟเวอเรจ ซึ่งได้รับการปลูกฝังจากบิดามาตั้งแต่เล็กแต่น้อย ให้ยึดถือ 4 หลักคุณธรรม ที่สืบทอดจากบรรพบุรุษจีน เพื่อเป็นเข็มทิศนำชีวิต ได้แก่ อดทนถึงจะสำเร็จ, เสียสละจะพ้นภัย, เงียบจะเป็นอรหันต์ และ ร่าเริงทำให้อายุยืน น่าภูมิใจกับบรรพบุรุษจีน ที่แม้เวลาจะผ่านล่วงเลยไปหลายพันปี แต่วิถีแห่งตระกูลเจ้าสัวแดนมังกร ก็ยังคงร่วมสมัย และยืนหยัดต่อเนื่องมาถึงรุ่นลูกหลาน!!
...