ชี้ข้อกล่าวหาไกลเกินกว่าเหตุ ‘วิษณุ’ แนะวิธีทําไพรมารีโหวต ‘มีชัย’ สับสตช.ไม่จัดงบให้ตร.

ผบ.ทบ.ไม่ห่วงความวุ่นวายหลังคลายล็อก เตือน ฝ่ายการเมืองอย่าสาดโคลนเล่นสงครามข่าวเท็จใส่กัน “วิษณุ” เผยทำไพรมารีโหวตแบบกล้วยๆ ตัดขั้นตอนยุ่งยากให้ตั้ง กก. 11 คน หาผู้สมัครส่ง กก.บห.เคาะ “มีชัย” ชี้ใช้ ม.44 คัดง้าง ก.ม.ไม่ขัดรัฐธรรมนูญ “สมเจตน์” ข้องใจถามทำแบบนี้คิดจะปฏิรูปจริงหรือเปล่า ปชป.ประชดอย่าทำดีกว่า “สามมิตร” โวไม่มีอดีตผู้แทนไหลย้อนกลับ มั่นใจกวาดเรียบยกเมืองโคราช ศาลฎีกานักการเมืองยกฟ้อง “ทักษิณ” คดีฟื้นทีพีไอ ไม่พบเจตนาแสวงหาประโยชน์ เผยยังมีคดีค้างอีก 4 สำนวน “ดอน” ไม่ต้องหยุดปฏิบัติหน้าที่ปมหุ้นเมีย “มีชัย” สวดยับเพิ่มโทษใบขับขี่เปิดช่อง จนท.รีดไถ อัดแหลก สตช.ความคิดอัปรีย์ให้ตำรวจหาเศษหาเลยกับชาวบ้าน

หลังมีความชัดเจนแล้วว่า คสช.จะทำการคลายล็อกให้พรรคการเมืองเคลื่อนไหวได้บางส่วนเพื่อดำเนินกิจกรรม ภารกิจตามรัฐธรรมนูญฉบับใหม่ รวมทั้งจะมีการผ่อนปรนเรื่องการทำไพรมารีโหวต ให้สะดวกขึ้นสำหรับการเลือกตั้งที่จะถึง เพราะถือเป็นเรื่องใหม่นั้น

ผบ.ทบ.ไม่ห่วงมั่นคงหลังคลายล็อก

เมื่อวันที่ 29 ส.ค.2561 ที่กองบัญชาการกองทัพบก พล.อ.เฉลิมชัย สิทธิสาท ผบ.ทบ.ในฐานะเลขาธิการคณะรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช.) กล่าวถึงการผ่อนคลายล็อกพรรคการเมืองว่า พรรค การเมืองสามารถทำกิจกรรมได้บางเรื่อง เช่นการหาสมาชิกเพิ่ม การประชุมพรรค การคัดเลือกหัวหน้าพรรค การแก้ไขข้อบังคับ ส่วนการหาเสียงไม่สามารถทำได้ ต้องรอ พ.ร.บ.ประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยการเลือกตั้ง ส.ส. มีผลบังคับใช้ใน 90 วัน ส่วนการดูแลรักษาความสงบเรียบร้อยในช่วงคลายล็อกพรรค การเมืองนั้น เท่าที่ดูสถานการณ์ไม่ได้มีอะไร สิ่งที่ห่วงใยก็คือการให้ข้อมูลที่เป็นเท็จทางโซเชียลต่างๆ ที่อาจนำไปสู่การโจมตีกัน จึงต้องขอความร่วมมือ ตนไม่ห่วงกลุ่มใด ความวุ่นวายไม่น่าจะมี ในภาพรวมการดูแลด้านความมั่นคงก็ไม่มีอะไรน่ากังวล เชื่อมั่นว่าบ้านเมืองจะเรียบร้อยนำไปสู่การเลือกตั้งได้ ขณะนี้ไม่มีเหตุผลอะไรที่จะเลื่อนเลือกตั้งออกไป ตามกรอบที่กำหนดไว้เร็วที่สุด 24 ก.พ. และอย่างช้าไม่เกิน 5 พ.ค.2562

...

“วิษณุ” ชี้ไพรมารีโหวตทำแบบง่าย

ที่ทำเนียบรัฐบาล นายวิษณุ เครืองาม รองนายกรัฐมนตรี ให้สัมภาษณ์ถึงการปรับรูปแบบไพร– มารีโหวตที่จะมีคณะกรรมการของพรรคไปรับฟังความคิดเห็น ก่อนยื่นให้กรรมการบริหารพรรคพิจารณาว่า ที่จริงยังไม่ชัดเจนว่าจะใช้วิธีการนี้ แต่คงไม่มี การทำไพรมารีโหวตตามที่สภานิติบัญญัติแห่งชาติ (สนช.) เขียนไว้ในบทเฉพาะกาลของ พ.ร.บ.ประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยพรรคการเมือง จึงเห็นว่าวิธีการที่คณะกรรมการร่างรัฐธรรมนูญ (กรธ.) เสนอมาแต่แรก ให้มีกรรมการสรรหาขึ้นมาในพรรค 11 คน เป็นตัวแทนจากกรรมการบริหาร 4 คน จากสมาชิกพรรค 7 คน ไปคุยกับสมาชิกในเขตต่างๆ แล้วรวบรวมรายชื่อผู้สมัครมาเสนอให้กรรมการบริหารพรรคพิจารณา หากกรรมการบริหารพรรคไม่เห็นด้วยให้ส่งรายชื่อกลับไปที่กรรมการสรรหาเพื่อสรรหาใหม่ ก่อนนำเสนอกรรมการบริหารพรรคอีกครั้ง หากยังไม่เห็นด้วยอีกให้กรรมการบริหารพรรคประชุมร่วมกับกรรมการสรรหาเพื่อลงคะแนนรับเลือกผู้สมัคร วิธีนี้ กรธ.รับรองว่าไม่ขัดรัฐธรรมนูญสามารถทำได้ ดีกว่าสมัยก่อนที่กรรมการบริหารพรรคคัดเลือกเองฝ่ายเดียว จึงถอยกลับมายึดตามที่ กรธ.เสนอ ซึ่ง คสช.ระบุว่า แนวทางนี้มีความเป็นไปได้สูง แต่ขอให้ไปดูวิธีปฏิบัติให้ชัดเจนอีกครั้ง โดยวิธีการดังกล่าวควรดำเนินการช่วง 30 วันสุดท้ายของช่วง 90 วัน ระหว่างรอ พ.ร.บ.ประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยการเลือกตั้ง ส.ส. มีผลบังคับใช้ เพราะ 60 วันแรกจะเป็นช่วงที่ กกต.แบ่งเขตการเลือกตั้ง ก่อนเข้าสู่ช่วงเลือกตั้ง 150 วัน

“มีชัย” แจงใช้ ม.44 ไม่ขัด รธน.

นายมีชัย ฤชุพันธุ์ ประธาน กรธ. กล่าวถึงกรณีที่ คสช. เตรียมออกคำสั่งตามมาตรา 44 เพื่อแก้ปัญหาทางการเมืองว่า การออกคำสั่งดังกล่าวเป็นการหาแนวทางเพื่อให้พรรคการเมืองทำตามกฎหมายพรรคการเมือง เตรียมพร้อมสำหรับการเลือกตั้ง โดยเฉพาะการแก้ปัญหาเรื่องการทำไพรมารีโหวตในการเลือกตั้งครั้งแรก เพื่อให้ทุกฝ่ายสามารถดำเนินการให้เป็นไปตามโรดแม็ปการเลือกตั้งที่กำหนดไว้ได้ การออกมาตรา 44 นั้นไม่ขัดกับรัฐธรรมนูญปี 60 สามารถดำเนินการได้ สำหรับแนวทางที่เปิดให้ประชาชนมีส่วนร่วมในการเลือกผู้สมัคร ส.ส.ในขั้นต้นนั้น ประชาชนที่เข้าไปมีส่วนร่วมได้คือ คนที่เป็นสมาชิกพรรคการเมือง ส่วนคนที่ไม่ได้เป็นสมาชิกพรรคเพราะไม่ได้รัก ไม่ได้ชอบ หรือไม่ได้เกลียดพรรคใดพรรคหนึ่ง คือชอบนโยบายบางส่วนของบางพรรค จะมีส่วนทางการเมืองด้วยการเลือก ส.ส.ในวันเลือกตั้งได้เท่านั้น แต่ไม่สามารถมีส่วนร่วมในการเลือกผู้สมัคร ส.ส.ขั้นต้นหรือไพรมารีโหวต

“สมเจตน์” ถามยังคิดปฏิรูปอยู่มั้ย

พล.อ.สมเจตน์ บุญถนอม อดีตประธานกรรมาธิการวิสามัญพิจารณาร่าง พ.ร.บ.ประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยพรรคการเมือง สนช. กล่าวถึงกรณีที่ คสช.จะคลายล็อก และมีเเนวโน้มให้กลับไปใช้การคัดเลือกผู้สมัคร ส.ส.แบบที่ กรธ.เสนอว่า ต้องดูให้ชัดเจนว่ามีปัญหาอะไรถึงทำไพรมารีโหวตไม่ได้ เท่าที่ฟังมาทั้งพรรคประชาธิปัตย์และพรรคเพื่อไทยพร้อมจะทำกันหมด จึงไม่รู้เป็นปัญหาของพรรคไหน ปัญหาของใคร แต่ไม่ได้รู้สึกเสียดาย เพราะทำเพื่อส่วนรวม อยากทำให้พรรคการเมืองเป็นสถาบันทางการเมือง จากเดิมที่พรรคการเมืองเป็นเพียงบริษัท มี ส.ส.เป็นเพียงพนักงาน เราต้องการให้สมาชิกพรรค มีสิทธิ์เลือกผู้สมัคร ส.ส.ด้วยตัวเอง เป็นการแก้ปัญหาพรรคการเมืองในอดีตที่ถูกนายทุนครอบงำ แต่เหตุใดทำไม่ได้ ปัญหาก็กลับมาสู่จุดเดิม ไม่ทราบว่าความคิดที่จะปฏิรูปเปลี่ยนแปลงไปแล้วหรืออย่างไร เราไม่รู้ว่ามีปัญหาอะไร ถ้าพรรคไหนบอกทำไม่ได้ หรือไม่พร้อมจะทำ ก็ร้องขอให้เลื่อนการเลือกตั้งออกไปได้ ก่อนที่จะมีการเลือกตั้งในเดือน ก.พ.62 เมื่อถามว่าเป็นเพราะพรรคที่สนับสนุน คสช.ไม่พร้อมทำไพรมารีโหวตใช่หรือไม่ พล.อ.สมเจตน์ตอบว่า ไม่ทราบว่าพรรคไหนให้ข้อมูล คสช.ว่าไม่พร้อม จึงตอบไม่ได้

ปชป.โวยทำแบบนี้อย่าทำดีกว่า

นายอัศวิน วิภูศิริ รองหัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ กล่าวว่า กรณี คสช.หาทางออกเรื่องการทำไพรมารีโหวต โดยการให้พรรคการเมืองตั้งคณะกรรมการขึ้นมา 11 คน รับฟังความคิดเห็นของสมาชิกพรรค ก่อนเสนอรายชื่อผู้ที่จะได้รับลงสมัครเลือกตั้งในนามพรรค ให้กรรมการบริหารพรรค (กก.บห.) พิจารณา ว่าหากทำแบบนี้จริงๆการเมืองจะกลับสู่วงจรเดิม และผู้ที่เป็นสมาชิกพรรคก็จะไม่ได้มีส่วนร่วมในการคัดเลือกผู้สมัครตามเจตนารมณ์รัฐธรรมนูญปี 2560 ไม่ช่วยเปลี่ยนแปลงปฏิรูปการเมืองได้จริง หากจะทำแบบนี้ตนว่ายกเลิกไปเสียดีกว่า แต่ก็ยกเลิกไม่ได้เพราะขัดต่อเจตนารมณ์ของรัฐธรรมนูญ จึงขอร้องว่าอย่าหาข้ออ้างอย่างนี้

ขอ “2 บิ๊ก” อย่าพูดสับสนคนละคีย์

นางมัลลิกา บุญมีตระกูล มหาสุข รองโฆษกพรรคประชาธิปัตย์ กล่าวถึงการคลายล็อกพรรคการเมือง ที่ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกฯและหัวหน้าคสช. กับ พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกฯและ รมว.กลาโหม ให้สัมภาษณ์ช่วงเวลาไม่ตรงกันว่าเรื่องนี้สร้างความสับสนให้กับสังคม ขอให้ทั้งสองช่วยหารือจนตกผลึกก่อนแล้วค่อยออกมาให้ข่าวอย่างเป็นทางการได้หรือไม่ คสช.มีอำนาจรัฏฐาธิปัตย์ สามารถปลดล็อกได้ทันที อย่าปล่อยให้เกิดความสับสน เพราะถ้าเทียบกับเรื่องอื่นๆ คสช.ออกคำสั่งฉับไว จึงอยู่ที่เลือกว่าจะสร้างความน่าเชื่อถือให้สังคมไว้วางใจ หรือจะลดดีกรีความไว้วางใจให้น้อยลง ทั้งสองควรแสดงความจริงใจแบบชายชาติทหาร ตรงไปตรงมาในการนำพาประเทศเดินไปสู่การเลือกตั้งและคืนประชาธิปไตย

พท.วอนอย่าหาเหตุยื้อปลดล็อก

นายอนุสรณ์ เอี่ยมสะอาด รักษาการรองโฆษกพรรคเพื่อไทย กล่าวถึงกรณี รัฐบาล คสช.จะคลายล็อกทางการเมือง ว่าการคลายล็อกไม่ปลดล็อก สะท้อนให้เห็นว่า คสช.ยังคงไม่ไว้ใจฝ่ายการเมือง ทั้งที่ คสช.มีเครื่องมือบริหารจัดการมากมายงานเด่นตลอด 4 ปีกว่าที่ผ่านมาคือการรักษาความสงบ ส่วนที่เป็นห่วงจะมีการโจมตีกันทางโซเชียลมีเดียนั้น คสช.มีบุคลากรและหน่วยงานต่างๆ กำกับดูแล ใครทำผิดก็ดำเนินคดีได้ อย่าหาเหตุมาเหมารวมเพื่อจะไม่ปลดล็อก ต้องช่วยกันส่งสัญญาณลดความหวาด ระแวง และสร้างความเชื่อมั่นให้กับประชาชน นักลงทุน

อนาคตใหม่ฉะคิดเอาเปรียบจนยุ่ง

นายปิยบุตร แสงกนกกุล ว่าที่เลขาธิการพรรคอนาคตใหม่ โพสต์เฟซบุ๊กจั่วหัวว่า ระยะเวลาการมีผลใช้บังคับของกฎหมายการเลือกตั้ง ส.ส. ส่งผลกระทบต่อพรรคการเมืองใหม่อย่างไร ระบุว่า การหาสมาชิกพรรค การประชุมใหญ่ การตั้งคณะกรรมการสรรหา การรณรงค์หาเสียง การทำไพรมารีโหวต การตั้งสาขาและสถานะสมาชิก ปัญหาที่ทุกฝ่ายต้องมาปวดหัวกันอยู่นี้ เป็นผลพวงจากการเล่นแร่แปรธาตุกับกฎหมาย เพื่อสร้างความได้เปรียบ เสียเปรียบ ทำให้วันเลือกตั้งไม่แน่นอน นี่คือการใช้กฎหมายมาเป็นเครื่องมือในการเลื่อนการเลือกตั้งจนยุ่งไปหมด คนมีอำนาจกำหนดกติกา ยังงงเอง ออกแล้วแก้ ออกแล้วแก้ ไม่จบสิ้น ทุกอย่างจะไม่มีปัญหาเลยถ้า คสช.ตัดสินใจกำหนดวันเลือกตั้งให้แน่ชัด และปลดล็อกทั้งหมดที่เป็นอุปสรรคต่อการจัดเลือกตั้ง

กรธ.ยันบ้าน 111-109 ลง ส.ส.ได้

นายอุดม รัฐอมฤต โฆษกกรรมการร่างรัฐธรรมนูญ (กรธ.) กล่าวถึงกรณีนายนิพิฏฐ์ อินทรสมบัติ รองหัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ ระบุพรรคเพื่อไทยอาจสูญพันธุ์เพราะมีสมาชิกถูกตัดสิทธิ์เพราะถูกยุบพรรคถึง 2 ครั้ง ว่าหากเป็นตัวผู้กระทำผิดโดยตรง และถูกคำพิพากษาอันถึงที่สุด ว่ากระทำการอันเป็นการทุจริตในการเลือกตั้ง ตามมาตรา 97 (11) ของรัฐธรรมนูญ จะไม่สามารถลงสมัครรับเลือกตั้ง ส.ส.ได้ตลอดชีวิต แต่หากเป็นกรณีคนบ้านเลขที่ 111 ของพรรคไทยรักไทยและคณะกรรมการบริหารพรรคพลังประชาชน พรรคมัชฌิมาธิปไตย พรรคชาติไทย จำนวน 109 คน ซึ่งถูกตัดสิทธ์ิเลือกตั้งโดยผลทางกฎหมาย แต่ไม่เป็นผู้ทุจริตการเลือกตั้งโดยตรง เมื่อรับโทษมาแล้วเป็นเวลา 5 ปี และพ้นความผิดมาแล้ว สามารถลงสมัครรับเลือกตั้ง ส.ส.ตามรัฐธรรมนูญ 60 ได้ตามปกติ

เด็ก พท.ตอก ปชป.อิงแอบทหาร

นายสมคิด เชื้อคง อดีต ส.ส.อุบลราชธานี พรรคเพื่อไทย กล่าวว่า กรณีนายนิพิฏฐ์ อินทรสมบัติ ระบุพรรคเพื่อไทยจะสูญพันธุ์ไม่น้อยกว่า 200 คน เพราะลงเลือกตั้งไม่ได้นั้น ขอขอบคุณที่เป็นห่วง แต่ฝ่ายกฎหมายเพื่อไทยพอมีความรู้อยู่บ้าง แม้อาจไม่เก่งเท่าคนพรรคประชาธิปัตย์เรื่องสร้างวาทกรรม หลายคนเคยถูกตัดสิทธิ์เราก็ฟันฝ่ามาได้เพราะมีคนใหม่ที่พร้อมจะมารับธงเดินหน้าต่อ การนำวาทกรรมเก่าว่าประชาชนจะไม่เลือกคนเผาบ้านเผาเมืองมาใช้ ประชาชนก็พิสูจน์แล้วโดยเลือกพรรคเพื่อไทย ถ้ามีการเลือกตั้งต้นปี 62 ขอให้นายนิพิฏฐ์ช่วยไปอธิบายให้คนในพรรคของท่านให้รู้แพ้รู้ชนะ และยอมรับผลการเลือกตั้ง พร้อมไปบอกประชาชนให้รู้ด้วยว่าพรรคที่ท่านสังกัดและพวกของท่าน ไม่ได้ชวนทหารมายึดอำนาจประชาชน

“ภิรมย์” โว “สามมิตร” ยกโคราช

นายภิรมย์ พลวิเศษ เลขากลุ่มสามมิตร กล่าวถึงกรณีมีกระแสข่าวอดีต ส.ส.พรรคเพื่อไทยที่ถูกดูดออกมาจะกลับพรรคว่า คงไม่มีใครไหลออกแล้วกลับไป คนที่มาเขาก็มา และยังอยู่เหมือนเดิม และวันนี้ขอเปิดตัวเลยว่ากลุ่มสามมิตรมีใครบ้าง โดยที่รับปากแล้วว่ามาอยู่กลุ่มสามมิตรใน จ.นครราชสีมา คือนายสมศักดิ์ พันธุ์เกษม อดีต ส.ส.พรรคชาติพัฒนา นายบุญจง วงศ์ไตรรัตน์ อดีตรองหัวหน้าพรรคภูมิใจไทย นายสมชัย ฉัตรพัฒนศิริ อดีต ส.ส.พรรคชาติพัฒนา พ.ต.ท.สมชาย เพศประเสริฐ อดีต ส.ส.พรรคเพื่อไทย นายสุภรณ์ อัตถาวงศ์ “แรมโบ้อีสาน” อดีตแกนนำ นปช. ส่วนตนทำงานให้ระดับพรรคที่ต้องดูแลภาพรวม จ.นครราชสีมามีทั้งหมด 14 เขตเลือกตั้ง สามมิตรคาดหวังว่าน่าจะยก 14 เขต ทุกเขตเลือกตั้ง

“ประวิตร” ไม่รู้ ไม่เห็นเพจเชียร์

ที่กระทรวงกลาโหม พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรีฝ่ายความมั่นคงและ รมว.กลาโหม กล่าวถึงกรณีมีบุคคลสนับสนุนทำเพจเฟซบุ๊ก “มุมน่ารักของลุงป้อม” ว่า ไม่รู้เรื่องและยังไม่เห็น และไม่ได้รู้สึกดีใจหรือเสียใจที่มีแฟนคลับมาทำเพจให้ เพราะทำงานอย่างเดียว ส่วนที่เพจดังกล่าวมีรายละเอียดข้อมูลส่วนตัวของตนนั้น ก็ไม่รู้เรื่องอะไร เพราะตนไม่รู้เรื่อง

สั่งฟ้องเหี้ยนพวกจ้องบิดเบือน

พล.ท.คงชีพ ตันตระวาณิชย์ โฆษกกระทรวงกลาโหม เปิดเผยผลการประชุมสภากลาโหมที่มีพล.อ.ประวิตรเป็นประธานว่า ที่ประชุมได้สั่งการให้หน่วยขึ้นตรงกระทรวงกลาโหม และเหล่าทัพสนับสนุนข้อมูลการปฏิบัติงานตามข้อเท็จจริงให้กับสาธารณชนทราบอย่างต่อเนื่อง และขอให้ตรวจสอบข้อมูลข่าวสารที่เป็นเท็จสร้างความสับสนให้กับสังคม เพื่อป้องกันไม่ให้ผู้ไม่หวังดีต่อประเทศชาติและกองทัพนำไปกล่าวอ้าง บิดเบือนข้อเท็จจริง ขยายผลประโยชน์ หากมีการล่วงละเมิดสร้างความเสียหายต่อองค์กรขอให้หน่วยขึ้นตรงกระทรวงกลาโหมและเหล่าทัพพิจารณาดำเนินการทางกฎหมาย เพื่อเป็นบรรทัดฐานของสังคมต่อไป

ยกฟ้อง “ทักษิณ” คดีฟื้นทีพีไอ

เมื่อเวลา 11.00 น. ที่ศาลฎีกาแผนกคดีอาญาของผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมือง องค์คณะผู้พิพากษาศาลฎีกา 9 คน นัดฟังคำพิพากษา คดีหมายเลขดำ อม.40/2561 ที่คณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช.) เป็นโจทก์ยื่นฟ้องนายทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกฯเป็นจำเลย ในความผิดฐานเป็นเจ้าพนักงานปฏิบัติหน้าที่หรือละเว้นปฏิบัติหน้าที่โดยมิชอบตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 157 กรณีให้ความเห็นชอบกระทรวงการคลัง เป็นผู้บริหารแผนฟื้นฟู บริษัท อุตสาหกรรมปิโตรเคมีกัลไทย จำกัด (มหาชน) หรือทีพีไอ ซึ่งเป็นบริษัทเอกชน เป็นการกระทำนอกเหนืออำนาจกระทรวงการคลัง โดยศาลฎีกาฯมีมติเสียงข้างมาก เห็นว่าการที่นายทักษิณไม่ทักท้วงกรณีกระทรวงการคลังเข้าฟื้นฟูทีพีไอ ไม่ได้มีเจตนาพิเศษแสวงหาผลประโยชน์เพื่อตนเองหรือเพื่อผู้อื่น การฟื้นฟูดังกล่าวเกิดจากความยินยอมของธนาคาร เจ้าหนี้ ลูกหนี้ สหภาพ แรงงาน รวมทั้งเป็นไปตามคำสั่งของศาลล้มละลายกลาง พยานหลักฐานของโจทก์ยังฟังไม่ได้ว่ามีการจ่ายค่าตอบแทนให้กับคณะผู้บริหารที่โจทก์อ้างว่าเป็นพรรคพวกของจำเลย การซื้อขายหุ้นเพิ่มทุนของกิจการทีพีไอก็กำหนดให้ซื้อเพียงหน่วยงานในกำกับดูแลของกระทรวงการคลัง ไม่ปรากฏพยานหลักฐานว่าจำเลยได้รับผลประโยชน์เหล่านั้น ข้อกล่าวหาที่โจทก์ฟ้องยังไกลเกินกว่าเหตุ ไม่มีพยานหลักฐานเพียงพอรับฟังได้ว่าจำเลยกระทำผิดตามมาตรา 157 พิพากษายกฟ้อง

เผยคดียังค้างอยู่อีก 4 สำนวน

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ฝ่ายโจทก์มีนายพัฒนพงศ์ จันทร์เพ็ชรพูล ผอ.สำนักคดี สำนักงาน ป.ป.ช.เข้าฟังคำพิพากษา ขณะที่ฝ่ายจำเลยไม่มีใครมาฟังคำพิพากษา โดยนายพัฒนพงศ์กล่าวภายหลังรับฟัง คำพิพากษาว่า จะรายงานให้คณะกรรมการ ป.ป.ช.ทราบทั้งข้อเท็จจริงในสำนวนคดี และข้อกฎหมาย เพื่อให้พิจารณาว่าจะอุทธรณ์หรือไม่ หรือเห็นควรดำเนินการอย่างไรต่อไป

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า สำหรับคดีของนายทักษิณยังเหลืออยู่ในการพิจารณาไต่สวนลับหลังจำเลยอีก 4 สำนวน ซึ่งมีทั้งที่อัยการสูงสุดและป.ป.ช.เป็นโจทก์ยื่นฟ้อง ได้แก่ คดีกล่าวหาแปลงค่าสัมปทานกิจการโทรคมนาคมเป็นภาษีสรรพสามิต เอื้อประโยชน์ธุรกิจเครือชินคอร์ปฯ คดีกล่าวหาร่วมทุจริตการปล่อยกู้ของธนาคารกรุงไทยให้กับกลุ่มกฤษดามหานคร คดีกล่าวหาปล่อยกู้ธนาคารเอ็กซิมแบงค์ให้รัฐบาลพม่า 4 พันล้านบาท เพื่อเอื้อประโยชน์กลุ่มชินคอร์ป และคดีกล่าวหาดำเนินโครงการออกสลากพิเศษหวยบนดินโดยมิชอบ

พิพากษาคดีมหากาพย์ลากยาว

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า สำหรับคดีนี้เกิดขึ้นในสมัยที่ ร.อ.สุชาติ เชาว์วิศิษฐ เป็น รมว.คลัง ในรัฐบาลนายทักษิณ เมื่อปี 2546 โดยนายทักษิณเห็นชอบให้กระทรวงการคลังเข้าไปเป็นผู้บริหารแผนฟื้นฟู บริษัท อุตสาหกรรมปิโตรเคมีกัลไทย จำกัด (มหาชน) หรือทีพีไอ ที่ได้รับผลกระทบจากเศรษฐกิจสมัยรัฐบาล พล.อ.ชวลิต ยงใจยุทธ ที่ประกาศลอยตัวค่าเงินบาท ทำให้ทีพีไอมีมูลค่าหนี้สูงถึง 1.3 แสนล้านบาท โดย ป.ป.ช. มีมติชี้มูลความผิดนายทักษิณเมื่อปี 2553 แต่นายทักษิณได้หลบหนีคดีออกนอกประเทศ ทำให้ไม่สามารถนำตัวมายื่นฟ้องต่อศาลได้ ต่อมามีการบังคับใช้รัฐธรรมนูญ 60 และมีการเขียนกฎหมายใหม่ให้พิจารณาคดีลับหลังจำเลยได้ ป.ป.ช.จึงยื่นฟ้องนายทักษิณ เมื่อวันที่ 7 พ.ค.61 มีการไต่สวนพยานโจทก์มา 3 ครั้ง รวม 6 ปาก ขณะที่ฝ่ายจำเลยไม่ได้ตั้งทนายซักค้าน จนมีคำตัดสินดังกล่าว

“ดอน” ไม่ต้องหยุดงานปมหุ้นเมีย

วันเดียวกัน สำนักงานศาลรัฐธรรมนูญเผยแพร่เอกสารข่าวว่าศาลรัฐธรรมนูญได้พิจารณาคำร้องที่ กกต. ขอให้วินิจฉัยความเป็นรัฐมนตรีของนายดอน ปรมัตถ์วินัย รมว.การต่างประเทศ สิ้นสุดลง และต้องหยุดปฏิบัติหน้าที่ตามรัฐธรรมนูญมาตรา 82 วรรคสองหรือไม่ ศาลรัฐธรรมนูญได้พิจารณาคำร้อง คำชี้แจงของผู้ถูกร้อง และเอกสารประกอบแล้ว ในชั้นนี้ยังไม่ปรากฏมูลเหตุที่จะก่อให้เกิดความเสียหายต่อส่วนรวมหรือการบริหารราชการแผ่นดิน กรณียังไม่มีเหตุอันควรสงสัย ที่ศาลรัฐธรรมนูญจะมีคำสั่งให้ผู้ถูกร้องหยุดปฏิบัติหน้าที่ไว้ก่อน และโดยที่คดียังมีปัญหาข้อเท็จจริงที่คู่กรณีต้องประเด็นโต้แย้งกันอยู่จึงกำหนดให้มีการนัดไต่สวนพยาน 3 ปาก คือ บริษัทปานะวงศ์ จำกัด บริษัท ปานะวงศ์ รีเอลทรี และพยานจาก กกต. ในวันอังคารที่ 25 ก.ย.

“อาคม” รับลูกนายกฯทบทวน ก.ม.

นายอาคม เติมพิทยาไพสิฐ รมว.คมนาคม กล่าวว่า จากกรณีที่นายกฯไม่เห็นด้วยกรณีที่กรมการขนส่งทางบก เสนอแก้ไข พ.ร.บ.รถยนต์ และ พ.ร.บ.การขนส่งทางบก เพิ่มโทษผู้ขับรถไม่มีใบขับขี่นั้น เรื่องนี้คงต้องให้กรมการขนส่งทางบกไปพิจารณาทบทวนการแก้ไขกฎหมายดังกล่าว ซึ่งการลงโทษเรื่องการไม่พกใบขับขี่นั้นกฎหมายเดิมก็มีอยู่แล้ว แต่การแก้ไขกฎหมายใหม่นี้อาจต้องแบ่งการลงโทษหนักเบาตามประเภทของรถ เช่น รถขนาดเล็กลงโทษน้อยกว่ารถขนาดใหญ่

“มีชัย” สับเพิ่มโทษใบขับขี่ให้รีดไถ

ที่โรงพยาบาลเวิลด์เมดิคอล นายมีชัย ฤชุพันธุ์ ประธาน กรธ. กล่าวถึงการเพิ่มโทษกรณีไม่พกใบอนุญาตขับขี่ยานพาหนะ ปรับจาก 5,000 เป็น 50,000 บาท รวมถึงโทษจำคุกว่า มีใครคิดบ้างว่าอุบัติเหตุเกิดจากคนไม่มีวินัย ขับรถโดยไม่ได้รับอนุญาต การไม่พกใบ ขับขี่ไม่ได้สร้างปัญหาให้กับสังคม แต่มีปัญหาเพียงอย่างเดียวคือตำรวจและเจ้าพนักงานขนส่งที่เมื่อเรียกดูใบขับขี่แล้วไม่ได้ แปลว่ากฎหมายนี้มีไว้เพื่ออำนวยความสะดวกให้กับเจ้าหน้าที่ ในความเป็นจริงต่อให้เอาคนไปประหารชีวิต ถ้าคนจะลืมก็ยังลืมอยู่ดี จึงเห็นว่าไม่เกิดประโยชน์ ปัจจุบันประเทศไทยเข้าสู่ยุค 4.0 สามารถถ่ายภาพใบขับขี่เก็บไว้ในโทรศัพท์มือถือให้เจ้าหน้าที่ตรวจสอบได้ ถ้าต้องการลงโทษให้กวาดถนน 2 วันยังได้ เรื่องนี้เป็นนิสัยของข้าราชการที่มักจะคิดว่าราษฎรต้องอำนวยความสะดวกให้ แต่ตัวเองกลับไม่อำนวยความสะดวกให้เขา ดังนั้นกฎหมายที่มากเกินไปทำให้เกิดความรำคาญ จึงเห็นว่าควรทำให้คนมีวินัย ใฝ่รู้ และออกกฎหมายเท่าที่จำเป็น

จวกยับ สตช.ความคิดอัปรีย์

นายมีชัยกล่าวว่า ในฐานะที่ตนเป็นประธานกรรมการพิจารณาร่าง พ.ร.บ.ตำรวจแห่งชาติ ได้สำรวจสถานีตำรวจหลายแห่งพบว่ามีคนทำงานดี แต่บางครั้งต้องย้ายออกเพื่อเปิดพื้นที่ให้กับม้าขาวที่จะเข้ามารับตำแหน่ง ขณะที่อุปกรณ์เครื่องใช้ต่างๆ ต้องซื้อเอง เช่น กระดาษ เครื่องปรับอากาศ เมื่อย้ายก็นำออกไปด้วย ไม่เข้าใจว่า สตช. คิดว่าตำรวจมีเบี้ยบ้ายรายทางจากชาวบ้านหรืออย่างไร จึงไม่จัดสรรงบประมาณมาให้ ถ้าคิดอย่างนั้นก็อัปรีย์ เพราะทั้งที่จริงตำรวจเหล่านี้มีฝีมือ แต่ยศมักจบที่พันตรีหรือพันโท ส่วนคนที่วิ่งเต้นเก่งจะได้รับการปรับตำแหน่งรวดเร็ว ในการปฏิรูปตำรวจจึงต้องคิดว่าทำอย่างไรจึงจะสามารถแก้ไขความทุกข์ให้ทั้งเจ้าหน้าที่ตำรวจและประชาชน

“สุวิทย์” เผย รบ.นี้ตั้งแน่ ก.อุดมศึกษา

เมื่อเวลา 15.30 น. ที่ทำเนียบรัฐบาล นายสุวิทย์ เมษินทรีย์ รมว.วิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี เปิดเผยภายหลังเข้าพบ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและหัวหน้า คสช.ว่า มารายงานนายกฯถึงความคืบหน้าการจัดตั้งกระทรวงอุดมศึกษา วิทยาศาสตร์ วิจัย และนวัตกรรม โดยนายกฯสั่งเดินหน้าต่อ รอเพียงคณะกรรมการกฤษฎีกาพิจารณาร่าง พ.ร.บ.ปรับปรุงโครงสร้างกระทรวง ทบวง กรม เพื่อจัดตั้งกระทรวงอุดมศึกษาฯแล้วเสร็จ คาดว่าเสนอเข้าที่ประชุม ครม.ได้เร็วๆนี้ และส่ง สนช.พิจารณาได้ใน 1-2 เดือนนี้ ยืนยันว่าจัดตั้งได้แน่ในรัฐบาลนี้ และถือเป็นต้นแบบการปฏิรูประบบราชการ ปฏิรูปกฎหมาย และปฏิรูปงบประมาณในเวลาเดียวกัน กระทรวงจะเป็นแกนหลักขับเคลื่อน 4.0 ส่วนเมื่อตั้งแล้วจะโอนงบฯเก่ามาใช้ก่อน

ใช้วิธีเดียวตั้ง ก.ดีอี หลังยุบ ก.วิทย์

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า การจัดตั้งกระทรวงดังกล่าวจะส่งผลให้กระทรวงวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีถูกยุบ และอาจต้องใช้วิธีเดียวกับการจัดตั้งกระทรวงดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม (ดีอี) แทนกระทรวงเทคโนโลยีสารสนเทศและการสื่อสาร (ไอซีที) ที่นายอุตตม สาวนายน ต้องลาออกจากตำแหน่งก่อน พ.ร.บ.ปรับปรุงกระทรวง ทบวง กรม เพื่อจัดตั้งกระทรวงดิจิทัลฯจะมีผลบังคับใช้ หลังจากผ่านการพิจารณาของ สนช.และรอประกาศในราชกิจจานุเบกษาเพื่อมีผลบังคับใช้ต่อไป ซึ่งขณะนั้นนายกฯได้มอบ หมายให้ พล.อ.อ.ประจิน จั่นตอง รองนายกรัฐมนตรี รักษาการแทนเป็นการชั่วคราว

นายกฯปลื้มไทยก้าวหน้าคุมโรค

สำหรับภารกิจของนายกรัฐมนตรี วันเดียวกัน เวลา 09.00 น. ที่ห้องสีม่วง ตึกไทยคู่ฟ้า ทำเนียบรัฐบาล นางชุมยา สวามินาถัน รองผู้อำนวยการใหญ่องค์การอนามัยโลกและคณะทำงานเฉพาะกิจภายใต้สหประชาชาติ มาปฏิบัติภารกิจด้านการป้องกันและควบคุมโรคไม่ติดต่อในประเทศไทย (UNIATF: United Nations Inter Agency Task Force Mission to Thailand on Noncom-municable Disease) เข้าเยี่ยมคารวะ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและหัวหน้า คสช. โดย พล.อ.ประยุทธ์กล่าวว่า ไทยให้ความสำคัญกับการป้องกันและควบคุมโรค NCDs โรคไม่ติดต่อ จนทำให้ปี 2560 องค์การอนามัยโลกประเมินให้ไทยมีความก้าวหน้าเป็นอันดับ 3 ของโลก และเป็นอันดับ 1 ของอาเซียน ยืนยันว่าจะดำเนินการอย่างต่อเนื่อง ทั้งยุทธศาสตร์ชาติ 20 ปี ได้ให้ความสำคัญตั้งแต่เด็กแรกเกิด การศึกษา การมีส่วนร่วมของครอบครัว รวมถึงแผนยุทธศาสตร์การป้องกันและควบคุมโรคไม่ติดต่อระดับชาติ 5 ปี โดยรณรงค์ป้องกันควบคู่ไปกับการรักษา

ยันสัมพันธ์ไทย-มาเลย์แน่นปึ้ก

จากนั้นเวลา 11.30 น. พล.อ.ตัน สรี ดาโต๊ะ สรี ปังลิมา ฮาจิ ซุลกิฟลี บิน ฮาจิ ไซนัล อบิดิน ผบ.ทหารสูงสุดมาเลเซีย เข้าเยี่ยมคารวะ โดยนายกฯกล่าวว่า เชื่อมั่นว่าความสัมพันธ์ไทย-มาเลเซียจะพัฒนาแน่นแฟ้นยิ่งขึ้น ภายใต้การนำของนายกฯและรัฐบาลใหม่ของมาเลเซีย และขอบคุณมาเลเซียที่อำนวยความสะดวกในกระบวนการพูดคุยเพื่อสันติสุขในพื้นที่จังหวัดชายแดนภาคใต้ ขณะที่ ผบ.ทหารสูงสุดมาเลเซียยืนยันว่า มาเลเซียพร้อมร่วมมือกับไทยในทุกๆด้าน โดยเฉพาะอย่างยิ่งตามแนวชายแดนเพื่อให้เกิดความสงบสุข และให้ความสำคัญกับความร่วมมือแก้ไขปัญหาชายแดนภาคใต้ครอบคลุมทุกมิติผ่านคณะกรรมการชายแดนทั่วไป (GBC : General Border Committee) และคณะกรรมการชายแดนส่วนภูมิภาค (RBC : Regional Border Committee Meeting)

มอบ 3 ล้านช่วยดินไหวในอินโดฯ

ต่อมาเวลา 13.30 น. พล.อ.ประยุทธ์ได้มอบเงินช่วยเหลือ 3 ล้านบาท ให้แก่นายอะฮ์มัด รุซดี เอกอัครราชทูตอินโดนีเซียประจำประเทศไทยเพื่อแสดงน้ำใจต่อเหตุแผ่นดินไหวที่เกาะลอมบอก โดยนายกฯได้กล่าวว่า ในนามประชาชนและรัฐบาลไทยขอแสดงความเสียใจกับเหตุแผ่นดินไหวที่เกิดขึ้นส่งผลมีผู้เสียชีวิต บาดเจ็บ บ้านเรือนเสียหาย และคนไร้ที่อยู่อาศัยจำนวนมาก ขอบคุณรัฐบาลอินโดนีเซียที่อำนวยความสะดวกแก่นักท่องเที่ยวชาวไทย และขอเป็นกำลังใจให้ประธานาธิบดีอินโดนีเซียในการแก้ไขปัญหา หากมีความช่วยเหลืออื่นใดขอให้ประสานแจ้งมายังกระทรวงการต่างประเทศ เอกอัครราชทูตอินโดนีเซีย กล่าวว่า ขอบคุณสำหรับมิตรไมตรีของรัฐบาลไทยและคนไทย

30-31 ส.ค.บินถกผู้นำ BIMSTEC

พล.ท.วีรชน สุคนธปฏิภาค รองโฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี เปิดเผยว่า นายกฯมีกำหนดเดินทางเยือนสหพันธ์สาธารณรัฐประชาธิปไตยเนปาลอย่างเป็นทางการ เพื่อเข้าร่วมการประชุมผู้นำความริเริ่มแห่งอ่าวเบงกอลสำหรับความร่วมมือหลากหลายสาขาทางวิชาการและเศรษฐกิจครั้งที่ 4 หรือ BIMSTEC (Bangladesh-India-Sri Lanka-Thailand Economic Cooperat-ion) ระหว่างวันที่ 30-31 ส.ค.ที่กรุงกาฐมาณฑุ ทั้งนี้นอกจากเข้าร่วมการประชุมดังกล่าวแล้ว ในวันที่ 31 ส.ค.นายกฯจะพบหารือกับนายนเรนทร โมที นายกรัฐมนตรีสาธารณรัฐอินเดีย และนายคัดห์กา ปราสาด ชาร์มา โอลิ นายกรัฐมนตรีสหพันธ์สาธารณรัฐประชาธิปไตยเนปาลตามลำดับ โอกาสนี้ได้นำคณะนาฏศิลป์ชุด “เถิดเทิง” ไปร่วมในการแสดงวัฒนธรรมระหว่างงานเลี้ยงอาหารค่ำแด่ผู้นำ BIMSTEC หลังเสร็จภารกิจนายกฯจะเดินทางกลับประเทศไทย

ตามบี้เยียวยา “โกงเงินคนจน”

คุณหญิงกัลยา โสภณพนิช รองหัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ กล่าวถึงกรณีการสวมสิทธิ์โกงเงินผู้ยากไร้ ว่ามีการทุจริตที่ จ.ขอนแก่น ตั้งแต่เดือน มี.ค. 2561 กระทรวงการพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ (พม.) และรัฐบาล จำเป็นต้องหามาตรการเยียวยาให้คนที่ได้รับสิทธิที่ตกเป็นเหยื่อ เพราะเห็นแล้วว่าข้าราชการของ พม. มีส่วนรู้เห็นจึงได้รับโทษ เข้าใจว่ามีข้าราชการชั้นผู้ใหญ่ที่โดนคดีนี้กินยาฆ่าตัวตาย ถึงบัดนี้ 4-5 เดือนรัฐบาลก็ไม่นำพา ประชาชนที่เป็นเหยื่อยังไม่ได้รับการเยียวยา จึงขอเรียกร้องให้รัฐบาลและผู้ที่รับผิดชอบหรือผู้ที่มีอำนาจช่วยในเรื่องนี้

ร้อง “บิ๊กตู่” เบรกงบเซ่นกล้ายาง

ที่ศูนย์บริการประชาชน บริเวณสำนักงาน ก.พ. นายวัชระ เพชรทอง อดีต ส.ส.บัญชีรายชื่อพรรคประชาธิปัตย์ ยื่นหนังสือถึง พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์-โอชา นายกฯและหัวหน้า คสช. คัดค้านการตั้งงบ ประมาณรายจ่ายปีงบประมาณ 2562 ของกรมวิชาการเกษตร กระทรวงเกษตรและสหกรณ์ จำนวนเงิน 211,748,700 บาท เพื่อชำระเงินให้แก่บริษัทยักษ์ใหญ่แห่งหนึ่ง ตามคำพิพากษาของศาลฎีกาคดีกล้ายาง ซึ่งโครงการดังกล่าวเกิดในสมัยรัฐบาลนายทักษิณ โดยนายวัชระกล่าวว่า เรียกร้องให้นายกฯระงับการตั้งงบประมาณรายจ่ายเพื่อชำระเงินดังกล่าว ที่จะเข้าสู่การพิจารณาของ สนช.วันที่ 30 ส.ค. เพราะโครงการกล้ายางส่อว่ามีการทุจริต รัฐบาลควรตั้งคณะกรรมการสอบสวนว่ามีการฮั้วกัน หรือทุจริตหรือไม่

ป.ป.ช.ยันไม่ปล่อยจีที 200 หมดอายุ

ที่โรงแรมแกรนด์เมอร์เคียวฟอร์จูน นายสุรศักดิ์ คีรีวิเชียร ป.ป.ช. ให้สัมภาษณ์ความคืบหน้าการไต่สวนข้อเท็จจริง การจัดซื้อเครื่องตรวจวัตถุระเบิดจีที 200 (GT200) และอัลฟ่า 6 ว่า เรื่องนี้อยู่ระหว่างการพิจารณาของ ป.ป.ช. ยืนยันไม่มีการปล่อยให้ขาดอายุความแน่นอน แต่การจะวินิจฉัยว่าถูกหรือผิด เป็นเรื่องยาก บางครั้งไม่ได้อยู่ที่มูลค่าของเครื่อง แต่เป็นเหมือนความเชื่อเหมือนพระเครื่อง เจ้าหน้าที่ที่นำไปใช้แล้วรู้สึกว่าคุ้มค่า แต่บางส่วนมองว่าราคาเครื่องไม่น่าจะแพงขนาดนั้น อย่างไรคงจะมีความชัดเจนในเรื่องนี้ออกมาในช่วงเวลาที่เหมาะสม เมื่อถามว่าสามารถใช้กรณีการชี้มูลความผิดอดีตข้าราชการใน จ.พิษณุโลก ที่จัดซื้อเครื่องตรวจสารเสพติดอัลฟ่า 6 (Alpha6) มาเป็นบรรทัดฐานคดีอื่นได้หรือไม่ นายสุรศักดิ์ตอบว่า เป็นคนละกรณีกัน กรณีนั้นเป็นการจัดซื้อโดยไม่มีอำนาจ ไม่ใช่เรื่องที่เป็นปัญหาจากตัวเครื่องเหมือนกรณี GT200

องค์กรต้านโกงโวคนร่วมมากขึ้น

ที่โรงแรมดุสิตธานี นายประมนต์ สุธีวงศ์ ประธานองค์กรต่อต้านคอร์รัปชัน (ประเทศไทย) แถลงผลการดำเนินงาน 7 ปีองค์กรฯ ว่าการดำเนินงานที่ผ่านมาระหว่างปี 2554-2560 พบสถานการณ์คอร์รัปชันในสังคมไทยเปลี่ยนแปลงไป จากการขับเคลื่อนขององค์กรฯ ภาคีเครือข่าย โดยยุทธศาสตร์ทำงานร่วมกับรัฐบาล มีผู้แทนเข้าร่วมเป็นสภาปฏิรูปแห่งชาติ สภานิติบัญญัติแห่งชาติ และคณะกรรมการต่อต้านการทุจริตแห่งชาติ นำไปสู่การออกนโยบาย กฎหมาย ที่เอื้อต่อการปราบคอร์รัปชันได้อย่างรวดเร็วและเป็นระบบยิ่งขึ้น มีการจัดตั้งศาลอาญาคดีทุจริตและประพฤติมิชอบ มีบทลงโทษเอกชนและประชาชนที่ให้สินบนเจ้าหน้าที่รัฐ เกิดเครือข่ายประชาชน นักธุรกิจ นักวิชาการ สื่อมวลชน และข้าราชการ ร่วมมือต่อต้านคอร์รัปชัน ทำให้คนไทยไม่ยอมทน กล้าออกมาเปิดโปงการทุจริตและการโกงมากขึ้น อีกทั้งการผลักดัน พ.ร.บ.การจัดซื้อจัดจ้าง และบริหารพัสดุภาครัฐ พ.ศ.2560 ที่กำหนดให้ประชาชน มีส่วนร่วมตรวจสอบการจัดซื้อจัดจ้างภาครัฐผ่านโครงการข้อตกลงคุณธรรม ตั้งแต่ปี 2558 มีการลงนามในสัญญาจัดซื้อจัดจ้างแล้ว 45 โครงการ ช่วยประหยัดงบประมาณให้รัฐได้สูงถึง 25,128 ล้านบาท