ตร.เชียงใหม่ค้นร้านคาราโอเกะกลางเมือง หลังโขกค่าเด็กดริงก์นักท่องเที่ยวชาวเกาหลีไปกว่า 1.6 แสนบาท พบร้านปิดไหวตัวทัน แต่ร้านเครือข่ายเปิดให้บริการอยู่ ทั้งๆที่ไม่มีใบอนุญาตประกอบสถานบริการ
เมื่อกลางดึกวันที่ 4 ต.ค.61 พ.ต.อ.ปิยะพันธ์ ภัทรพงศ์สินธุ์ รองผู้บังคับการตำรวจภูธรจังหวัดเชียงใหม่ สนธิกำลังตำรวจ สภ.เมืองเชียงใหม่ ตำรวจท่องเที่ยว เข้าค้นร้านคาราโอเกะภายในตัวเมืองเชียงใหม่ ภายหลังจากวานนี้มีนักท่องเที่ยวชาวเกาหลี เข้าไปเที่ยวภายในร้านคาราโอเกะแห่งหนึ่ง โดนเรียกเก็บเงินค่าดริ๊งก์และค่าบริการไปกว่า 1 แสน 6 หมื่นบาท
โดยตำรวจเข้าตรวจค้นที่จุดเเรกคือร้านฟอเรฟเวอร์ แต่เจ้าของร้านไหวตัวทันปิดร้านไป จากนั้นตำรวจจึงมุ่งหน้าต่อไปอีกร้านคือร้านวาเลนไทน์ พบว่าขณะตรวจค้นพนักงานของร้านพบตำรวจรีบปิดไฟและปิดประตูด้านหน้าร้าน ก่อนที่ตำรวจจะบุกเข้าไปด้านหลังร้าน โดยภายในพบหญิงให้บริการแต่งกายด้วยชุดวาบหวิวนุ่งน้อยห่มน้อยและคนมาใช้บริการจำนวนหนึ่ง ซึ่งเลยเวลาที่อนุญาตให้ขายสุราแล้ว
จากการตรวจค้นภายในร้านไม่พบสิ่งผิดกฏหมาย แต่พบว่าสถานบริการแห่งนี้ไม่มีใบอนุญาตประกอบสถานบริการอย่างถูกต้อง มีเพียงใบอนุญาตจำหน่ายสุราเท่านั้น ตำรวจจึงเชิญตัวผู้จัดการร้านไปสอบปากคำที่สถานีตำรวจภูธรจังหวัดเชียงใหม่เพื่อดำเนินคดีตามกฏหมาย
พ.ต.อ.ปิยะพันธ์กล่าวว่า สืบเนื่องจากกรณีที่เกิดขึ้นกับนักท่องเที่ยวชาวเกาหลี ทำให้ตำรวจต้องกวดขันจับกุมร้านคาราโอเกะที่มีลักษณะนี้ ซึ่งจากการสอบถามเจ้าของร้านที่นักท่องเที่ยวชาวเกาหลีที่ไปใช้บริการ พบว่ามีทั้งค่าอาหารเครื่องดื่มและค่าเด็กนั่งดริงก์ โดยหลังเกิดเหตุมีการคืนเงินไปแล้วประมาณ 6 หมื่นบาท แต่นักท่องเที่ยว ชาวเกาหลีก็ยังรู้สึกว่าแพงอยู่จึงเข้ามาแจ้งความดำเนินคดี.
...
จากการสอบถามข้อมูลทั้งหมดพบว่า ขณะเกิดเหตุนักท่องเที่ยวชาวเกาหลีก็เมาไม่ได้สติ และเจ้าของร้านก็มีการเรียกเก็บค่าใช้บริการแพงเกินจริง โดยตำรวจก็ดำเนินคดีกับเจ้าของร้านในข้อหาฉ้อโกง และจนถึงขณะนี้ยังไม่มีการเข้าไปตรวจสอบร้านดังกล่าวเพราะร้านไม่ได้เปิดให้บริการจึงไม่สามารถเข้าไปตรวจสอบได้ ซึ่งภายหลังจากนี้จะตรวจสอบทั่วพื้นที่เชียงใหม่อย่างละเอียดหากร้านไหนมีการกระทำในลักษณะนี้ก็จะดำเนินคดีตามกฎหมายให้ถึงที่สุด.