เดินมาถึงจุดที่ทนายของคู่กรณีทั้ง 2 ฝ่าย ต้องเผชิญหน้ากันแล้ว เมื่อ พ.ต.อ.ภูมิวิทย์ เวชกามา ผกก.สภ.เมืองอุดรธานี เป็นตัวกลางประสานไกล่เกลี่ยปม นกน้อย อุไรพร นักร้องหมอลำเสียงอิสาน ซึ่งได้ยืมโฉนดที่ดิน จำนวน 33 ไร่ จากนักธุรกิจสาวใหญ่จากสหรัฐอเมริกา มูลค่า 49 ล้านบาท ไปจำนองไว้กับเจ้าหนี้นอกระบบ และนำเงินออกมามูลค่า 3.8 ล้านบาท
ความคืบหน้ากรณีดังกล่าว เมื่อเวลา 13.40 น. วันที่ 28 สิงหาคม นางสุดารัตน์ ภูผานี อายุ 46 ปี ชาว ต.หนองบัว อ.เมือง จ.อุดรธานี นักธุรกิจ เจ้าหนี้ “นกน้อย อุไรพร” พร้อมกับพีรนัทธ์ วงศ์สวัสดิ์ ทนายความ และญาติ เดินทางมาโรงพักเมืองอุดรธานี เพื่อยื่นหนังสือ ต่อ พ.ต.อ.ภูมิวิทย์ เวชกามา ผกก.สภ.เมืองอุดรธานี เพื่อขอความเป็นธรรม กรณีนางอุไร ฉิมหลวง หรือนกน้อย อุไรพร หมอลำชื่อดัง เบี้ยวหนี้ 3.8 ล้าน
นางสุดารัตน์ เปิดเผยกับผู้สื่อข่าวว่า ได้รู้จักกับแม่นกน้อย ผ่านหลวงพ่อสมจิตร พระภิกษุใน จ.หนองคาย ที่ตนและครอบครัวเคารพนับถือเมื่อ 20 ปีก่อน ทำให้สนิทสนมกันกับแม่นกน้อย จนได้ผูกข้อมือเป็น “แม่ฮัก” มอบดอกไม้บนเวที ให้ประชาชนคนดูเป็นพยาน แต่ตนเดินทางกลับไปทำธุรกิจที่รัฐบอสตัน สหรัฐอเมริกา ต่อมาเมื่อเดือนมีนาคม 2559 หลวงพ่อให้ตนมาช่วยเหลือแม่นกน้อย หากไม่ช่วยจะไม่มีเงินเปิดวงเดินสายแสดง ยืมแค่ 2 เดือน จึงตัดสินใจช่วยเหลือ ด้วยการนำโฉนดที่ดิน 33 ไร่ ไปจำนองนายทุน 3.8 ล้าน นำเงินจำนวนดังกล่าวไปให้แม่นกน้อย โดยแม่นกน้อยยินดีจ่ายดอกเบี้ยเดือนละ 95,000 บาทเอง ถือว่าไม่เพียงช่วยแม่นกน้อย แต่ได้ช่วยลูกวงอีก 200 ชีวิต ให้มีเงินไปเลี้ยงดูครอบครัว ผ่านมาจนถึงวันนี้ยังไม่ได้โฉนดคืน
...
"เมื่อธุรกิจร้านอาหาร ร้านกาแฟ และหวยลอตโต้ ที่ต้องใช้เงินลงทุนอีกหลายล้านบาทในสหรัฐอเมริกา ต้องขับเคลื่อน จึงได้กลับมาขอโฉนดคืน เพื่อจะนำไปแบ่งขายนำเงินมาลงทุนธุรกิจ แต่แม่นกน้อย กลับบ่ายเบี่ยงไม่มีโฉนดคืนมาให้ อ้างเหตุผลต่างๆ นานา แม้จะอยู่อเมริกาก็จะโทรมาบอกแม่นกน้อยประจำ จนกระทั่งเดือนพฤษภาคม หลวงพ่อโทรให้ตนกลับมาเอาโฉนด"
นางสุดารัตน์ กล่าวต่อว่า เมื่อเดินทางกลับมาก็ยังไม่ได้โฉนดคืน ตนไปหาแม่นกน้อยที่บ้านทุกวัน ต้องเลื่อนตั๋วเครื่องบิน 4 ครั้ง ซึ่งครั้งล่าสุดเลื่อนเดินทางกลับวันที่ 13 กันยายน ซึ่งวันพุธแม่นกน้อยได้โทรมาบอกว่าจะเอาโฉนดคืนมาให้ ขอเวลา 2-3 วัน แต่พอมาวันเสาร์ แม่นกน้อยกลับแถลงข่าวว่า ไม่ได้ยืมเงินตน แต่เป็นการร่วมลงทุนธุรกิจอีเวนต์
“ยอมรับว่าเป็นคนทำนิติกรรมจำนองที่กับนายทุนเอง เพราะเป็นเจ้าของที่ดิน หลังจากฟังแม่นกน้อยแถลงข่าว รู้สึกเสียใจมาก ครั้งหนึ่งแม่ลำบาก ดิฉันได้เข้ามาช่วยเหลือ แต่พอเราลำบาก ต้องการโฉนดซึ่งเป็นของพ่อแม่ กลับมาเพื่อจะนำไปแบ่งขาย เพื่อนำไปทำธุรกิจที่ต่างประเทศ แม่นกน้อยกลับไม่ช่วยเหลือ แถมยังใส่ร้ายแต่จะไม่มีการฟ้องร้อง ยินดีเจรจาไกล่เกลี่ย และไม่ขอรับเงินสด เพียงแต่ขอโฉนดคืนเท่านั้น และอยากฝากถึงแม่นกน้อย ให้แม่ออกมารับความจริง ถ้าเอาโฉนดคืนมา สังคมยังให้อภัย เพราะพูดความจริง แต่ถ้ายังตีหน้าเศร้าเล่าความเท็จ คนจะประณาม”
พ.ต.อ.ภูมิวิทย์ เวชกามา ผกก.สภ.เมืองอุดรธานี เปิดเผยว่าเมื่อทั้งสองฝ่ายพร้อมเจรจาไกล่เกลี่ย ตำรวจขอเวลาสอบสวนปากคำเพิ่มเติมอีกเล็กน้อย และจะนัดทั้งสองฝ่ายมาเจรจาไกล่เกลี่ย หากทั้งสองฝ่ายไกล่เกลี่ยกันได้ ก็จะถือว่าคดีสิ้นสุด แต่ถ้าเจรจาไกล่เกลี่ยกันไม่ได้ ก็ต้องดำเนินคดีตามกฎหมาย ซึ่งจะเจรจาให้เสร็จก่อนวันที่ 13 กันยายน ซึ่งเป็นวันที่นางสุดารัตน์ต้องเดินทางกลับอเมริกา
...
นางสุดารัตน์ กล่าวทิ้งท้ายว่า ที่ยอมไกล่เกลี่ยเพราะว่าเห็นใจผู้กำกับที่ยื่นมือเข้ามาช่วยเหลือตั้งแต่แรก น้ำใจตำรวจครั้งนี้ตนเองและครอบครัวจะไม่ลืมเลย ขอบพระคุณ พ.ต.อ.ภูมิวิทย์ เวชกามา ผกก.สภ.เมืองอุดรธานี มา ณ ที่นี้ด้วย