“เคพีเอ็น แลนด์” ของตระกูล ณรงค์เดช ออกแถลงการณ์สยบข่าวส่อเบี้ยวหนี้หุ้นกู้ “วัดอรุณฯ” 50 ล้านบาท โดยสองพี่น้อง “กฤษณ์-กรณ์” นำเงินจ่ายคืนหนี้หุ้นกู้ไปมอบให้พระเมธีรัตนดิลก ผู้ช่วยเจ้าอาวาสเรียบร้อยแล้ว แฉที่มาของปัญหาเงินก้อนโตดังกล่าว “ณพ ณรงค์เดช” และอดีตผู้บริหาร ไปออกหุ้นกู้ขายให้วัดอรุณฯ ก่อนที่จะถ่ายโอนเงินที่ได้มาออกไปยังอีกบริษัท

ศึกสายเลือดและมหากาพย์ความขัดแย้งของตระกูลณรงค์เดชยังไม่จบง่าย โดยผู้สื่อข่าวรายงานว่า เมื่อวันที่ 18 ธ.ค. บริษัทเคพีเอ็น แลนด์ (KPN Land) ได้ออกแถลงการณ์ระบุว่า ตามที่มีข่าวเกี่ยวกับบริษัท KPN Land และวัดอรุณราชวรารามราชวรมหาวิหาร กรณีหนี้หุ้นกู้มูลค่า 50 ล้านบาท ซึ่งถูกเผยแพร่สู่สาธารณะโดยไม่ถูกต้องนั้น บริษัท KPN Land ขอชี้แจงข้อเท็จจริงว่า เหตุการณ์ที่เกิดขึ้นเนื่องจากบริษัท เคพีเอ็น เอ็นเนอยี โฮลดิ้ง จำกัด หรือ KPN Energy Holding ได้ใช้นิติกรรมภายใต้ชื่อ บริษัท KPN Land ทำเอกสาร Memo ลงนาม โดยนายณัฐวุฒิ เภาโบรมย์ ซึ่งขณะนั้นดำรงตำแหน่งผู้อำนวยการฝ่ายการเงิน เพื่อขอกู้เงินจากบริษัทหลักทรัพย์เคทีบี ประเทศไทย โดยอ้างเหตุผลว่า บริษัท KPN Energy Holding (ถือหุ้น บริษัทวินด์ เอ็นเนอร์ยี่ โฮลดิ้ง) ซึ่งเป็นบริษัทในกลุ่มเคพีเอ็นขาดสภาพคล่องจึงประสงค์ที่จะขอกู้ยืมเงินจาก KPN Landโดยมีหลักทรัพย์ที่ใช้ค้ำประกันคือหุ้นของบริษัทวินด์ เอ็นเนอร์ยี่ โฮลดิ้ง (Wind Energy Holding) ที่ถือในนามของนางสาวมาลีนา กรกาญจน์ (แม่บ้านของนายณพ ณรงค์เดช) จำนวน 175,500 หุ้น

ทางบริษัทหลักทรัพย์เคทีบี ประเทศไทยได้พิจารณาแล้ว จึงได้เป็นคนกลางออกหุ้นกู้ KPN Land ขายให้วัดอรุณราชวรารามราชวรมหาวิหาร มูลค่าหนี้ 50 ล้านบาท โดยหลังจากที่เงินเข้ามาในบริษัท KPN Land แล้ว ก็ได้มีการเซ็นเช็คสั่งจ่ายไปยังบริษัท KPN Energy Holding ทันที ซึ่งเช็คดังกล่าวลงลายเซ็นโดยนายณพ ณรงค์เดชและนายณัฐวุฒิ เภาโบรมย์

...

อย่างไรก็ตาม การกู้เงินในครั้งนี้ ทำโดยบริษัท KPN Land ซึ่งเป็นนิติบุคคล ซึ่งเป็นบริษัทของตระกูลณรงค์เดช ดังนั้น บริษัทคงต้องแสดงความรับผิดชอบในการไถ่ถอนปลดหนี้หุ้นกู้ดังกล่าว แม้จะไม่ได้เกิดจากการกระทำธุรกรรมที่ถูกต้องตรงไปตรงมา

ดังนั้น เมื่อวันที่ 17 ธ.ค.ที่ผ่านมา นายกฤษณ์ ณรงค์เดช และนายกรณ์ ณรงค์เดช ในฐานะผู้บริหารของ KPN Land พร้อมทั้ง ดร.วิน อุดมรัชตวนิชย์ ประธานกรรมการบริหาร บริษัทหลักทรัพย์ เคทีบี ประเทศไทย ได้เข้าพบเพื่อชี้แจงปัญหาที่เกิดขึ้น กับพระเมธีรัตนดิลก ผู้ช่วยเจ้าอาวาส ในฐานะผู้รับมอบอำนาจในการลงนามของวัดอรุณราชวรารามราชวรมหาวิหาร พร้อมทั้งมอบเงินเพื่อจ่ายคืนหนี้หุ้นกู้ จำนวน 50 ล้านบาท ให้ทางวัดเรียบร้อยแล้ว และได้ถวายปัจจัยเพิ่มเติมเพื่อใช้ในกิจการของวัดอีกจำนวนหนึ่ง

ทั้งนี้ หลังจากที่พระเมธีรัตนดิลกรับทราบถึงเรื่องราว และข้อเท็จจริงที่เกิดขึ้นทั้งหมดแล้ว ได้แนะนำให้บริษัท KPN Land และบริษัทหลักทรัพย์ เคทีบี ประเทศไทย ออกจดหมายชี้แจงถึงเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น เพื่อให้ทุกฝ่ายได้รับรู้ถึงข้อเท็จจริง และให้เข้าใจเกี่ยวกับเรื่องนี้อย่างถูกต้องชัดเจน

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า แถลงการณ์ดังกล่าวเกิดขึ้นหลังเกิดศึกสายเลือดภายในตระกูลณรงค์เดช โดยเกิดความขัดแย้งอย่างหนักระหว่างพ่อลูกและพี่น้องตระกูลณรงค์เดช ภายหลังจากที่นายณพ ณรงค์เดช ลูกชายคนกลางของนายเกษม และคุณหญิงพรทิพย์ (เสียชีวิต) ณรงค์เดช ได้นำพาครอบครัวไปซื้อหุ้นบริษัท Wind Energy Holding เจ้าของโรงไฟฟ้าพลังลมขนาดใหญ่ของไทย จากนายนพพร ศุภพิพัฒน์ เจ้าของหุ้นเดิมที่ขณะนี้หนีคดีอาญาอยู่ในต่างประเทศในปี 2558 โดยครอบครัวณรงค์เดชได้จัดหาเงินทุนและทรัพย์สินหลายรายการให้แก่ นายณพ มูลค่าร่วม 3,000 ล้านบาท เพื่อไปทำธุรกรรมการซื้อขายหุ้นดังกล่าว จนเกิดมหากาพย์การฟ้องร้องตามมาหลายคดี โดยนายณพ ถูกนายนพพร ฟ้องดำเนินคดีทั้งในและต่างประเทศ โดยลากนายเกษมผู้พ่อและคนในตระกูลณรงค์เดช ตกเป็นผู้ต้องหาในคดีฉ้อโกงหุ้น สืบเนื่องจากการที่ นายณพไปผิดสัญญาซื้อขายหุ้นและไม่ชำระเงินค่าหุ้นให้กับผู้ถือหุ้นเดิม และคดีอื่นๆ ตามมา จนครอบครัวณรงค์เดชต้องออกแถลงการณ์ตัดขาดนายณพ เมื่อเดือน เม.ย.ที่ผ่านมา

ผู้สื่อข่าวรายงานอีกว่า ขณะที่เรื่องราวศึกสายเลือด ความขัดแย้งของคนในตระกูลณรงค์เดชยังคงบานปลายรุนแรงมากขึ้น โดยเมื่อวันที่ 12 ธ.ค.ที่ผ่านมา ครอบครัวณรงค์เดช คือนายเกษม ผู้พ่อ พร้อมด้วยนายกฤษณ์พี่ชายคนโต และนายกรณ์ น้องชายคนเล็ก ต้องออกมาเปิดบ้านตั้งโต๊ะแถลงข่าวแฉพฤติกรรมลูกชายคนกลางของตระกูล โดยระบุว่า นายณพได้ดำเนินการให้มีการยักย้ายจำหน่ายจ่ายโอนหุ้นวินด์เอ็นเนอร์ยี่ออกไปยังที่ต่างๆ โดยคนในตระกูลไม่ได้รับรู้ และนายเกษมยังได้ตัดสินใจฟ้องดำเนินคดีอาญานายณพลูกชายตนเอง พร้อมแม่ยายคือคุณหญิงกอแก้ว บุณยะจินดา ในฐานความผิดร่วมกันใช้เอกสารสิทธิปลอม ในสัญญาแต่งตั้งตัวแทนที่อ้างว่าได้ทำขึ้นระหว่างคุณหญิงกอแก้วกับนายเกษมให้มีการโอนหุ้นวินด์เอ็นเนอร์ยี่ จนตกไปอยู่ในมือของคุณหญิงกอแก้ว

ทั้งนี้ นายเกษมยืนยันว่ามีการปลอมลายเซ็นของตนในการทำธุรกรรมการโอนย้ายถ่ายเทหุ้นดังกล่าว แม้ศาลชั้นต้นจะมีคำสั่งไม่ฟ้องไปแล้ว แต่นายเกษม ยืนยันว่าจะอุทธรณ์และต่อสู้ในคดีนี้ให้ถึงที่สุด แม้จะจำยอมต้องทำด้วยความเศร้าใจและเสียใจเป็นที่สุด ขณะที่นายณพยังคงขอให้เวลาเป็นเครื่องพิสูจน์

ต่อมาในช่วงค่ำวันเดียวกัน ผู้สื่อข่าวพยายามติดต่อไปยังนายณพ ณรงค์เดช ทางโทรศัพท์ เพื่อสอบถามข้อเท็จจริงเกี่ยวกับเรื่องที่เป็นข่าว และได้รับการชี้แจงว่า เรื่องนี้เกิดขึ้น 2 ปีกว่าแล้ว และเป็นคดีความที่บริษัทได้มีการฟ้องอดีตผู้บริหารทั้งทางแพ่งและอาญา ถือว่าเรื่องอยู่ในกระบวนการยุติธรรม ไม่ขอแสดงความคิดเห็นใดๆ ส่วนที่ว่ามีการเซ็นเช็คสั่งจ่ายเงินจำนวนดังกล่าวออกจาก KPN Land มาเข้า KPN Energy Holding นั้น ทั้ง 2 บริษัทเป็นบริษัทที่อยู่ในกลุ่มหรือในเครือเดียวกันในขณะที่ตนเป็นผู้บริหาร ซึ่งตอนนั้นก็มีบริษัทให้ดูแลเยอะมาก

...