นึกถึง "คน" ให้นึกถึงตัวตน นึกถึง "ภาพ" ก็ให้นึกถึงจิตวิญญาณ ถ้าเราจะถ่ายรูปภาพให้สวย ให้ดูมีชีวิตชีวา และมีมิติหรือมุมมองนั้น ใครว่า...เป็นเรื่องง่าย! เพราะนอกจากที่จะมีแสง มีองค์ประกอบหลักๆ ที่แตกต่างกันของภาพแล้ว แต่ใน "รูปภาพ" นั้น ยังต้องมีสิ่งที่เป็นตัวตน สิ่งที่เป็นเอกลักษณ์เฉพาะบุคคล ของคนๆ นั้นด้วย นี่สิ...ถึงจะเรียกว่า "ภาพคน" หรือที่เราคุ้นหูว่า ภาพ Portrait ...(แฟชั่น "มิสยูนิเวิร์ส 2018" สวมใส่ "ชุดไทย")

วันนี้ ไลฟ์สไตล์ไทยรัฐ จะพาทุกคนไปรู้จักช่างภาพระดับแถวหน้าของเมืองไทย ผู้ที่ได้รับเลือกให้เป็นช่างภาพคนไทยเพียงคนเดียว ที่ได้ถ่ายภาพปกให้กับ "มิสยูนิเวิร์ส 2018" เขามีชื่อว่า "เปิ้ล-วสันต์ ผึ่งประเสริฐ" ผู้ชายวัย 50 กว่าปี ที่บอกกับเราว่า ...ชีวิตนี้คงไม่มีคำว่า "เกษียณ" แล้วอาชีพ "ช่างภาพ" มันมีเกษียณด้วยเหรอ? นี่คือคำตอบ ที่เราต้องย้อนไปที่คำถาม แต่นั่น...คือทัศนะ คือความคิด ที่ออกมาจากจิตวิญญาณของผู้ชายที่เรียกตัวเองว่า "ช่างภาพ"

คุณเปิ้ล ช่างภาพคนดังแห่งแวดวงแฟชั่น ผู้คร่ำหวอดอยู่กับเวทีภาพถ่ายมาตั้งแต่เมื่อ 20 กว่าปีก่อน โดยเริ่มต้นจากการเป็นช่างภาพนิตยสาร ให้กับนิตยสาร "ดิฉัน" เริ่มเล่าให้เราฟังอย่างสนุกสนาน ถึงที่มาของการทำงาน การถ่ายภาพ Portrait รวมถึงการได้มาเป็นช่างภาพให้กับเวทีการประกวดมิสยูนิเวิร์ส 2018 นี้ ว่า

...

20 กว่าปี ประสบการณ์ล้วนๆ

ปกติผมก็จะถ่ายภาพคนและนางแบบอยู่แล้ว โดยเริ่มงานจากการถ่ายให้ดิฉันมาก่อน จากดิฉันประมาณ 20 กว่าปี ตอนแรกก็เริ่มถ่ายทั่วๆ ไปก่อน แต่เราเริ่มรู้สึกว่าชอบถ่ายคน เพราะว่าการถ่ายภาพคน มันมีความรู้สึกร่วมกัน หมายถึงว่า เราได้เรียนรู้คาแรกเตอร์ของเขา เราได้เรียนรู้ว่ามุมมองที่เราชอบเป็นอย่างไร

ถ่ายภาพ Portrait

ในข้อคิดของผม การถ่ายภาพ Portrait คือการพยายามถ่ายทอดคาแรกเตอร์ของเขา แต่เป็นในมุมมองเรา ซึ่งจะผิดกับงานแฟชั่น เพราะงานแฟชั่นจะมีการกำหนดรูปแบบมาโดยตรง ไม่ว่าจะจากหนังสือ จากร้านเสื้อ แล้วเราก็เปลี่ยนแปลงคอนเซปต์ให้ตรงตามแฟชั่นคอนเซปต์เขา แต่การถ่ายภาพ Portrait ไม่ใช่แต่การถ่ายภาพ Portrait มันคือการจับคาแรกเตอร์ของใครก็ได้ ที่เราเรียนรู้จากหน้างาน หรือจากเขามาก่อน แต่ในมุมมองของเรา คือต้องคงคาแรกเตอร์ของเขาไว้ แล้วถ่ายทอดในมุมมองของเรา

เสน่ห์ของ Portrait

มันได้ถ่ายทอด มันสนุก มันได้มีความรู้สึกร่วมกัน ผมถึงชอบถ่ายคน ไม่ชอบถ่ายสิ่งของ เพราะสิ่งของ มันคือแค่ความรู้สึกของเราคนเดียว เราจะแก้ปัญหาอย่างไรกับสิ่งของตรงหน้า แต่การถ่ายคน มันคือการมีความรู้สึกร่วมกัน สำหรับบางคน เราก็ไม่สามารถถ่ายทอดได้เต็มที่ เพราะบางครั้งเขาไม่เปิด เขาปิดความเป็นตัวตนเอาไว้ หรืออาจจะเพราะเขารู้จักเราไม่ดีพอ ซึ่งถ้าเจอแบบนี้ เราก็จะพยายามทำตัวกลางๆ ต่างคนต่างทำงาน และก็แยกย้ายกันไป

...

ครั้งแรกถ่ายให้กับ MUO

นี่คือครั้งแรกของการเป็นช่างภาพ ที่มีโอกาสได้ถ่ายภาพปกให้กับเวทีประกวดมิสยูเวิร์ส หรือ The Miss Universe Organization (MOU) ซึ่งเริ่มต้นคือ เพื่อนที่นิวยอร์กโทรมาบอก ว่ามีเอเจนซี่ติดต่อหาช่างภาพให้กับกองประกวด MOU เขากำลังหาช่างภาพคนหนึ่ง ที่ถ่าย Portrait เกี่ยวกับนางงามต่างๆ เพื่อนถามว่าผมสนใจไหม? แล้วผมก็ตอบไปว่าสนใจ ก็เลยส่งโปรไฟล์และพอร์ตฟอลิโอไปให้เขาดู

...

จากงานเล็ก เป็นงานใหญ่

ตอนแรกผมไม่รู้เลยด้วยว่า มิสยูนิเวิร์ส 2018 ปีนี้จะมาจัดที่ประเทศไทย เพื่อนบอกมาก็ส่งไป ปรากฏว่าพอเขาดูงานที่เราส่งไปให้ เขาก็ชอบและก็ตอบตกลง จากนั้นก็ติดต่อกันมาเกือบ 2 เดือน เพราะเราต้องส่งโปรแกรมการทำงาน การถ่ายภาพให้กับเขา ทุกอย่างก็ผ่านพ้นไปด้วยดี พอทีมงานมาถึงเมืองไทย เราเริ่มมีการประชุมกัน งานนี้ผมก็เลยได้รู้ว่า จากงานเล็กๆ ก็เป็นงานใหญ่เหมือนกัน เพราะการคุยงานในครั้งนี้ เราก็ไม่ได้ผ่านบริษัทจัดงานมิสยูนิเวิร์สเลย เพราะงานนี้ถือเป็นงานของทาง MUO กลายเป็นว่า เราได้ทำงานกับบริษัททางนิวยอร์ก

รูปแบบการทำงาน

ผมต้องตื่นประมาณตี 4-5 ของทุกวัน เพื่อมาส่งรูปให้ทางเขา เพราะเวลากรุงเทพฯ กับนิวยอร์กตรงกัน เขาก็จะมีสัญญาให้เสร็จเลยว่า ในแต่ละวันคุณต้องทำอะไรบ้าง คุณต้องส่งงานวันนี้ รีทัชภาพส่งวันนี้ และส่งในเวลาของนิวยอร์กกี่โมง ผมก็ต้องไปที่ดุสิตธานีตอนเช้าทุกวัน และล่าสุดทาง MUO Official ก็ได้ลงภาพไปแล้ว คือเขาจะเอารูปเหล่านี้ไปลงในเว็บไซต์ Miss Universe Offical ที่ missuniverse.com และเขาก็จะทำเป็นเล่มของเขา เพื่อเอามาแจกในวันที่ 17 ธ.ค.นี้

...

กิจกรรมแรกสาวงาม 94 ประเทศ

สาวงามจากทั่วโลกทั้งหมด 94 ประเทศ เดินทางมาที่ประเทศไทย พอมาถึงทุกคนก็จะต้องไปลงทะเบียน และเข้าพักที่โรงแรมดุสิตธานี ซึ่งกิจกรรมแรกของเขา คือการมาถ่ายรูปกับผม ซึ่งวันที่ 29 พ.ย. ที่ผ่านมา ผมได้ไปพรีไลท์ให้เขาดู จากนั้นวันที่ 30 พ.ย.-3 ธ.ค. ผมก็เริ่มถ่ายเต็มที่เลย เขาก็จะมีบูธแต่งหน้าของเขาที่มาจากนิวยอร์กทั้งหมด ช่างหน้า ช่างผม ก็จะมาจากที่ต่างๆ ทั่วอเมริกา ไม่ใช่ของประเทศไทย คือเขาจะทำของเขาเอง และในกิจกรรมของผม ก็จะมีบูธช่างแต่งหน้า ช่างทำผม มีสตูดิโอของผม และอีกฝั่งก็จะเป็นฟิตติ้งทีมเสื้อผ้าที่มาจากนิวยอร์ก

คอนเซปต์ถ่าย Portrait

เขาส่งคอนเซปต์มาว่า ให้เป็น Portrait ของนางงามที่ดูสวย งามสง่า แต่ผมไม่ได้คิดว่า เราจะจัดตั้งไฟแบบเดียวกัน การจัดไฟในการถ่ายรูป มันไม่สามารถที่จะถ่ายได้กับทุกคน ในความคิดผม การตีโจทย์การถ่ายภาพ Portrait ของผม ไม่สามารถใช้แสงเดียวกันได้ เมื่อเราไปพรีไลท์ให้กับทาง MUO เขาก็เริ่มเห็นแล้วว่า จริงๆ แล้ว เราเหมือนเป็นการตีความ แล้วก็ตีคาแรกเตอร์ของนางงาม ซึ่งทั้งหมดเกิดจากประสบการณ์ของผม ผมก็จะเตรียมไปไว้ในหัวประมาณ 4-5 แบบ

เรียนรู้คาแรกเตอร์นางงาม

ผมก็ต้องอธิบายในนางงามเข้าใจว่า เราต้องการเรียนรู้คาแรกเตอร์ของเขา เราไม่สามารถที่จะจัดไปได้เลยว่า คนนี้จะต้องเป็นไฟเหมือนกันหมด ไม่ใช่อย่างนั้น คนมาหน้างาน ผมก็จะรู้ว่าควรถ่ายเขาเป็นแบบไหน เราก็จะคุยเพื่อให้เขารู้สึกเป็นกันเองกับเรา แต่ 94 คนที่ถ่ายมา ก็มีที่ยังพลาดบ้าง ก็จะขอถ่ายใหม่กันไป อย่างคนที่ถ่ายไปวันแรก เขาอาจจะไม่ค่อยดี เราก็ขอถ่ายเขาใหม่ เขาก็กลับมาให้ อาทิ เปรู ฟิลิปปินส์ ไอซ์แลนด์ กัวเตมาลา จาเมกา

ถ่ายนางงาม...ไม่สวย

พอเราดูที่หน้าจอคอมพิวเตอร์แล้ว เราก็รู้ว่ารูปมันไม่ตรงใจเรา หรือไม่ต้องใจเขา ก็จะสังเกตจากหน้างานในแต่ละหน้างาน ในวันแรกทีมจาก MOU เขาก็ไม่รู้การทำงานเป็นแบบไหน เขาก็จะให้ทำให้เสร็จเร็วๆ แต่ผมก็บอกเขานะ อย่างมีวันนึงเวลาประมาณ 1-2 ทุ่มได้ ผมรู้เลยว่า ผมไม่สามารถทำนางงามอีก 5-6 คนสุดท้ายได้สวยแล้ว ผมก็ขอถ่ายวันรุ่งขึ้นแทน

ผมถ่ายนางงามผิวสี ได้สวยทุกคน

ที่ว่าไม่สวย ก็เพราะว่าสายตาช่างภาพ มันมองแล้วว่าไม่สวย เราไม่ได้ถ่ายเหมือนการถ่ายภาพสำเร็จรูป เราถ่ายด้วยอารมณ์ หรือการเรียนรู้ในมุมมองของเรา ประมาณ 5-6 คนสุดท้าย ก็จะโดนถ่ายใหม่หมด นี่คือสไตล์การทำงานในวันแรก แต่พอวันที่ 2-3 หลัง ทีมงานเขาก็เริ่มให้เวลากับเรามากขึ้น เพราะว่าเราต้องใช้เวลาในการจัดไฟ สุดท้ายเราได้รับคำชมว่า...ผมถ่ายนางงามผิวสี ได้สวยทุกคน

ที่มา..."เปิ้ลดิฉัน"

ผมชื่นชอบการถ่ายรูป 20 กว่าปีที่อยู่กับดิฉันมา ทำให้คนรู้จักเราว่า "เปิ้ลดิฉัน" แต่พอปี 2551 ผมตัดสินใจลาออก มันเพราะอิ่มตัว ก็เลยออกมาเป็นฟรีแลนซ์ ออกมาทำทุกอย่าง ออกมาปรับเปลี่ยนทัศนคติใหม่ๆ ถ่ายรูปอะไรก็ได้ แต่ขอให้มีความสุข เพราะว่าการทำงานประจำมากๆ มันก็มีความเครียดติดอยู่ ก็เลยออกมาคิดใหม่ทำอะไรก็ได้ให้ตัวเองมีความสุข มาเจอคนใหม่ๆ บ้าง ก็มีแสดงผลงานของตัวเองบ้าง และก็เป็นฟรีแลนซ์ประจำให้กับ Vogue และเป็นอาจารย์สอนถ่ายภาพที่ ม.ศิลปากร และ ม.กรุงเทพ

งานชิ้นสุดท้าย...คืองานที่ดีที่สุดในชีวิต

งานถ่านมิสยูนิเวิร์สนี้ ผมถือว่าเป็นส่วนหนึ่งเป็นเครดิตที่ดีกว่า พองานมันสนุกแล้ว ทุกอย่างก็คืองาน เคยมีคนถามผมว่า งานอันไหนคือที่สุด? ผมก็จะบอกว่า...งานชิ้นสุดท้ายแหละคือดีที่สุด เพราะว่ามันผ่านอะไรมาเยอะ ผ่านประสบการณ์ เพราะงานชิ้นที่แล้วเราอาจจะมีปัญหา เราก็อาจจะเอาปัญหาจากครั้งที่แล้วมาแก้งานปัจจุบัน มันก็เหมือนมีประสบการณ์ในการแก้ปัญหาด้วย ก็ถ้าถามว่างานชิ้นไหนดีที่สุด ชอบงานชิ้นไหนมากที่สุด ก็คงจะเป็น "งานชิ้นล่าสุด" เพราะยังไงเราก็ยังจะต้องถ่ายรูปต่อไป

ถ่ายภาพ มันคือคาแรกเตอร์

คิดที่จะถ่ายภาพไปเรื่อยๆ บางทีเวลาไม่มีใครจ้าง เราก็ไปถ่ายของเราเอง หาเรื่องใหม่ๆ ทำ อย่างเดี๋ยวนี้ ก็จะมีเวทีของเราเองในโซเชียล ไม่ว่าจะเป็นไอจี เฟซบุ๊ก เราก็อาจจะลงภาพใหม่ๆ ก็สามารถขายตัวเองได้ในยุคนี้ แต่เราก็จะต้องพยายามสร้างคาแรกเตอร์ของเรา คือเทคนิคการถ่ายรูป การจัดไปก็เป็นพื้นฐานหนึ่ง แต่เรื่องของรสนิยม คาแรกเตอร์เรา มันต้องสร้างให้ได้ด้วยตัวเอง

นอกจากนี้ คุณเปิ้ล ยังบอกกับ ไลฟ์สไตล์ไทยรัฐ อีกว่า การถ่ายภาพบ้านเรา ณ ปัจจุบันก็สนุกขึ้นเยอะ เพราะสมัยนี้มือถือใครๆ ก็สามารถถ่ายรูปได้ แต่การจะเป็น ช่างภาพที่ดี ต้องเป็นอย่างไรนั้น คุณเปิ้ลบอกว่า 

1. ต้องมีคาแรกเตอร์ของตัวเอง

2. ต้องมีหลักการในการทำงาน เราจะต้องเจอคนหมู่มาก ฉะนั้นก็จะต้องมีทัศนติในแง่บวก ที่เราสามารถทำงานกับเขาได้เป็นทีมเวิร์ก

3. ต้องไม่ท้อถอย ทำในสิ่งที่เรารักไปเรื่อยๆ อีกหน่อยก็สามารถทำได้ดีเอง แต่บางทีของพวกนี้ก็จะต้องใฝ่รู้ด้วย

ภาพ Portrait ที่ดี ต้องเป็นอย่างไร?

Portrait ที่ดี คือเราสามารถถ่ายทอดคาแรกเตอร์ของคนที่เราต้องการถ่ายออกมา ให้ตรงกับความต้องการเป็นอันดับหนึ่ง อันดับสองคือตัวของช่างภาพ สมมติว่าไม่มีใครรู้เลยว่าดีหรือไม่ดี แต่ถ้าเกิดว่าตัวเราเองรู้ว่ารูปอันนี้ มันมีคาแรกเตอร์ของเขา แสงเงา มันมีมิติให้เราเห็น อันนี้คือเรารู้ด้วยตัวเราเอง ซึ่งสมัยนี้ Photoshop สามารถทำได้หมด ยกเว้น "สายตา ฟิลลิ่ง อารณ์ ความรู้สึก" ที่ไม่สามารถรีทัชได้

งานยากที่สุด

คนที่ไม่เปิดโอกาสให้เรา ทำอะไร ก็ไม่ได้ หรือทำยังไง ก็ไม่ชอบ ซึ่งอันนั้นก็จะยากสำหรับเราหน่อย ส่วนเราเองก็ต้องแก้ปัญหาเฉพาะหน้าให้เก่งด้วย แต่ถ้าทำไม่ได้จริงๆ ก็ทำเป็นกลางๆ เอาไว้ บางครั้งก็เคยบ่นกับตัวเอง ไม่ก็บ่นให้ผู้ช่วยฟัง หรือเพื่อนฟัง เพราะบางครั้งเราเสียดาย แต่บ่นมากสุดก็แค่ 2-3 วันแล้วก็เลิก คือเราไม่สามารถที่จะถ่ายคนให้สวยได้ทุกคน แต่เราสามารถทำให้รูปดีที่สุดในสายตาเราได้

นี่คือคำตอบ...ของผู้ชายที่ชื่อ "เปิ้ล วสันต์" ช่างภาพที่รังสรรค์ภาพคนได้สวยงามที่สุดในประเทศไทย โม้...รึเปล่า อันนี้ต้องให้คุณๆ เป็นคนตอบเอง แต่สำหรับเราแล้ว สวยทุกมุม สวยทุกคนจริงๆ 

อ่านข่าว "แฟชั่น" ชุดว่ายน้ำ "มิสยูนิเวิร์ส 2018"