กลับมาเป็นที่ฮือฮาของชาวโลกอีกครั้ง เมื่อวันที่ 7 พ.ย.61 มีการตีพิมพ์รายงานจากนักวิจัยมหาวิทยาลัยฮาร์วาร์ด 2 คนถึง Oumuamua (อูมัวมัว) วัตถุแรกที่มาจากนอกระบบสุริยะ กับการเคลื่อนที่ด้วยความเร็วสูงมาก ถึงประมาณ 87.3 กม.ต่อวินาที ว่าอาจเป็นยานอวกาศของมนุษย์ต่างดาว ตามความคิดเห็นของปรมาจารย์ด้านฟิสิกส์และนักจักรวาลวิทยาชื่อดังของโลกที่ล่วงลับไปแล้วอย่าง ศาสตราจารย์ สตีเฟน ฮอว์กกิ้ง และทำให้อูมัวมัวเป็นที่สนใจทั่วโลกเมื่อปลายปี พ.ศ.2560
ข้อสันนิษฐานใหม่เกี่ยวกับอูมัวมัวมีโอกาสเป็นจริงแค่ไหน อูมัวมัวเคลื่อนที่เร็วได้ด้วยวิธีใด วงการวิทยาศาสตร์ไทยล่ะรู้สึกอย่างไรกับข่าวนี้ ผู้ที่จะมาไขความกระจ่างในวันนี้ คือ รศ.ดร.ชัยวัฒน์ คุประตกุล กูรูและผู้คร่ำหวอดด้านวิทยาศาสตร์ของไทย
อูมัวมัว ส่อแววยานอวกาศเอเลี่ยน แวะโลกครั้งเดียว อีก 2 หมื่นปีออกนอกระบบสุริยะ
โดยคำถามแรกที่คนไทยอยากรู้ที่สุดคงหนีไม่พ้น อูมัวมัวใช่ยานอวกาศของมนุษย์ต่างดาว หรือเอเลี่ยนหรือไม่ รศ.ดร.ชัยวัฒน์ ให้ความเห็นว่ามีแนวโน้มเป็นไปได้ที่จะเป็นยานอวกาศ จากมนุษย์ต่างดาว แต่ยังไม่ถือว่าเป็นบทสรุปที่จะรับได้เต็มที่ แต่ปรากฏการณ์ล่าสุดนี้มีประเด็นใหญ่ท่ีน่าสนใจในเหตุผลหนึ่ง ทำไมทีมนักวิจัยจึงสรุปว่าอาจเป็นยานพลังแสงสุริยะของมนุษย์ต่างดาว
...
ซึ่ง รศ.ดร.ชัยวัฒน์ อธิบายเพิ่มอย่างเข้าใจง่ายๆ ว่า จากการศึกษามาอย่างละเอียดของข้อมูลของโครงการ Breakthrough Listen นำทีมโดย สตีเฟน ฮอว์กกิ้ง ที่ระบุว่า อูมัวมัว วัตถุแรกที่มาจากนอกระบบสุริยะ โผล่ให้เห็นเมื่อเมื่อกลางเดือนตุลาคม พ.ศ.2560 หลังลงพิมพ์รายงานในวารสารเนเจอร์ ฉบับวันที่ 20 พ.ย. 2560 ก็ทำให้คนทั่วโลกสนใจ ตื่นเต้นกันมาก ถูกยกให้เป็นวัตถุแรกสุดจากนอกระบบสุริยะอย่างแน่นอน
และถูกกำหนดให้เป็นวัตถุประเภทใหม่ คือ Interstellar Object ด้วยทีแรกเข้าใจว่าเป็นดาวหาง แต่ต่อมาหลังศึกษาอย่างละเอียดพบว่าไม่มีลักษณะเป็นแบบดาวหาง จึงสรุปว่าเป็นดาวเคราะห์น้อย และเชื่อว่าเป็นวัตถุที่ไม่อยู่ในระบบสุริยะ มีต้นกำเนิดมาจากนอกระบบสุริยะอย่างแน่นอน และแวะโลกเพียงครั้งเดียว แล้วในที่สุดก็จะเดินทางออกจากระบบสุริยะในอีกประมาณ 2 หมื่นปี โดยจะไม่กลับมาอีก เนื่องจากวิถีการเคลื่อนโคจรของอูมัวมัวเป็นแบบไฮเปอร์โบลา
ไม่พบสัญญาณการสื่อสาร ไม่ได้แปลว่า ไม่ใช่ยานอวกาศมนุษย์ต่างดาว
อีกทั้งจากความหมายของชื่อ อูมัวมัว ซึ่งเป็นภาษาฮาวาย แปลว่า “ทหารแนวหน้า“ หรือ “หน่วยสอดแนม“ หรือ “ลูกเสือ“ ยิ่งเอื้อให้เข้าใจว่าเบื้องหลังการเดินทางมาเยือนโลกของอูมัวมัวอาจจะมีมนุษย์ต่างดาวหนุนหลังดังที่คอวิทยาศาสตร์ไทยสงสัย ซึ่ง รศ.ดร.ชัยวัฒน์ ให้เหตุผลไว้
ถึงแม้ได้มีการใช้กล้องโทรทรรศน์วิทยุขนาดใหญ่ของกรีนแบงก์ (Green Bank Telescope) สำรวจอูมัวมัวเมื่อกลางเดือน ธ.ค.2560 เพื่อตามล่าหาข้อเท็จจริงว่าเป็นยานอวกาศและมีมนุษย์ต่างดาวอยู่จริงไหม และผลตรวจสอบไม่พบสัญญาณชวนสงสัย เพราะหากมีมนุษย์ต่างดาวจริงจากนอกระบบสุริยะ ก็อาจมีการใช้สัญญาณคล้ายวิทยุในการสื่อสารกัน แต่การสืบหาความจริงก็มีโอกาสเปลี่ยนแปลงได้ และยังเป็นปริศนาที่นักวิทยาศาสตร์โลกต้องวิเคราะห์ต่อไป
...
“รูปร่างอูมัวมัวยาวประมาณ 400 เมตร กว้าง 40 เมตร คล้ายซิการ์ ถือเป็นรูปร่างที่ไม่ปกติธรรมดาของดาวหาง หรือดาวเคราะห์น้อยทั่วไป แต่รูปร่างจริงๆ ยังไม่ทราบ เนื่องจากมีขนาดเล็ก แม้แต่กล้องโทรทรรศน์ก็จับภาพได้ไม่ละเอียด การตรวจไม่พบสัญญาณการสื่อสาร ก็ไม่ได้แปลว่าจะไม่ใช่ยานอวกาศของมนุษย์ต่างดาว เพราะสัญญาณนี้อาจหยุดการทำงานไปก็ได้ หรือเป็นสัญญาณชนิดที่กล้องโทรทรรศน์วิทยุของโลกตรวจจับไม่ได้” รศ.ดร.ชัยวัฒน์ กล่าว
เหตุผล 2 นักวิจัย อูมัวมัวเคลื่อนที่ไว มั่นใจใช่ยานอวกาศมนุษย์ต่างดาว
รศ.ดร.ชัยวัฒน์ เล่าต่อว่า Professor Abraham Loeb หัวหน้าแผนกดาราศาสตร์ ของฮาร์วาร์ด กับ Shumuel Bialy นักดาราศาสตร์ที่ฮาร์วาร์ด ผู้เขียนรายงานเผยแพร่เมื่อวันที่ 7 พ.ย. 61 ที่ทำให้อูมัวมัวกลับมาเป็นข่าวคึกโครมอีก เสนอความคิดจากการศึกษาว่า อูมัวมัวมีความเป็นไปได้ที่จะเป็นยานอวกาศของมนุษย์ต่างดาวจากรูปร่างแบบซิการ์ที่ไม่เป็นธรรมชาติ
และจากความเร็วของการเคลื่อนที่ ซึ่งผิดจากธรรมชาติของวัตถุในระบบสุริยะ เพราะแทนที่อูมัวมัวจะเคลื่อนที่ช้าลงหลังจากเข้าใกล้ดวงอาทิตย์มาแล้ว ดังเช่นดาวหาง แต่กลับมีความเร็วมากขึ้น ซึ่งจะเป็นไปได้ ถ้าผิวของอูมัวมัวบางมาก และรับพลังงานจากโฟตอนของแสงอาทิตย์คล้ายกับเป็นยานเรือใบอวกาศ หรือ Space solar sail
...
“อูมัวมัวเดินทางมาไกลได้เพราะอาจสร้างมาด้วยวัสดุพิเศษ ซึ่งเป็นอะไรไม่รู้ ไม่ได้เกิดจากธรรมชาติ อาจเป็นยานอวกาศที่มนุษย์ต่างดาวสร้างขึ้นมา มันเคลื่อนที่ได้ด้วยแสงอาทิตย์ที่เร็วผิดธรรมชาติที่ไม่ธรรมดา ไม่มีคำอธิบายจากธรรมชาติ และมีผิวบางมากเพียงแค่ 0.3-0.9 มิลลิเมตร ก็คล้ายๆ กับสิ่งที่มนุษย์พยายามจะทำคือ สเปซ โซลาร์ เซลล์ หรือเรือใบอวกาศ ที่ไม่ใช้ลมเป็นตัวพัดขับเคลื่อน แต่ขับเคลื่อนด้วยพลังงานแสง คือโฟตอนจากเลเซอร์ เพื่อไปสำรวจดาวอื่นนอกโลก” รศ.ดร.ชัยวัฒน์ กล่าว
มนุษย์เปิด war คิดส่งยานจิ๋ว เร็ว 20% ของความเร็วแสง สำรวจมิติที่ 4
ซึ่งสิ่งที่เป็นความพยายามของมนุษย์ครั้งใหม่เพื่อค้นหาสิ่งมีชีวิตนอกโลกตามที่ รศ.ดร.ชัยวัฒน์ กล่าวไว้คือ โครงการ Breakthrough Starshot ที่เกิดขึ้นเมื่อปี 59 ที่ได้รับการผลักดันจาก 3 บุคคลสำคัญของโลก คือ สตีเฟน ฮอว์กกิ้ง นักฟิสิกส์ชื่อดังผู้ล่วงลับ ร่วมด้วย มาร์ค ซัคเคอร์เบิร์ก ผู้ก่อตั้งเฟซบุ๊ก และยูริ มิลเนอร์ มหาเศรษฐีชาวรัสเซีย นักลงทุนผู้สนใจทางวิทยาศาสตร์
...
*มนุษย์กำลังสร้างยานอวกาศรุ่นจิ๋ว ส่งไปสำรวจนอกโลก*
เป็นการสร้างยานอวกาศขนาดเล็ก Nanocraft มีขนาดไม่กี่เซนติเมตร เล็กกว่า iPhone และมีน้ำหนักเบามากเพียงไม่กี่กรัมจำนวนหลายพันลำ เรียก Star Chip ติดอุปกรณ์ เช่น กล้องและเซนเซอร์ สำรวจสนามแม่เหล็กและอื่นๆ เพื่อใช้ในการสำรวจและขับเคลื่อนด้วยลำแสงเลเซอร์จากโลก ทำหน้าที่เปรียบเสมือนใบของเรือใบ รับแรงผลักจากโฟตอน เดินทางด้วยพลังขับเคลื่อนของลำแสงเลเซอร์ จนเร่งความเร็วในการเดินทางเท่ากับความเร็วประมาณ 20% ของความเร็วแสง
จุดเป้าหมายแรกที่ตั้งไว้ในอีก 25 ปี คือ จะส่ง Star Chip เดินทางไปยังระบบดาวอัลฟา เซนทอรี (Alpha Centauri) ซึ่งเป็นระบบดาวที่อยู่ใกล้โลกมากที่สุด มีระยะห่างเพียง 4.37 ปีแสง และคาดหวังว่าจะส่งภาพและข้อมูลต่างๆ กลับมายังโลกได้ ซึ่งจะใช้ระยะเวลาเดินทางเพียง 20 ปี ถือเป็นระยะเวลาที่สั้นมาก
เมื่อเทียบกับการเดินทางด้วยยานอวกาศปกติที่ต้องใช้เวลาประมาณ 30,000 ปี หรือถ้าเป็นยานประเภทอื่น เช่น Voyager 1 จะต้องใช้เวลายาวนานถึง 70,000 ปีทีเดียว จากนั้นก็จะส่งภาพและข้อมูลกลับมายังโลก ซึ่งจะใช้เวลาเพียงประมาณ 4 ปี ซึ่งหลักคิดดังกล่าวนี้เป็นข้อสันนิษฐานว่าอูมัวมัวก็อาจเป็นยานอวกาศที่มนุษย์ต่างดาวสร้างมาสำรวจโลกเช่นกัน
“ระบบดาว Alpha Centauri ประกอบด้วยดาวฤกษ์ 3 ดวง ที่นักดาราศาสตร์เชื่อกันว่าเป็นดาวที่มีแนวโน้มว่าจะมีสิ่งมีชีวิตอาศัยอยู่ หรือมนุษย์สามารถเดินทางไปอยู่อาศัยได้ ดาวที่ใกล้โลกที่สุดชื่อ Alpha Centauri อีก 2 ดวงคือ Alpha Centauri เอ และ Alpha Centauri บี อยู่ไกลออกไป ซึ่ง Alpha Centauri บี มีสภาพคล้ายมวลโลกมาก มีขนาดเล็ก” กูรูนักวิทยาศาสตร์ไทยอธิบายตามหลักวิชา
สรุปชัดครั้งสุดท้าย เบื้องหลังยานอูมัวมัว คือ มนุษย์ต่างดาวส่งสำรวจโลก
เมื่ออูมัวมัวที่นักวิทย์โลกจำนวนหนึ่ง เชื่อว่าอาจจะเป็นยานอวกาศของมนุษย์ต่างดาวที่ส่งมาเยือนโลก แล้วมนุษย์ต่างดาวเดินทางมาด้วยหรือไม่ ชาวโลกต้องเจออะไรหากมนุษย์ต่างดาวปรากฏตัว ซึ่ง รศ.ดร.ชัยวัฒน์ ที่มีความเชื่อว่าอูมัวมัวก็อาจเป็นยานอวกาศของมนุษย์ต่างดาว แต่ที่มั่นใจคือจะไม่มีมนุษย์ต่างดาวมาด้วยแน่นอน ส่วนอูมัวมัวถูกส่งมาสำรวจโลกอาจด้วยความตั้งใจหรือไม่ตั้งใจก็ได้ ซึ่งมันอาจจะเป็นหนึ่งในยานหลายพันดวงที่มนุษย์ต่างดาวส่งมาสำรวจกาแล็กซี่ เหมือนโครงการ Breakthrough Starshot ที่ตั้งใจส่งยานอวกาศเล็กขนาดจิ๋วไปสำรวจนอกระบบสุริยะอื่นเหมือนที่มนุษย์กำลังทำก็เป็นไปได้
“ผมเชื่อว่าอูมัวมัวอาจเป็นยานของมนุษย์ต่างดาวได้ แต่ก็ไม่ฟันธงร้อยเปอร์เซ็นต์ และคิดว่ามนุษย์ต่างดาวไม่ได้เดินทางมากับอูมัวมัว เพราะหากว่ามาด้วย น่าจะเป็นยานอวกาศที่ใหญ่มากกว่าอูมัวมัว และไม่มาแบบลับๆ หรือแอบมา เหมือนมนุษย์ที่จะไปเยือนโลกอื่นก็ไม่ได้แอบไป และเตรียมตัวเดินทางนานหลายร้อยปีมาก และถ้ามาจะรู้ตั้งแต่เข้ามาในระบบสุริยะแล้ว ผมเองอยากเห็นมนุษย์ต่างดาวมาโลก หากมาจริงผมเป็นคนหนึ่งที่ยินดีจะไปต้อนรับพวกเขา ผมเชื่อว่าเขาจะมาอย่างมิตรมากกว่า ไม่ใช่ศัตรู มาอย่างมิตรมากกว่าอย่างแน่นอน” รศ.ดร.ชัยวัฒน์ กล่าวทิ้งท้าย
อูมัวมัว อาจเป็นวัตถุนอกระบบสุริยะชิ้นแรกที่เป็นหลักฐานบ่งบอกว่าโลกไม่ได้มีมนุษย์อยู่ตามลำพัง มันอาจเป็นวัตถุที่เชื่อม และไขคำตอบให้นักดาราศาสตร์ค้นพบว่าโลกมีมนุษย์ได้ แล้วจะต่างอะไรกับที่ไหนสักแห่งในจักรวาลคงมีสิ่งมีชีวิตทรงปัญญาได้เหมือนกัน.
ทีมข่าวเฉพาะกิจไทยรัฐออนไลน์ รายงาน
อ่านข่าวเกี่ยวข้อง :
ตกลงคืออะไร? วิเคราะห์อย่างนักวิทย์ อูมัวมัว วัตถุแรกนอกระบบสุริยะ หรือยานมนุษย์ต่างดาว
สืบเสาะข่าว รับเรื่องราวร้องทุกข์ สามารถส่งเรื่องราว หรือประเด็นปัญหาของท่านมาได้ที่
reporter.thairath@gmail.com หรือช่องทาง Facebook : ทีมข่าวเฉพาะกิจ