นายแพทย์สาธารณสุข เผยยันพยาธิตัวตืดในร่างกายสาว 42 เป็นตัวที่ตายแล้วกลายเป็นแคลเซียม ไม่เป็นอันตราย เพราะไม่ได้ไชไปที่สมอง เตือนเลี่ยงกินหมูดิบ...

จากกรณีหญิงวัย 42 ปี มีอาการหายใจลำบาก คอไม่โล่ง มีเสมหะในลำคอ เข้าทำการรักษาตัวที่โรงพยาบาลอำเภอพรานกระต่าย จ.กำแพงเพชร เมื่อวันที่ 3 ตุลาคมที่ผ่านมา แพทย์ได้ทำการเอกซเรย์พบว่าตามเนื้อตัวโดยเฉพาะที่ขาทั้ง 2 ข้าง รวมทั้งผิวหนังตามหน้าอก มีพยาธิตัวตืดไชชอนไปอยู่ตามกล้ามเนื้อ เป็นที่น่าหวาดกลัว ทั้งนี้ ผู้โพสต์ระบุว่า สาเหตุเกิดจากการกินเมนูที่ใส่หมูดิบ หรือกินผักดิบที่ปนเปื้อนไข่ของพยาธิชนิดนี้ ตามที่เสนอข่าวไปแล้วนั้น (อ่านข่าว เห็นแล้วขนลุก! หมอสาวลงภาพเอกซเรย์คนไข้ เจอตัวอ่อนพยาธิตืดหมูเพียบ)

ด้านนายแพทย์วราวุธ ชื่นตา นายแพทย์สาธารณสุขจังหวัดกำแพงเพชร เปิดเผยว่า ผู้ป่วยเป็นหญิงอายุประมาณ 42 ปี เข้ารักษาตัวที่โรงพยาบาลอำเภอพรานกระต่าย จากนั้นถูกส่งตัวมารักษาต่อที่โรงพยาบาลกำแพงเพชร ทางโรงพยาบาลเอกซเรย์แล้วพบว่า เป็นพยาธิตัวตืด แต่ตอนนี้พยาธิตายแล้ว ถูกแคลเซียมเกาะจนแข็งไปแล้ว ไม่มีอันตราย

ส่วนสาเหตุเกิดจากผู้ป่วยรับประทานอาหารที่มีไข่พยาธิติดเข้าไป จากนั้นตัวพยาธิก็ไชไปอยู่ส่วนต่างๆ ของร่างกาย จากนั้นก็ฝังตัวเป็นถุงน้ำอายุได้ 3 เดือนก็ตาย แคลเซียมก็มาเกาะตามภาพที่เห็น ยังดีที่ไชมาที่ลำตัว ถ้าไชไปที่สมอง จะมีอันตราย เพราะจะมีอาการทางประสาท จะมีอาการชัก และเลือดออกในสมองได้

สาเหตุมีหลายประการ เช่น รถดูดส้วมเมื่อดูดมาแล้ว ก็ปล่อยทิ้งเรี่ยราด ไข่พยาธิเหล่านี้จะไปเกาะอยู่ตามพืชผัก ผลไม้ และของกินต่างๆ เมื่อคนกินเข้าไปก็จะแพร่ในร่างกาย รวมทั้งคนที่มีพยาธิตัวตืดในลำไส้ เมื่อเข้าห้องน้ำล้างมือไม่สะอาด มาจับอาหารกินเข้าแล้วหลังจากไข่พยาธิฟักตัวในกระเพาะหรือลำไส้ ก็จะไชไปตามส่วนต่างๆ ของร่างกายได้

...

ในส่วนของหมูดิบเมื่อหมูกินไข่พยาธิเข้าไป ตัวพยาธิจะไชชอนไปตามส่วนต่างๆ ของหมู ทำให้หมูมีพยาธิฝังตัวอยู่ หรือที่เรียกกันว่า หมูเป็นโรคสาคู ซึ่งอันตรายมาก ห้ามกินเด็ดขาด และการกินหมูสุกๆ ดิบๆ พยาธิจะติดเข้าไป จึงควรปรุงให้สุกเสียก่อน และพืชผักผลไม้ก็ต้องล้างให้สะอาดด้วย.