"วิษณุ" ยันคำสั่ง คสช.ปลดล็อกพรรคการเมือง เปิดทางทำกิจกรรม "หาเสียง-ป้ายคัตเอาต์" ได้จนกว่ามี พ.ร.ฎ.เลือกตั้งออกมา ระบุไม่มีกฎหมายให้ 4 รมต."พลังประชารัฐ" ไขก๊อก
เมื่อวันที่ 11 ธ.ค.61 ที่ทำเนียบรัฐบาล นายวิษณุ เครืองาม รองนายกรัฐมนตรี กล่าวถึงคำสั่ง คสช.ที่ 22 /2561 เรื่องการให้ประชาชนและพรรคการเมืองดำเนินกิจกรรมทางการเมืองว่า ขณะนี้พรรคการเมืองสามารถดำเนินกิจกรรมได้ทุกอย่าง ส่วนที่ต้องแก้ไขคำสั่งทั้ง 9 ฉบับนั้น มีคำสั่งที่เกี่ยวกับเรื่องกิจกรรมทางการเมืองเพียง 2 ฉบับ ส่วนที่เหลือเกี่ยวกับการรายงานตัว และเรื่องธุรกรรมทางการเงิน ตอนนี้พรรคการเมือง สามารถลงพื้นที่พบปะประชาชนได้ ส่วนเรื่องการหาเสียง พ.ร.บ.ประกอบรัฐธรรมนูญ ว่าด้วยการเลือกตั้ง ระบุว่า การหาเสียงจะเริ่มได้ก็ต่อเมื่อมี พ.ร.ฎ.กำหนดวันเลือกตั้งออกมา ส่วนจะหาเสียงอย่างไรนั้น ให้เป็นไปตามวิธีการที่คณะกรรมการการเลือกตั้งกำหนด ดังนั้นในช่วงที่ยังไม่มี พ.ร.ฎ.กำหนดวันเลือกตั้ง ก็สามารถทำกิจกรรมทางการเมืองได้ และไม่ถือว่าเป็นการหาเสียง
เมื่อถามว่า พรรคการเมืองจัดเวทีปราศรัยหรือเรียกประชุม ส.ส.โดยไม่ต้องขอ คสช.ได้เลยใช่หรือไม่ นายวิษณุ กล่าวว่า สามารถทำได้ อยากทำอะไรก็ทำไป และถ้าจะพูดว่าห้ามหาเสียงก็เป็นเรื่องที่พูดยาก เพราะหากพบว่าหาเสียงแล้ว ก็ยังไม่มีกฎหมายมาห้ามไว้ เอาเป็นว่าสิ่งที่เรียกว่าหาเสียง จะเริ่มก็ต่อเมื่อมี พ.ร.ฎ.กำหนดวันเลือกตั้งทุกอย่างจะเข้าสู่ระบบ และจะเริ่มคิดค่าใช้จ่ายกันตั้งแต่วันนั้น อะไรที่เคยคิดว่าอิสระ ก็ต้องมาดูแล้วว่ากติกาการหาเสียงเป็นอย่างไร ขณะนี้ถือว่ายังไม่มีกฎเกณฑ์อะไร
"พูดง่ายๆ ว่าวันนี้คุณจะขึ้นป้ายคัตเอาต์อะไรก็สามารถทำได้ แต่เมื่อมี พ.ร.ฎ.เลือกตั้งก็ต้องเอาลง ตอนนี้ทำกิจกรรมทุกอย่างได้ ภายใต้กฎหมายที่มีอยู่ เช่น เรื่องรักษาความสะอาด ความเป็นระเบียบ ความสงบเรียบร้อย" นายวิษณุ กล่าว
...
เมื่อถามว่า คำสั่งปลดล็อกฉบับนี้ ถือว่าเป็นการปล่อยผีให้พรรคการเมืองใช่หรือไม่ นายวิษณุ กล่าวว่า แล้วแต่คุณจะเรียก เพราะปล่อยหมดแล้วจนไม่มีอะไรเหลือและถือว่าดีกว่าช่วงที่ พ.ร.ฎ.กำหนดวันเลือกตั้งเสียอีก เพราะต้องเข้าไปอยู่ในกฎเกณฑ์ตามกฎหมาย
เมื่อถามว่า เวลานี้พรรคการเมืองแต่ละพรรค สามารถบอกได้เลยใช่หรือไม่ว่า จะสนับสนุนให้ใครเป็นนายกรัฐมนตรี นายวิษณุ กล่าวว่า อยากจะพูดก็พูดไป
เมื่อถามถึงกรณีข้อกังวลการตัดโลโก้และชื่อพรรคออกจากบัตรเลือกตั้ง ซึ่งจะทำให้เกิดความสับสน นายวิษณุ กล่าวว่า ตนทราบข้อกังวล แต่เรื่องนี้เป็นเรื่องของ กกต. รัฐบาลไม่ควรไปพูดอะไร และยืนยันรัฐบาลไม่เคยพูด ไม่เคยสั่งอะไรทั้งสิ้น ซึ่งเหตุการณ์ในการประชุมระหว่าง คสช.กับพรรคการเมือง มีคนพูดถึงข้อกังวลเกี่ยวกับความสับสนเรื่องบัตรเลือกตั้งที่แต่ละเขตใช้เบอร์ไม่เหมือนกัน นายกรัฐมนตรีจึงได้กล่าวสรุปตอนจบว่า หากกลัวว่าเบอร์จำไม่ได้ ก็ต้องหาทางจำให้ได้ ซึ่งต้องเป็นเรื่องของผู้สมัครเองที่ต้องช่วยรณรงค์เรื่องนี้ให้ด้วย ส่วนที่ฝ่ายการเมืองเสนอให้แก้ไขมาตรา 48 พ.ร.บ.ประกอบรัฐธรรมนูญ ว่าด้วยการเลือกตั้ง ส.ส.ให้ใช้เบอร์เดียวกันทั่วประเทศนั้น หากจะยื่นเรื่องคงต้องยื่นมาที่ คสช.ให้ใช้อำนาจตามมาตรา 44 แก้ปัญหา หากใช้กระบวนการตามกฎหมายปกติจะยากลำบาก เนื่องจากการแก้ไขพระราชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญทำได้ แต่เป็นเรื่องที่ยุ่งยาก
นอกจากนี้ นายวิษณุ กล่าวถึงกรณีกระแสกดดันให้ 4 รัฐมนตรี พรรคพลังประชารัฐ (พปชร.) ลาออก โดยระบุว่า "4 รัฐมนตรีที่ไปร่วมกับพรรคพลังประชารัฐไม่มีกฎหมายอะไรกำหนดให้ลาออก แต่ต้องระวังตัว หากถามข้อกฎหมายว่าไม่จำเป็นต้องลาออกจนกว่าจะมีรัฐบาลใช่หรือไม่ ก็บอกว่าใช่ แต่ในความเป็นจริงมนุษย์เราไม่ได้อยู่ได้ด้วยข้อกฎหมายอย่างเดียว แต่อยู่ด้วยอะไรอีกหลายอย่าง ยังมีเรื่องสังคม ความเหมาะสม ที่ต้องหาทางเอาตัวรอดกันเอง ถ้าถามว่าผิดกฎหมายหรือไม่ ไม่ผิด แต่เหมาะสมหรือไม่ ก็แล้วแต่ เพราะเมื่อจับเรื่องนี้มาพูดแล้วก็ต้องดูวัน ดูเวลา หรือที่เรียกว่ากาลเทศะ"