ไม่ต้องรอปลดล็อกการเมือง แต่ในสมรภูมิโซเชียลมีเดีย เครือข่าย “ทักษิณ ยิ่งลักษณ์” ชนะขาดลอย เพราะเคลื่อนไหวตลอด รักษายอดไลค์ เฟซบุ๊ก ไอจี และทวิตเตอร์มหาศาล ที่คสช.ไม่อาจประมาทได้

ความเคลื่อนไหวทางการเมืองเวลานี้ นักการเมืองหลายคนจดจ่อกับการรอประกาศปลดล็อกให้นักการเมืองเคลื่อนไหวทำกิจกรรมเพื่อปูทางก่อนเลือกตั้ง แต่นักการเมืองจำนวนมาก เคลื่อนไหวทางการเมืองมานานแล้ว มีฐานสมาชิกเหนียวแน่น แม้ว่าจะอยู่ต่างประเทศ และหลายคนมีคดีที่ถูกตัดสิทธิทางการเมือง แต่ทุกอย่างเป็นไปได้เสมอในเวทีการเมือง จึงไม่น่าแปลกใจที่ ผบ.ทบ.พลเอกเฉลิมชัย สิทธิสาท ในฐานะเลขาธิการคณะรักษาความสงบแห่งชาติ หรือคสช. ออกมากล่าวว่า ห่วงการใช้โซเชียลมีเดียที่นำไปสู่การโจมตีกัน มากกว่าการปลดล็อกให้เคลื่อนไหวทำกิจกรรมต่าง ๆ

ไทยรัฐออนไลน์สำรวจความนิยมในตัวนักการเมือง จากยอดไลค์ในเฟซบุ๊กพบว่า กลุ่มครอบครัวชินวัตรส่วนหนึ่งที่เคลื่อนไหวอย่างต่อเนื่อง มียอดไลค์รวมกันไม่ต่ำกว่า 10 ล้านคน เพจของนางสาวยิ่งลักษณ์ มียอดไลค์สูงสุดกว่า 6 ล้านคน​ พานทองแท้กว่า 2.7 ล้านคน และของนายทักษิณเองกว่า 2.6 ล้านคน

นอกจากนี้ยังมีเครือข่ายของนักการเมืองเพื่อไทย และกลุ่มคนเสื้อแดง ที่มีสมาชิกเพจไม่น้อย เช่น นายจาตุรนต์ ฉายแสง 245,000 คน นพ.เหวง โตจิราการ 216,000 คน นายพิชัย นริพทะพันธุ์ 237,000 คน และนายวัฒนา เมืองสุข 137,000 คน

ไม่เพียงเครือข่ายทักษิณ แต่อีกขั้วหนึ่ง อย่างนายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ หัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ มียอดไลค์ในเฟซบุ๊กกว่า 2.2 ล้านคน นอกจากนี้ยังมีลุงกำนัน นายสุเทพ เทือกสุบรรณ มียอดไลค์กว่า 2.6 ล้านคน

...

สำหรับโซเชียลมีเดียของคสช. ที่เป็นบุคคลไม่มีความเคลื่อนไหวเท่าไรนัก มีในนามหน่วยงานเป็นหลัก เช่น เฟซบุ๊ก คสช. มีคนติดตามอยู่ประมาณ​ 370,000 คน ส่วนทวิตเตอร์ มีคนติดตาม 323,000 คน และล่าสุดมีไลน์ข่าวจริงประเทศไทย ที่มีสมาชิกประมาณ​ 221,000 คน

คำถามเกิดขึ้นว่า 4 ปีที่ผ่านมา นายกรัฐมนตรี พลเอกประยุทธ์ จันทร์โอชา ไม่สนใจคนในโซเชียลมีเดียหรืออย่างไร จึงไม่ปั้นยอดไลค์ มาสู้กับเขาบ้าง

คำตอบจากพลโท สรรเสริญ แก้วกำเนิด ในฐานะโฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี และอธิบดีกรมประชาสัมพันธ์ ย้ำกับ ไทยรัฐออนไลน์ ว่า คสช.สนใจและให้ความสำคัญกลุ่มคนในโซเชียลมีเดีย แต่มีหลักคิดว่าให้สื่อสารในนามหน่วยงานไม่ใช่บุคคล เพราะไม่ใช่การทำงานเพื่อพีอาร์ส่วนตัว และยืนยันว่ามีหลายหน่วยงานของ คสช. และรัฐบาลที่ทำเพจเฟซบุ๊ก ไอจี ยูทูบ และไลน์ เพื่อสื่อสารการทำงานตลอดเวลาที่ผ่านมา และได้ผลในการเข้าถึงการรับรู้ของประชาชน อย่างเช่น การลงพื้นที่ของนายกรัฐมนตรี และครม.ล่าสุดที่ จ.ชุมพรและระนอง ที่รัฐบาลรายงานผ่านสื่อโซเชียลมีเดีย เข้าถึงประชาชนถึงกว่า 6 ล้านคน