กำนันที่ขอนแก่น แต่งเครื่องแบบเต็มยศ บุกศูนย์ดำรงธรรม ร้องขอความเป็นธรรม หลังถูกจับกุมในคดียาเสพติด ระบุถูกยัดยาบ้า จากปมความขัดแย้งระหว่างเจ้าตัวกับผู้ช่วยป้องกันจังหวัด หัวหน้าชุดจับกุม จึงต้องสู้เพื่อปกป้องศักดิ์ศรี

เวลา 10.45 น. วันที่ 11 ธ.ค.61 ที่ศูนย์ดำรงธรรม ชั้น 1 ศาลากลาง จ.ขอนแก่น นายพิไชย ธรแสน กำนัน ต.บ้านโคก อ.โคกโพธิ์ไชย จ.ขอนแก่น ได้แต่งเครื่องแบบกำนันเต็มยศ เดินทางเข้ายื่นหนังสือเพื่อร้องขอความเป็นธรรมให้กับตนเองและครอบครัว หลังถูกเจ้าหน้าที่ชุดจับกุมยาเสพติดของฝ่ายปกครอง จ.ขอนแก่น และกำลัง อส.เข้าทำการตรวจค้นบ้านพักส่วนตัว ก่อนที่เจ้าหน้าที่ระบุว่าพบยาบ้า 45 เม็ดซุกซ่อนไว้ภายในบ้าน ทั้งที่ก่อนหน้านี้มีการตรวจค้นแล้วถึง 3 ครั้งในจุดเดียวกันแต่ไม่พบ สร้างความสงสัยให้กับตนเองและครอบครัวอย่างมาก 
โดยมีชาวบ้านกว่า 30 คนที่มาให้กำลังใจ

นายอลงกต วรกี ปลัดจังหวัดขอนแก่น ได้ลงมารับเรื่องพร้อมทั้งตรวจสอบเอกสารหลักฐานการร้องเรียนดังกล่าว พร้อมตรวจสอบรายชื่อผู้ที่มีลายมือชื่อปรากฏในเอกสารร้องเรียนว่าได้เดินทางมาร้องเรียนในครั้งนี้จริงหรือไม่ ท่ามกลางการรักษาความปลอดภัยของเจ้าหน้าที่ตำรวจ ทหาร และฝ่ายปกครอง เพื่อป้องกันไม่ให้เกิดเหตุการณ์ความรุนแรงหรือเหตุการณ์บานปลายใดๆ ขึ้น


...

นายพิไชย ธรแสน อายุ 59 ปี กำนัน ต.บ้านโคก กล่าวว่า เหตุการณ์ดังกล่าวเกิดขึ้นเมื่อวันที่ 6 ธ.ค.ที่ผ่านมา ในขณะนั้นครอบครัวยังคงพักผ่อนอยู่ในบ้านพัก ได้มีผู้ช่วยป้องกันจังหวัดขอนแก่น พร้อมกำลัง อส. 3 นาย แสดงบัตรประจำตัว ป.ป.ส.เพื่อขอตรวจค้นยาเสพติดภายในบ้านพัก ซึ่งตนเองในฐานะผู้นำชุมชนก็แสดงความบริสุทธิ์พาเจ้าหน้าที่ตรวจค้นบ้านพักทุกซอกทุกมุม จนกระทั่งเจ้าหน้าที่ไม่พบสิ่งผิดปกติใดๆ โดยก่อนที่เจ้าหน้าที่จะเดินทางกลับนั้น ได้ชวนหัวหน้าชุดฯ และกำลัง อส. นั่งทานกาแฟ และขนมอยู่ที่บริเวณหน้าบ้าน โดยมีเพียงลูกสะใภ้เลี้ยงลูกอยู่ภายในบ้านเท่านั้น

ระหว่างที่กำลังนั่งพูดคุยกันอยู่นั้น ลูกสะใภ้ได้ตะโกนเรียกว่ามีเจ้าหน้าที่ อส.เดินเข้ามาในบ้านโดยพลการ โดยที่ขณะนั้นตนเองและภรรยาไม่ทราบเรื่อง จึงรีบเดินเข้ามาในบ้าน ก่อนที่ อส.คนหนึ่งจะแจ้งว่าพบยาบ้า 45 เม็ดซุกซ่อนอยู่ จึงทำให้เชื่อว่าผิดสังเกตอย่างมากกับเหตุการณ์ในครั้งนี้ อีกทั้งในจุดดังกล่าวตรวจค้นมาแล้ว 3 รอบก็ไม่พบอะไร จึงเชื่อว่าครอบครัวถูกเจ้าหน้าที่ปกครองที่นำโดยผู้ช่วยป้องกันจังหวัดนั้นยัดยาบ้าอย่างแน่นอน


“ผมเป็นผู้ใหญ่บ้านมา 30 ปี วันนี้ดำรงตำแหน่งกำนัน ต.บ้านโคก โดยในเดือน มิ.ย.2562 ก็จะครบวาระแล้ว ที่ผ่านมาผมและครอบครัวไม่มีส่วนเกี่ยวข้องกับยาเสพติดใดๆ มาตลอดทั้งชีวิต แต่ทำไมชุดจับกุมต้องมาทำกันอย่างนี้ วันนี้จึงเดินทางเข้ามาร้องเรียนกับศูนย์ดำรงธรรมขอนแก่น เพื่อวิงวอนให้ผู้ว่าราชการจังหวัดขอนแก่นเข้ามาตรวจสอบข้อเท็จจริง และทำความจริงให้ปรากฏ เพราะชาวบ้านทั้งอำเภอ รวมทั้งหน่วยงานราชการต่างๆ ที่ทำงานร่วมกันในพื้นที่ต่างๆ ยังคงต้องการความจริงในเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น ซึ่งในเรื่องของคดีความ ขณะนี้ผมและภรรยาที่ถูกผู้ช่วยป้องกันจังหวัดตั้งข้อกล่าวหา อยู่ในระหว่างการประกันตัวในชั้นศาล โดยครอบครัวและญาติพี่น้องได้นำที่ดินเป็นหลักทรัพย์รวม 1,300,000 บาท มาเป็นหลักทรัพย์ในการประกันตัว"

กำนันฯ กล่าวด้วยว่า การจับกุมครั้งนี้ครอบครัวเชื่อมั่นว่าเป็นปมขัดแย้งที่ชาวบ้านนั้นมีกับผู้ช่วยป้องกันจังหวัดขอนแก่น เพราะเมื่อเดือน ธ.ค.2560 ผู้ช่วยป้องกันจังหวัดขอนแก่น ขณะนั้นดำรงตำแหน่งปลัดอำเภอที่ อ.โคกโพธิ์ไชย มีส่วนพัวพันกับการตัดไม้ในพื้นที่บริเวณบ้านพักและด้านหลังที่ว่าการอำเภอไปใช้ประโยชน์ส่วนตัว ซึ่งครั้งนั้นชาวบ้านทราบเรื่องและได้มาแจ้งให้กับตนได้รับทราบ 

ในเรื่องดังกล่าว เมื่อชาวบ้านมาแจ้งถึงพฤติกรรมของปลัดอำเภอ ตนเองในฐานะผู้นำชุมชน จึงได้สอบถามข้อเท็จจริงและมีการทำเรื่องเพื่อให้ตรวจสอบพฤติกรรมของปลัดอำเภอนี้ โดยทำเรื่องผ่านนายอำเภอโคกโพธิ์ไชยและผู้ว่าราชการจังหวัด จนทำให้ปลัดอำเภอฯ ย้ายออกนอกพื้นที่ไป

จนกระทั่งวันนี้ได้ย้ายกลับมารับตำแหน่งผู้ช่วยป้องกันจังหวัด และได้นำกำลัง อส.ไปตรวจค้นบ้านพักของตนเองและมาระบุว่าพบยาบ้าภายในบ้าน ซึ่งคดีขณะนี้ตนเองประกันตัวออกมาได้แล้ว จึงขอสู้คดีให้ถึงที่สุด เพื่อยืนยันความบริสุทธิ์ให้กับตนเองและครอบครัว และจากเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นจึงอยากให้ผู้บังคับบัญชาสูงสุดระดับจังหวัดคือผู้ว่าราชการจังหวัดได้มาตรวจสอบข้อเท็จจริงในเรื่องนี้อย่างเร่งด่วนด้วย


...

ขณะที่ นายอลงกต วรกี ปลัดจังหวัดขอนแก่น กล่าวว่า ได้สั่งการให้เจ้าหน้าที่ศูนย์ดำรงธรรมขอนแก่นตรวจสอบเอกสารอย่างละเอียด โดยเฉพาะบุคคลที่เดินทางมาให้กำลังใจที่อาจมีรายชื่อตกหล่นและให้ลงลายมือชื่อให้ครบทุกคน เพื่อนำไปสู่ขั้นตอนของการสืบสวนสอบสวนข้อเท็จจริงในเรื่องที่เกิดขึ้น ทั้งนี้ ยืนยันในการให้ความเป็นธรรมกับทุกฝ่าย แต่ทั้งหมดต้องเป็นไปตามขั้นตอนในการทำงานของศูนย์ดำรงธรรม.