รายได้งาม!! ชาวประมงกระบี่คึกคัก นำเรือประมงกว่า 100 ลำ ออกทะเลจับกุ้งหัวเรียว สร้างรายได้ต่อครั้ง 3,000-8,000 บาทต่อคน หลังหน่วยงานรัฐ ชาวประมงพื้นบ้าน เฝ้าระวังการทำการประมงผิดกฎหมายในเขตทะเลชายฝั่ง รวมทั้งขยายเวลาปิดอ่าวจาก 2 เดือน เป็น 3 เดือน...
เมื่อเวลา 10.00 น. วันที่ 21 ส.ค. 61 นายแสน ศรีงาม ประมงจังหวัดกระบี่ ได้รับแจ้งจากชาวประมงในพื้นที่ ม.3 ต.เขาคราม อ.เมือง จ.กระบี่ ว่า มีกุ้งทะเลขึ้นชุกชุม จึงนำเจ้าหน้าที่ประมง ร่วมกับเจ้าหน้าที่ศูนย์ป้องกันและปราบปรามประมงทะเลเขต 3 ประจำเรือตรวจประมงทะเล 223 ลงพื้นที่ตรวจสอบ พบบริเวณอ่าวแหลมแตง เขตรอยต่อ ม.3 ต.เขาคราม อ.เมือง และ ต.แหลมสัก อ.อ่าวลึก มีกลุ่มชาวประมงพื้นบ้านนำเรือประมงขนาดเล็ก จำนวนกว่า 100 ลำ ออกมาจับกุ้ง โดยใช้วิธีการเหวี่ยงแหจับกุ้งกันอย่างคึกคัก โดยบางรายจับกุ้งได้ประมาณ 70-100 กิโลกรัม มีรายได้เฉลี่ยจากการนำไปขาย 3,000-8,000 บาท
นายอนุศักดิ์ บุตรหมัน อายุ 31 ปี อาชีพทำประมง อยู่บ้านเลขที่ 47/10 ม.2 ต.อ่าวลึกน้อย อ.อ่าวลึก เผยว่า หลังจากที่ทราบว่าบริเวณดังกล่าวกุ้งขึ้นชุกชุม จึงได้นำแหออกมาจับได้กว่า 70 กิโลกรัม มีรายได้ประมาณ 6,000 บาท ซึ่งเหตุที่กุ้งขึ้นเยอะ เชื่อว่าส่วนหนึ่งเป็นเพราะทางประมง จ.กระบี่ ได้ทำการกวาดล้างรื้อถอนโป๊ะ เครื่องมือประมงผิดกฎหมายออกจากทะเล ทำให้ปริมาณสัตว์น้ำเพิ่มจำนวนขึ้นอย่างต่อเนื่องทั้งกุ้ง หอย ปู ปลา ชาวประมงมีรายได้เป็นกอบเป็นกำ โดยเฉพาะกุ้งหัวเรียว ที่เพิ่มจำนวนมากขึ้นในช่วงไม่กี่วันที่ผ่านมา
ด้านประมง จ.กระบี่ กล่าวว่า กุ้งหัวเรียว เป็นกุ้งทะเลที่มีขนาดใหญ่ มีขนาดตั้งแต่ 2-4 นิ้ว ขนาดประมาณ 40 ตัวต่อกิโลกรัม พบมากในพื้นที่ อ.เมือง อ.อ่าวลึก และ อ.เหนือคลอง ในปีนี้ยังพบบริเวณปากน้ำกระบี่ ซึ่งปรากฏการณ์ดังกล่าวเกิดขึ้นติดต่อกันมาทุกปี โดยกุ้งทะเล หรือกุ้งหัวเรียว จะพบมากในช่วงระหว่างเดือนกันยายน-พฤศจิกายน แต่ปีนี้กุ้งเข้ามาเร็วขึ้น คาดว่าเกิดจากสภาพอากาศเปลี่ยนแปลง โดยเฉพาะหลังฝนหยุดตก คลื่นลมสงบ กุ้งหัวเรียวจะรวมกันเป็นกลุ่มก้อน อาศัยตามชายฝั่ง สาเหตุที่มีปริมาณมากขึ้น เกิดจากความอุดมสมบูรณ์ของทรัพยากรสัตว์น้ำ
...
ที่ผ่านมา มีการบูรณาการร่วมระหว่างหน่วยงานภาครัฐ เครือข่ายชาวประมงพื้นบ้านเฝ้าระวังการทำการประมงผิดกฎหมายในเขตทะเลชายฝั่งกระบี่ ร่วมกันอนุรักษ์ทรัพยากรสัตว์ในช่วงฤดูปลามีไข่วางไข่ และกรมประมง ได้ขยายระยะเวลาปิดอ่าวฝั่งอันดามัน จาก 2 เดือน เป็น 3 เดือน ส่งผลให้ทรัพยากรสัตว์น้ำมีเวลาเติบโต และมีปริมาณเพิ่มมากขึ้น ทำให้ชาวประมงชายฝั่งสามารถจับสัตว์น้ำได้มากขึ้น โดยไม่ต้องออกทะเลไปในพื้นที่อื่น.